อึดอัด!
บรรยากาศมันอึดอัดนัก!
เสียงที่ร้องสั่งถอยไปนั้นมันดังลั่นแค่ไหน?
แต่เย่หยวนกลับไม่ขยับแม้สักก้าว
ความอึดอัดในบรรยากาศหน้าทางเข้าป่าสุวิมลตอนนี้มันก็ไม่มีอย่างอื่นผสมเลย
เดิมทีนั้นพวกเขาต่างคิดว่าเย่หยวนย่อมจะอ่อนแอไม่มีแรงต้านทานใดๆ
และหากถูกแรงกดดันนี้เข้าไป ต่อให้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
ใครจะไปคิดว่าเขานั้นกลับไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย
“ไม่มีทางน่า? เจ้าเด็กนี่มันแค่จักรพรรดิเที่ยงขั้นกลางแท้ๆ ทำไมถึงสามารถทนรับพลังเน่าของฉินซื่อเถียนได้?”
“ข้าได้ยินมาว่าพลังเน่าของฉินซื่อเถียนนั้นมันสามารถกดดันได้แม้แต่พลังเลือดของเผ่าเลือด แต่มันกลับไม่อาจจะกดดันเจ้าเด็กนี่ได้!”
“น่าอายเสียจริงๆ พวกเจ้าดูหน้าฉินซื่อเถียนตอนนี้สิ แดงจนเขียวเลย!”
…
ฉินซื่อเถียนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมากทั้งในสนามรบเจาะชาดและแดนกล้วยไม้สงบ
ใครจะไปคิดว่าเขานั้นกลับต้องมาเสียหน้าให้กับเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง?!
โจวหยูนั้นใจเย็นกว่าอีกสองคนมาก เขาแค่จ้องมองหน้าเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย็นเยือกและถามขึ้น “น่าสนใจ! น่าสนใจจริงๆ! ไม่นึกเลยว่าการทดสอบเข้าครั้งนี้ข้ากลับจะมาเจอคนน่าสนใจเช่นนี้เข้า เจ้ามีนามว่าอะไร?”
เย่หยวนส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายและเดินจากไป
คนทั้งสามนั้นต้องผงะอ้าปากค้างไป
เจ้าบ้านี่กลับเมินพวกเขาสิ้นเชิง!
คนอื่นๆ นั้นไม่มีใครกล้าจะเมินสามบุตรเจาะชาดอย่างเด็ดขาด!
ครั้งนี้แม้แต่โจวหยูก็ยังเดือดดาลขึ้นมา
“ไอ้เวร ข้าพูดกับเจ้า หูหนวกหรือ?” โจวหยูร้องลั่นขึ้นมา
“คิดอยากจะอวดตัวก็ไปผ่านการทดสอบให้ได้ก่อนเถอะ เจ้ายังไม่ผ่านป่าสุวิมลเลยด้วยซ้ำ แต่กลับมาอวดอ้าง
ตัวเองเสียแล้ว ช่างหาเรื่องขายหน้าแท้ๆ” เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างไม่คิดจะหันหน้ากลับมามอง
“ซีด…”
คนทั้งหลายต่างต้องสูดลมหายใจเข้าลึกไป
เย่อหยิ่งโดยแท้!
ไกลออกไปนั้นเหยียนยูเจินเองก็ได้เห็นเรื่องราวนี้และอดยิ้มแห้งๆ ขึ้นไม่ได้
เย่หยวนมันก็ยังคงเป็นเย่หยวน!
แม้ว่าคนทั้งสามนั้นจะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ไม่อาจจะเทียบเคียงกับเย่หยวนได้เลย!
คลื่นพลังเน่าจากร่างของสามบุตรเจาะชาดนั้นหนักหน่วงอย่างมาก
จนวิญญาณของพวกเขาแทบจะกลายเป็นวัตถุได้และมันย่อมจะไม่อาจรับมือได้ง่ายๆ
แต่เส้นทางของเย่หยวนนั้นมันแตกต่างจากคนทั้งสามสิ้นเชิง
สามบุตรเจาะชาดนั้นผ่านสงครามมาอย่างยาวนาน
เหมือนกับการหล่อหลอมร่างวิญญาณของตัวเองเหมือนที่มนุษย์ฝึกฝนกล้ามเนื้อ
แต่เส้นทางของเย่หยวนนั้นมันเป็นยอดเต๋าที่แตกต่างไป!
ตอนที่สู้กับเย่หยวนนั้น…
เขาก็สัมผัสได้ว่าวิญญาณดั่งเดิมของเย่หยวนมันเหมือนกับหมอกหนาที่ไม่อาจจะทำอันตรายใดๆ ได้
แม้ว่าพลังงานเน่ามันจะหนักหน่วงแต่มันก็ยังไม่อาจทำอะไรเย่หยวนได้
หากมิใช่พลังงานเน่าจากมหาจักรพรรดิแล้วมันก็คงไม่มีทางจะทำอันตรายใดๆ เย่หยวนได้เลย
“ดูท่าครั้งนี้มันจะมีคนกล้าท้าทายเราแล้ว! น่าสนใจจริงๆ!” ฉินซื่อเถียนกัดฟันหัวเราะขึ้นมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
คนทั้งสามนั้นต่างโหดร้ายป่าเถื่อนสังหารคนมามากมาย
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเผ่าเลือด พวกเขานั้นต่างฆ่าสังหารมามากมาย
เดิมทีแล้วพวกเขาคิดว่าครั้งนี้มันคงเป็นการแข่งขันระหว่างกันเท่านั้น
ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะมาเจอเข้ากับคนที่คิดท้าทายพวกเขาทั้งสามพร้อมๆ กัน
แต่โจวหยูนั้นกลับยิ้มกว้างขึ้นมา “มันก็ดีมิใช่หรือ? เดิมทีข้าคิดว่าการทดสอบครั้งนี้มันจะน่าเบื่อเป็นแน่
แต่ในตอนนี้การได้ฉีกร่างไอ้เด็กไม่รู้จักฟ้าดินนั้นมันก็น่าสนใจไม่น้อย เพียงแต่ว่าข้าไม่รู้ว่ามันจะออกจากป่าสุวิมลไปได้หรือไม่น่ะสิ!”
คนทั้งหลายนั้นต่างรู้สึกดีว่าโจวหยูนั้นแท้จริงเป็นคนที่โหดร้ายที่สุด
เวลาเดียวกันนั้นเองมันก็ปรากฏเงาร่างขึ้นมาบนทางเข้าป่าสุวิมล
มหาจักรพรรดิ!
“เอาล่ะ คนมากันครบแล้ว เข้าป่าสุวิมลไปเสีย! เวลาจำกัดนั้นคือสามวัน หลังจากครบสามวันแล้วใครที่ออกมาไม่ได้ก็จะถูกดึงกลับออกมา แต่หากเจ้าอยู่รอดไม่ถึงสามวัน มันก็ไม่อาจจะโทษใครได้แล้ว ตอนนี้พวกเจ้าคนใดที่ไม่มั่นใจ
ก็ยังสามารถถอนตัวออกมาได้” มหาจักรพรรดิคนนั้นประกาศขึ้น
ไม่มีใครขยับหนีไปไหนเพราะคนที่มานั้นต่างรู้ถึงความน่ากลัวของป่าสุวิมลกันดีแต่แรก
มหาจักรพรรดิคนนั้นยิ้มกล่าวขึ้นต่อ “ในเมื่อไม่มีใครถอนตัวแล้วก็เข้าป่ากันได้!”
ภายใต้คำสั่งนี้ยอดอัจฉริยะเผ่าวิญญาณนับพันๆ ก็ได้เดินเข้าสู่ป่าสุวิมลกันอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นมันก็ปรากฏจอแสงขึ้นมาเหนือป่า แสดงจุดที่แต่ละคนนั้นเข้าไป
และคนใดที่จุดแสดงตำแหน่งจางหายไป…
มันก็หมายความว่าพวกเขาได้ตายลงกลายเป็นส่วนหนึ่งของป่าสุวิมลไปแล้ว
แต่ละครั้งที่มีการทดสอบนั้นมันจะมีคนนับร้อยๆ ตายลงไป
ไม่นานหลังจากเข้าป่าสุวิมลไปมันก็มีเงาร่างอีกหลายเงาปรากฏขึ้น
มหาจักรพรรดิคนนั้นเบิกตากว้างและรีบก้มหัวลงทันที “ขอคารวะท่านเจ้าโถงทั้งสาม! คารวะท่านผู้อาวุโส!”
“อืม เจ้าทำการทดสอบต่อไปเถอะ ไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก!”
“ขอรับ!”
คนที่มานั้นมันคือเจ้าโถงและรองเจ้าโถงทั้งสอง!
เรื่องนี้ทำให้กรรมการทดสอบครั้งนี้เย็นสันหลังวาบ!
เพราะดูท่าแล้วเจ้าโถงทั้งสามนั้นจะให้ค่ากับศิษย์ทั้งสามนั้นอย่างมาก!
เจ้าโถงมหาจักรพรรดิล้ำตงหยาง รองเจ้าโถงมหาจักรพรรดิล้ำซีเฉินและมหาจักรพรรดิล้ำหลินฟาง
พวกเขาทั้งสามนั้นต่างเป็นยอดฝีมือมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์
การทำให้พวกเขาหันมาสนใจได้นั้นมันย่อมจะหมายความว่าสามบุตรเจาะชาดนั้นไม่ธรรมดาจริง
นอกจากนั้นแล้วมันยังมีอาจารย์ของเหยียนยูเจิน มหาจักรพรรดิชีหยูมาด้วย
“อาจารย์!” เหยียนยูเจินรีบเข้าไปทักทาย
เมื่อชีหยูเห็นเหยียนยูเจินนั้นเขาก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น “เจ้าก็มาดูกับเขาด้วย?”
เหยียนยูเจินยิ้มตอบกลับไป “ขอรับ ศิษย์นั้นเดินทางออกไปครั้งนี้ได้เจอสหายที่ดีคนหนึ่งและเขาอยากจะร่วมทดสอบเข้าโถงวิญญาณนิพพาน ข้าจึงได้มาส่งเขาเข้าทดสอบ!”
ชีหยูพยักหน้ารับและคิดว่ามันมิใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
แต่เหยียนยูเจินนั้นกลับผิดหวังสุดหัวใจ
เขานั้นหวังว่าอาจารย์ของตัวนั้นจะสามารถมองได้ว่าร่างกายของเขามันมีอะไรผิดปกติ
แต่ดูท่าคงไม่!
ดูแล้ววิชาที่เย่หยวนใช้ออกมานั้นมันคงเหนือล้ำแม้แต่มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์ก็ยังไม่อาจจะมองมันออกได้
“สหายเจ้ามีนามว่าอะไร?” ชีหยูถามขึ้นพร้อมมองจอแสง
“เรื่องนั้น…คนที่รั้งท้ายนามว่าเย่หยวนคนนั้น” เหยียนยูเจินชี้มือขึ้นไป
ตอนนี้แต่ละจุดบนจอแสงนั้นมันจะมีนามเขียนติดไว้ด้วย
ชีหยูอดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ชั้นนอกนั้นมันเป็นส่วนที่มีวิญญาณร้ายน้อยที่สุดแต่เขากลับยังหยุดอยู่แค่ที่ชั้นนอกหรือ ดูท่า…คงอยู่ได้ไม่ถึงสามวันเสียแล้วมั้ง?”
เหยียนยูเจินนั้นได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
ด้วยจิตเต๋าของเย่หยวนนั้นเขาควรจะผ่านมาได้อย่างรวดเร็วแต่นี่กลับไปหยุดอยู่ทางเข้าเสียอย่างนั้น
นี่มันหมายความว่าเขากำลังเจอปัญหา!
เรื่องของป่าสุวิมลนี้ยิ่งเข้าไปส่วนลึกมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งมีวิญญาณร้ายอันตรายมากขึ้นเท่านั้น พลังแห่งการหลอกลวงมันก็จะเพิ่มพูนขึ้น
“ฮ่าๆ อาจารย์ลุงชีหยู ไอ้เด็กนี่มันคนที่หาเรื่องสามบุตรเจาะชาดก่อนหน้านี้มิใช่หรือนี่ ข้าก็นึกว่ามันจะเก่งแค่ไหนที่แท้มันกลับไม่อาจจะผ่านชั้นนอกไปได้ด้วยซ้ำ ขยะเสียจริง! ฮ่าๆ ศิษย์น้องยูเจินนั้นมีฝีมือไม่น้อยแต่ว่าสายตาของเขานั้นช่างอ่อนหัดนัก กลับไปผูกมิตรกับขยะเช่นนี้เข้า สามบุตรเจาะชาดนั้นสมชื่อว่าเป็นศิษย์ของสามเจ้าโถงท่านจริงๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป…พวกเขาอาจจะทำลายสถิติลงก็ได้!”
คนที่พูดขึ้นมานั้นคือเจียงห่าวเขาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสอีกคนและมีฝีมือสูสีกับเหยียนยูเจิน
ระหว่างคนทั้งสองนั้นมันมักจะมีแต่เรื่องให้แข่งกันเสมอๆ
ภาพก่อนหน้านั้นเขาเองก็เห็นมันกับตาเช่นกัน
เดิมทีเขานั้นคิดว่าเย่หยวนคงเก่งกาจไม่เบา เพราะเขาสามารถทนรับพลังงานเน่าของสามบุตรเจาะชาดได้
แต่ใครจะไปคิดว่าเขากลับอ่อนแอปานนี้
ได้เห็นเหยียนยูเจินทำหน้าเหยเกเช่นนั้นเขาย่อมจะไม่รอช้าซ้ำแผลทันที
ได้ยินเช่นนั้นชีหยูเองก็ต้องหันมามองตัวเหยียนยูเจินด้วยสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน
‘ไปสร้างสหายบ้าบออะไรมา?’
นอกจากว่าจะอ่อนแอแล้วยังมีหน้าไปอวดดีอวดเก่งท้าทายสามศิษย์ของเจ้าโถงอีก นี่มันจะไม่เรียกว่าโง่ได้หรือ?
เพราะมหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์อย่างเขานี้จะเสียหน้าไม่ได้!
ดูสภาพของสามบุตรเจาะชาดอีกครั้งในตอนนี้แล้วพวกเขาก็ค่อยๆ เข้าไปในป่าลึกถึงสิบกิโลเมตรแล้ว!
ป่าสุวิมลนั้นไม่ได้ใหญ่โตมีพื้นที่แค่ราวๆ สิบกิโลเมตร
แต่ยิ่งเข้าไปลึก มันก็จะยิ่งช้าลง