เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองสะดวกกว่า”

หม่าหลันพยักหน้าพร้อมกับยิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า “งั้นเธอก็เดินทางโดยปลอดภัยนะจ๊ะ!”

พูดจบ ขณะที่เย่เฉินกำลังจะออกจากประตู เธอก็รีบหันหลังแล้วเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยคว่า “ลูกเขยคนดี หากเห็นว่าที่เย่นจิงมีของดีอะไร ซื้อติดมือมาฝากแม่ด้วยนะ!”

“อืม ได้ครับ”

เย่เฉินตอบรับพอเป็นพิธีไปหนึ่งคำ จากนั้นก็สาวเท้าเดินออกจากบ้าน

ณ สนามบินจินหลิง

เย่เฉินไม่ได้พกสัมภาระอะไรติดตัวมา ดังนั้นจึงตรงไปเปลี่ยนเป็นบัตรขึ้นเครื่อง แล้วเดินผ่านเครื่องสแกนทันที

เพราะเฉินจื๋อข่ายซื้อตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสให้เขา ดังนั้นหลังจากที่เขาผ่านเครื่องสแกนแล้ว ก็ตรงไปยังห้องพักVIP

เครื่องออกสิบโมง พอถึงเวลาเก้าโมงยี่สิบนาทีก็มีพนักงานบริการของห้องพักVIPมาพาเขาไปขึ้นเครื่องก่อนล่วงหน้าด้วยตัวเอง

เย่เฉินขึ้นเครื่องนำไปก่อนคนอื่นหนึ่งก้าว ภายในชั้นเฟิร์สคลาส มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วสองสามคน

ชั้นเฟิร์สคลาสของเครื่องบินลำนี้แบ่งรูปแบบเป็น2+2 นั่นก็คือทางเดินสองฝั่งแต่ละฝั่งจะมีที่นั่งค่อนข้างกว้างขวางอยู่สองที่นั่ง ที่นั่งสามารถปรับนอนได้ แบบนี้ก็จะสามารถนอนราบได้ สะดวกสบายอย่างยิ่ง

เย่เฉินนั่งตำแหน่งติดหน้าต่าง หลังจากนั่งลงเขาก็มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใจลอย

สิบกว่าปีมานี้ เย่เฉินไม่เคยผ่านสถานการณ์อย่างในตอนนี้มาก่อน

จึงเคร่งเครียดและกระวนกระวายปนกับการรอคอยที่เลือนรางสายหนึ่ง

ที่คนโบราณบอกว่าใกล้บ้านเกิดยิ่งกังวล นำมาใช้กับเขาตอนนี้ ถือได้ว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง

เครื่องบินผู้คนยังทยอยกันขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนที่เขาได้กลิ่นหอมเย็นชนิดหนึ่งลอยเข้าจมูก เขาก็หันหน้าไปมองโดยไม่รู้ตัว

มีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างตัวเขาพอดี กำลังเตรียมจะนั่งลง

หญิงสาวเห็นเขาหันมา ก็มองเขาโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน พลันร้องเรียกด้วยความประหลาดใจทันที “เย่เฉิน?! ทำไมคุณมาอยู่นี่ได้?”

เย่เฉินเองก็ชะงักไปเช่นกัน

เพราะว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ ถึงกับเป็นผู้หญิงคนนั้นที่ชอบตนเองมาตลอด เพื่อนสนิทของเซียวชูหรัน ต่งรั่งหลิน

เขาเองก็ถามอย่างประหลาดใจมากเช่นกัน “รั่งหลิน คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”

“ฉันจะไปเย่นจิงน่ะสิ!” ต่งรั่งหลินกล่าวอย่างแปลกใจระคนดีใจสุดแสน “ฉันเป็นคนเย่นจิงนะ คุณคงไม่ได้เอ๋อไปแล้วหรอกนะ!”

พูดจบ เธอก็รีบนั่งลง ถามอย่างตื่นเต้นว่า “คุณล่ะ? คุณจะไปทำอะไรที่เย่นจิง ชูหรันล่ะ? เธอไม่ได้มาด้วยกันเหรอ?”

เย่เฉินส่ายศีรษะ แล้วกล่าวว่า “ผมไปเย่นจิงเพราะมีธุระนิดหน่อย มีเพื่อนแนะนำงานดูฮวงจุ้ยให้ผมงานหนึ่ง ค่าตอบแทนไม่เลว ดังนั้นผมเลยจะไปที่นั่นสักเที่ยว”

ต่งรั่งหลินพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะกล่าวว่า “งั้นก็บังเอิญเกินไปแล้ว! ฉันก็จะกลับบ้านไปอวยพรวันเกิดให้คุณย่าพอดี คิดไม่ถึงว่าเราสองคนไม่เพียงนั่งเครื่องเดียวกัน ยังนั่งที่ติดกันอีกด้วย ฉันว่าแล้วเชียวเราสองคนมีวาสนาต่อกันเป็นพิเศษ!”

แม้จะบอกว่าต่งรั่งหลินมีช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเย่เฉินแล้ว แต่ความรู้สึกภายในใจที่เธอมีต่อเย่เฉิน ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตลอด

อันที่จริงระยะนี้เธอคิดถึงเย่เฉินมากอยู่ตลอดเวลา

ตอนแรกเธอได้รับคำเชิญจากเซียวชูหรัน ให้มาอาศัยอยู่ที่Tomson Rivieraด้วยกัน แต่ช่วงนั้นมีเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเซียวมากเกินไป

เดี๋ยวครอบครัวนายหญิงใหญ่เซียวก็วิ่งเข้าบ้านมา ต้องการมาอยู่Tomson Rivieraอย่างหน้าด้านๆ

เดี๋ยวหม่าหลันก็หายตัวไปอีกแล้ว ทำให้เซียวชูหรันต้องตามหาไปทั่ว

ต่อจากนั้นเซียวฉางควนก็ต้องการต้อนรับรักแรกมาอยู่ที่บ้านอีก

ต่อมาอีกหม่าหลันที่หายไปก็กลับมา ทำเอาทั้งบ้านวุ่นวายกันไปหมด

ต่งรั่งหลินในฐานะคนนอกคนหนึ่ง จึงไร้ทางเลือก สภาพแวดล้อมที่วุ่นวายเช่นนี้ยังคงอยู่ในTomson Rivieraเหมือนเดิม ดังนั้นเธอจึงย้ายกลับไปอยู่โรงแรมเสียแต่เนิ่นๆ ดีกว่า

ดังนั้นช่วงนี้จึงทำให้เธอแทบจะป่วยเป็นโรคคิดถึงเย่เฉินไปเสียแล้ว!