สำหรับเย่เฉินแล้ว ไม่ว่าจะด้วยฐานะอาจารย์เย่ หรือด้วยฐานะคุณชายเย่ เขาก็ไม่เห็นคนหยาบคายอย่างขงเต๋อหลงอยู่ในสายตาทั้งสิ้น

แม้จะบอกว่าตระกูลขงเองก็เป็นตระกูลใหญ่ในเย่นจิงเช่นกัน แต่กำลังโดยรวมของพวกเขาอันที่จริงก็มีเพียงแค่เท่านี้

อย่าว่าแต่ขงเต๋อหลงคนเดียวเลย ต่อให้เป็นตระกูลขงทั้งตระกูล ก็ไม่อาจเข้าตาของเย่เฉินไปได้

เฉินจื๋อข่ายย่อมรู้กำลังที่แท้จริงของเย่เฉิน

นี่ก็คือคนที่ใช้กระบวนท่าเดียวสังหารเจ้านายของราชาบู๊ทั้งแปดแห่งตระกูลอู๋ด้วยตัวคนเดียวเชียวนะ!

ความสามารถเช่นนี้ ตระกูลขงไม่ใช่คู่มืออย่างแน่นอน

แต่เฉินจื๋อข่ายก็รู้ดีเช่นกันว่า เย่นจิงเป็นสถานที่แบบไหน? ที่นั่นมากไปด้วยน้ำลึก เห็นว่าในน้ำเหมือนสงบนิ่ง อันที่จริงข้างใต้กลับซ่อนสิ่งมหึมาบางอย่างเอาไว้ คุณไม่รู้เลยว่าวินาทีต่อมาที่ใต้ก้นแม่น้ำอาจจะเป็นปลาคาร์ฟตัวหนึ่งกระโดดออกมา หรืออาจจะเป็นมังกรตัวจริงโผล่ออกมาก็ได้ทั้งนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นหนนี้เย่เฉินเดินทางไปเย่นจิงเพียงลำพัง เฉินจื๋อข่ายจึงเกิดกลัวว่าตอนเขาอยู่ที่เย่นจิงจะไปพบเจอเรื่องราวจนเป็นเหตุให้น้ำน้อยแพ้ไฟ ดังนั้นเลยเอ่ยเตือนเขาว่า “คุณชาย แม้กำลังที่แท้จริงของตระกูลขงจะไม่นับว่าอยู่บนจุดสูงสุด แต่อยู่ในเย่นจิงก็ถือว่ามีเส้นสายและรากฐานที่มั่นคง หนนี้คุณไม่ยอมบอกให้ตระกูลรู้ ดังนั้นยังคงระวังให้มากจะดีกว่า”

เย่เฉินรู้ว่าที่เฉินจื๋อข่ายพูดคำเหล่านี้ออกมาเป็นไปด้วยความหวังดีทั้งสิ้น ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเบาๆ “ฉันรู้แล้วเหล่าเฉิน นายวางใจเถอะ”

ตอนที่เฉินจื๋อข่ายกำลังรอไฟแดง ก็ใช้มือถือซื้อตั๋วเครื่องบินที่จะไปยังเย่นจิงในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้จนเสร็จเรียบร้อย

จากนั้นก็กล่าวกับเย่เฉินว่า “คุณชาย เครื่องบินออกพรุ่งนี้สิบโมงเช้า ผมจองที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสให้คุณ”

“ดี” เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง พอคิดถึงว่าพรุ่งนี้ตนเองจะกลับไปยังเย่นจิงเป็นครั้งแรกหลังจากที่จากมาสิบกว่าปี ในใจเขาก็ถึงกับเคร่งเครียดขึ้นมาอยู่หลายส่วน

หนนี้เขาไม่ได้เตรียมตัวจะกลับตระกูลเย่ และไม่ได้คิดจะพบหน้าคนตระกูลเย่

แต่เขาวางแผนว่าจะไปเยี่ยมสุสานของบิดามารดาแทน ในฐานะคนเป็นลูก การไม่เคยไปเยี่ยมสุสานนานหลายปีขนาดนี้ ถือเป็นลูกที่อกตัญญูโดยแท้จริง หากไปถึงเย่นจิงแล้วยังไม่ไปเยี่ยมอีก คงไม่อาจจะให้อภัยได้อีก

เมื่อกลับมาถึงบ้าน

เซียวฉางควนกับหม่าหลันก็กลับไปยังห้องนอนของตัวเองแล้ว

เซียวชูหรันก็ไม่ได้อยู่ที่โถงรับแขกเช่นกัน เย่เฉินมาหยุดยังห้องนอนที่ชั้นสอง ถึงพบว่าเซียวชูหรันกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้า ดังนั้นเขาจึงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ที่รัก ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมยังมายืนอยู่ข้างนอกอีก? ตอนนี้อากาศเย็นมาก รีบกลับเข้าข้างในกันเถอะ”

เมื่อสักครู่เซียวชูหรันเห็นเขาเดินเข้ามาในลานบ้านแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจต่อการปรากฏตัวของเขา ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ ว่า “พยากรณ์อากาศบอกว่าคืนนี้จะมีหิมะตกค่ะ จินหลิงตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี จึงมีหิมะตกน้อยมาก บางปีอาจไม่เห็นหิมะเลยด้วยซ้ำ ฉันอยากจะรอดูจนหิมะตกได้ไหมคะ”

เย่เฉินพยักหน้า ถามยิ้มๆ ว่า “หากคุณชอบหิมะตกล่ะก็ คราวหน้าถ้ามีโอกาส พวกเราสามารถไปดูหิมะกันทางเหนือได้”

เซียวชูหรันพูดด้วยสีหน้าโหยหา “ฉันชอบทอดสายตามองไปยังที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนเป็นพิเศษ อย่างเช่นภูเขาฉางไบของประเทศจีนเรา หรือจะเป็นฮอกไกโดของญี่ปุ่น มีโอกาสพวกเราไปดูกันเถอะ?”

เย่เฉินยิ้มถาม “ไปไหนดี? ภูเขาฉางไบหรือฮอกไกโด?”

เซียวชูหรันกล่าวว่า “ไปภูเขาฉางไบก่อน!”

พอเย่เฉินคิดถึงภูเขาฉางไบ นอกจากจะคิดถึงฉากที่ตนเองอยู่ใต้เชิงเขาสังหารราชาบู๊ทั้งแปดแล้ว ก็ยังอดคิดถึงพ่อลูกวิตถารคู่นั้นของตระกูลเว่ยไม่ได้ ดังนั้นจึงส่ายหน้ากล่าวว่า “ภูเขาฉางไบอย่าไปดีกว่า มีโอกาสก็ไปฮอกไกโดหรือภูเขาคุนหลุนกันเถอะ”

เซียวชูหรันส่งเสียงตอบรับ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างทอดถอนใจว่า “อีกเดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้ว ผ่านเดือนแรกไปก็คือวันเกิดของคุณ ถึงเวลาคุณมีอะไรที่อยากได้ในวันเกิดไหมคะ?”

เย่เฉินส่ายศีรษะ “ไม่อยากได้อะไร หวังเพียงอย่างเดียวให้คนรักมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สุขสงบปลอดภัยสมหวังในทุกประการ”