“ที่แห่งนี้คือป่าสุวิมล สถานที่ที่เหล่าศิษย์โถงวิญญาณนิพพานมาบ่มเพาะ และยังเป็นด่านแรกของการทดสอบ! ตอนนี้ข้านั้นเดินเรื่องสมัครให้เจ้าไปแล้ว ที่เหลือเจ้าก็แค่ต้องผ่านป่าสุวิมล เส้นทางคุมวิญญาณ และเตาหลอมวิญญาณทั้งสามด่านไปให้ได้ เมื่อเจ้าผ่านก็จะได้เข้าเป็นศิษย์โถงวิญญาณนิพพานทันที” เหยียนยูเจินอธิบายคร่าวๆ ถึงการทดสอบที่จะเกิดขึ้น
โถงวิญญาณนิพพานนั้นเป็นเส้นทางสู่ส่วนกลางของเผ่าวิญญาณ แต่ไม่ใช่ว่าเผ่าวิญญาณทุกคน จะเป็นส่วนหนึ่งของโถงวิญญาณนิพพาน โถงวิญญาณนิพพานนั้นเหมือนเป็นค่ายสำนักที่ใหญ่ที่สุด หากคิดอยากจะเข้า มันก็ต้องมีการทดสอบที่หนักหน่วง
การทดสอบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะหากพลาดไปเพียงนิดมันก็อาจจะถึงชีวิตได้! แน่นอนว่าการเสี่ยงชีวิตนี้ มันย่อมคุ้มค่าหากสามารถเข้าโถงวิญญาณนิพพานได้
การควบคุมทรัพยากรของเผ่าวิญญาณนั้นมันเข้มงวดมาก หากเข้าโถงวิญญาณนิพพานได้ คนผู้นั้นก็จะมีโอกาสบรรลุสู่ระดับต่อไปได้
หากคิดอยากจะเข้าถึงเบื้องบนของเผ่าวิญญาณแล้วมันก็ย่อมจะต้องผ่านโถงวิญญาณนิพพานนี้ไป เพราะฉะนั้นชาวเผ่าวิญญาณมากมายจึงได้มารวมตัวกันเข้าทดสอบนี้
ภายในป่าสุวิมลนั้นมันมีวิญญาณเต๋ามากมาย! วิญญาณเต๋านั้นมันคือความคิดที่ตกค้างของชาววิญญาณ การสร้างเต๋าของตัวเองขึ้นมาท่ามกลางเต๋าอื่นๆ นับหมื่นนั้น มันคือเป้าหมายของป่าสุวิมลนี้ แต่ว่าท่ามกลางเต๋านับหมื่นๆ นั้นย่อมจะไม่ยากเลยที่จะหลงลืมความเป็นตัวเองไป
สำหรับชาววิญญาณทั้งหลายนั้นการเข้าไปสู่ป่าสุวิมลมันอาจจะทำให้พวกเขาหลงทาง
และกลายเป็นหนึ่งในวิญญาณเต๋าที่หลงอยู่ภายในได้ง่ายๆ
แน่นอนว่าแม้จะอันตรายแต่มันก็มีประโยชน์มาก เพราะว่าบางคนที่สร้างยอดเต๋าของตัวเองในป่าสุวิมลนี้ได้ พวกเขาจะกลายเป็นยอดคนขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด เพราะฉะนั้นโถงวิญญาณนิพพานจึงได้ปล่อยให้ศิษย์เข้ามาบ่มเพาะ ศึกษาเต๋าภายใน
“เวลาจำกัดนั้นคือสามวัน! หากเจ้าออกจากป่าสุวิมลมาได้ในสามวันแล้วมันก็ถือว่าผ่าน” เหยียนยูเจินกล่าว
ที่เหลือเขาย่อมจะไม่ต้องบอกอะไรอีก เพราะเขานั้นรู้จักเย่หยวนดี และรู้ว่าแค่ป่าสุวิมลนี้หยุดอะไรเย่หยวนไม่ได้อยู่แล้ว
เพียงแค่ว่าเขาก็อยากจะเห็นเช่นกันว่าเย่หยวนนั้นจะทำได้ขนาดไหน
แท้จริงตัวเหยียนยูเจินเองก็คิดอยากจะโม้ตัวเองให้เย่หยวนฟัง
แต่พอคิดไปอีกครั้งเขาก็ต้องหยุดปากตัวเองไว้ก่อน เพราะเขานั้นไม่อยากโดนเย่หยวนตบหน้าหันอีก
ก่อนนั้นตอนที่เขาเข้าทดสอบในป่าสุวิมล เขาใช้เวลาแค่ยี่สิบชั่วโมงก็ออกมาได้
ผลลัพธ์นั้นมันเรียกได้ว่าติดสิบอันดับแรกของโถงวิญญาณนิพพานได้ เป็นอะไรที่เหนือล้ำอย่างมาก!
เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เขาไปต้องตามหาจักรพรรดิชีหยูเข้า
ซึ่งด่านนี้มันไม่ได้ทดสอบพรสวรรค์แต่ทดสอบจิตเต๋า
มีแต่คนที่จิตเต๋ามั่นคงเท่านั้นที่จะผ่านมาได้!
แต่เหยียนยูเจินนั้นรู้จักเย่หยวน รู้ดีว่าจิตเต๋าของเย่หยวนมันมั่นคงปานใด!
ในตอนนี้ที่ทางเข้าป่าสุวิมลนั้นมันมีผู้คนยืนรอเข้ารับการทดสอบอยู่มากมาย
เย่หยวนนั้นเองก็เข้าไปรอกับกลุ่มคนทั้งหลายเช่นกัน
“ถอยไป!” จู่ๆ ก็เกิดเสียงร้องลั่นขึ้นมาจากด้านหลังก่อนที่คนทั้งหลายจะเปิดทางออกช้าๆ
ชายหนุ่มสามคนเดินผ่านทางแหวกนั้นออกมาด้วยมือไพล่หลังท่าทางเหมือนมิใช่คนเข้าทดสอบแม้แต่น้อย
คนอื่นๆ เองก็ดูจะทำหน้าท่าทางกลัวพวกเขา
เย่หยวนได้ยินเสียงคนคุยกันขึ้นมาจากด้านหลัง
“สามคนนี้ใครกัน? ทำไมถึงได้โอหังเช่นนี้?”
“เจ้าไม่เคยได้ยินนามของสามบุตรเจาะชาดหรือ? ไม่นึกเลยว่าพวกเขานั้นจะมาร่วมทดสอบกับเราในครั้งนี้ด้วย!”
“ฉินซื่อเถียน โจวหยู เหอเฉินพวกเขาทั้งสามนั้นคือยอดคนที่กลับมาจากสนามรบเจาะชาด! และข้ายังได้ยินมาว่าพวกเขานั้นสร้างผลงานไว้ที่สนามรบเจาะชาดอย่างมากมายมหาศาล จนถูกผู้อาวุโสทั้งสามรับเข้าเป็นศิษย์ไป! ซึ่งตอนนี้พวกเขาแค่เข้ามาทดสอบเพื่อให้ได้เป็นศิษย์ของโถงวิญญาณนิพพาน อย่างเป็นทางการเท่านั้น!”
“คนทั้งสามนั้นช่างมีพลังงานเน่ารุนแรงล้ำฟ้าดินนัก ข้าไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปใกล้พวกเขาเลย!
มันรุนแรงเกินไป! พวกเขาทั้งสามจะต้องเป็นสามอันดับแรกแน่ๆ แล้ว!”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงได้โอหังนัก ที่แท้ก็มากฝีมือจริง!”
…
คนทั้งหลายนั้นมองดูหน้าคนทั้งสามที่กำลังเดินผ่านกลุ่มคนไป
ที่ใดที่พวกเขาผ่านนั้นมันจะมีทางเปิดออกเสมอ!
มันมิใช่ว่าคนทั้งหลายนั้นอยากจะถอยแต่พวกเขานั้นมีแต่ต้องถอยให้!
เทียบกับคนอื่นๆ แล้วคนทั้งสามนั้นเหมือนจะมิใช่คนรุ่นเดียวกันก็ไม่ปาน
สามอัจฉริยะนี้สังหารรอดชีวิตออกมาจากภูเขาซากศพวิญญาณ
ทำให้พลังงานเน่าที่ออกจากร่างของพวกเขานั้นรุนแรงล้ำฟ้า แถมยังมีร่างกายที่แจ่มชัดอย่างมาก
คนที่อ่อนแอหน่อยอาจจะถูกพลังเน่านี้บดขยี้จนตายได้ง่ายๆ
แต่เผ่าวิญญาณนั้นก็ไม่ได้มีวิญญาณที่อ่อนแอเหมือนเผ่ามนุษย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวฉินซื่อเถียน
และทั้งสามนี้ก็มีคลื่นพลังหนักหน่วงยากจะสังหารได้ลง!
ซึ่งมันก็ย่อมจะยากกว่าการสังหารเผ่าเลือดเสียด้วยซ้ำ!
คนทั้งสามนั้นก้าวเท้าเข้ามาภายในอย่างไม่สนใจใครๆ
“เฮอะ? แค่ขยะก็คิดมาทดสอบเข้าโถงวิญญาณนิพพานด้วย! โอหังหลงตัวเองกันจริงๆ!” ฉินซื่อเถียนกล่าวมาด้วยความเยาะเย้ย
โจวหยูนั้นยิ้มขึ้นตาม “ฝันมันก็ดี! แต่ว่าการเข้ามาทดสอบพร้อมเรานี้ คงทำให้พวกมันหมดความมั่นใจไปทั้งชีวิตแน่แล้ว?”
เหอเฉินยิ้มขึ้น “ลองดูๆ แล้วมันไม่มีใครที่พอสู้ได้เลย! ขยะพวกนี้มันก็ยังกล้าเสนอหน้ามาทดสอบกับเขาด้วย”
โจวหยูนั้นกล่าวขึ้นตาม “หึๆ เป้าหมายของเรานั้นมันมิใช่แค่เข้าโถงวิญญาณนิพพาน! แน่นอนว่าเราจะลดตัวไปเทียบพวกมันไม่ได้!”
ฉินซื่อเถียนหัวเราะขึ้นตาม “เข้ามาทดสอบพร้อมขยะพวกนี้มันทำข้าเสียอารมณ์จริงๆ!”
คนทั้งสามนั้นไม่คิดจะลดเสียงใดๆ แถมพูดจาให้คนทั้งหลายได้ยินเต็มสองรูหู
เมื่อคนรอบๆ ได้ยินพวกเขาก็ต้องกัดฟันด้วยหน้าแดงก่ำขึ้น
คนที่กล้ามาท้าทายโถงวิญญาณนิพพานนั้นล้วนจะมิใช่นักยุทธมือใหม่
อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ต้องมีความมั่นใจบ้างถึงกล้ามา
แต่อย่างที่โจวหยูกล่าวนั้น พวกเขาเริ่มจะหมดความมั่นใจลงสิ้นแล้ว
สามบุตรเจาะชาดนั้นแข็งแกร่งเกินไป!
ระหว่างที่สามคนเดินผ่านไปพวกเขาก็มาใกล้ถึงตัวเย่หยวน
คนอื่นๆ รอบตัวเย่หยวนนั้นถอยหลังกลับออกไปและเปิดทางให้
ทว่าเย่หยวนกลับไม่ขยับจนจักรพรรดิเที่ยงขั้นกลางอีกคนข้างๆ ตัวเย่หยวนได้สะกิดเรียกเขา “ยังไม่ถอยมาอีก? เจ้าจะรนหาที่ตายหรือ!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ป่าสุวิมลนี้มีไว้ทดสอบจิตเต๋า หากเจ้าถอยไปตอนนี้ เจ้ายังต้องเข้าป่าสุวิมลอีกหรือ?”
คนผู้นั้นผงะไปทันทีที่ได้ยิน เพราะเมื่อลองได้คิดตามมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
แต่เวลาเดียวกันนั้นเองเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวตรงหน้า
สีหน้าของเขาเปลี่ยนสีไป
และเขาก็รู้สึกเหมือนร่างวิญญาณกำลังแตกสลายจนต้องพุ่งตัวถอยกลับออกไปหลายสิบก้าวทันที
เมื่อเป็นเช่นนั้นตัวเย่หยวนจึงกลายเป็นคนเดียวที่ยังไม่ถอยไป
คนอื่นๆ นั้นเริ่มซุบซิบกล่าวขึ้นมา
“คิดวางตัวใหญ่ปกปิดความหายนะหรือ? แค่ถอยแล้วก็ไม่ต้องเข้าป่าสุวิมล? จะบ้าหรืออย่างไร!”
“นี่มันเรียกว่าวางตัวใหญ่ได้หรือ? นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ! อย่าลืมว่าสามบุตรเจาะชาดนั้นแข็งแกร่งมาก
และร่างวิญญาณของมันคงพังทลายลงแน่แล้ว!”
“เฮอะ คนไม่กลัวตายมันมีจริงๆ เว้ย!”
…
พวกฉินซื่อเถียนทั้งสามนั้นเองก็ย่อมจะเห็นเย่หยวนเช่นกัน
ฉินซื่อเถียนนั้นขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่พอใจ
ที่ที่พวกเขาเดินผ่านนั้นมันกลับมีคนไม่เปิดทางให้
ที่สำคัญคำพูดของเย่หยวนนั้นมันยังเข้าหูคนทุกคนอย่างชัดเจน รวมไปถึงพวกเขาทั้งสามด้วย
“เฮอะ! ไอ้เจ้าโง่โอหัง! ไม่มีกำลังแล้วกลับอวดอ้างตัว รนหาที่ตายจริงๆ!”
ฉินซื่อเถียนร้องขึ้นพร้อมเร่งพลังงานเน่าในร่างของตนให้พุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว!
โจวหยูเองก็หัวเราะขึ้นและปล่อยพลังออกมาตาม!
เหอเฉินเองก็ปล่อยพลังออกมาเช่นกัน!
คนทั้งสามนั้นปล่อยพลังรุนแรงล้นฟ้าออกมาจนทำให้หน้าคนทั้งหลายเปลี่ยนสี
พวกเขานั้นไม่ได้เจาะจงปล่อยคลื่นกดดันใส่ใคร เพียงแค่ปล่อยพลังออกมาจากร่างเท่านั้น
มันจึงทำให้คนรอบๆ ต้องถอยห่างออกไปอีก
ตอนนี้มันเกิดช่องว่างใหญ่ขึ้นตรงกลางกลุ่มคน
นอกจากพวกเขาทั้งสามแล้วมันก็มีแค่เย่หยวนในช่องว่างใหญ่นี้
เย่หยวนนั้นอยู่ในจุดศูนย์กลางของพลังจากร่างคนทั้งสามนี้!
เดิมทีแล้วพวกเขานั้นย่อมจะไม่ได้จงใจปล่อยพลังเน่าออกมา
แต่ตอนนี้พวกเขานั้นคิดจะสั่งสอนเย่หยวนจึงได้ปล่อยพลังออกมาอย่างสุดตัว!
“ถอยไป!” เมื่อฉินซื่อเถียนเดินมาถึงเย่หยวนเขาก็ร้องลั่นขึ้นสั่ง
แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มตอบกลับไป
ไม่หวั่นไหวราวต้นไม้ใหญ่!