“ข้าก็ขอตอบด้วยคำพูดเดิม คิดอยากจะอวดตัวก็ไปผ่านการทดสอบให้ได้ก่อนเถอะ มาพูดจนดอกไม้ร่วงเสียแต่ตอนนี้สุดท้ายมันจะไม่เป็นการหาเรื่องขายหน้าอีกหรือ?” เย่หยวนกล่าวตอบไป
ฉินซื่อเถียนนั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่นทำหน้าดำเครียดตอบกลับไป “เช่นนั้นเราจะได้รู้กันว่าเส้นทางคุมวิญญาณนี้มันจะตบหน้าใครกันแน่!”
มหาจักรพรรดิคนหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าคนทั้งหลายและกล่าวขึ้น “เส้นทางคุมวิญญาณนี้มันมีด้วยกันทั้งหมดสิบระดับ ผ่านได้สองระดับจะถือว่าผ่านการทดสอบครั้งนี้ไปได้ เส้นทางคุมวิญญาณนี้มันมีประโยชน์ในเรื่องการช่วยตีหลอมร่างวิญญาณ ถือว่าเป็นประโยชน์ล้ำกับพวกเจ้าทั้งหลายแต่พวกเจ้าต้องประเมินตัวเองให้ดี ไม่เช่นนั้นจะได้ตายลงง่ายๆ! ตอนนี้สถิติที่ดีที่สุดของเส้นทางคุมวิญญาณมันคือปลายสุดของระดับห้า!”
พวกฉินซื่อเถียนทั้งสามนั้นเริ่มตั้งตัวเตรียมรับมือเพราะครั้งนี้พวกเขาจะต้องตบหน้าเย่หยวนให้ได้!
สิ่งที่ได้มาจากสนามรบเจาะชาดนั้นมันมิใช่สิ่งที่คนอื่นๆ จะเลียนแบบได้ชั่วข้ามคืน ร่างกายของพวกเขานั้นหนักแน่นอย่างมาก
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางเองก็เคยกล่าวไว้ว่าความถึกทนของฉินซื่อเถียนนั้นคงพอจะไปถึงระดับหกได้ง่ายๆ! หรือก็คือเขานั้นสามารถที่จะทำลายสถิติที่สุดปลายระดับห้าได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เขานั้นไม่เชื่อว่าเย่หยวนนั้นจะยังคงสามารถตามพวกเขามาได้ในรอบนี้!
ภายใต้คำสั่งของผู้ดูแลนั้นคนกว่าสามร้อยก็พุ่งเข้าไปภายในเส้นทาง
เมื่อเข้ามาถึงเส้นทางคุมวิญญาณ มันก็มีการโจมตีวิญญาณมากมายพุ่งออกมาปกปิดฟ้าดินจนทำให้คน
ทั้งหลายหน้าซีดขาว
ชาวเผ่าวิญญาณทั้งหลายนั้นต่างปล่อยวิชาวิญญาณออกมาตั้งรับมันไว้
แต่ว่ามันก็มีผู้เข้าทดสอบหลายคนต้องร้องลั่นขึ้นมาด้วยน้ำตานองหน้า
“แค่ระดับแรกมันก็รุนแรงปานนี้แล้วหรือ นี่กะจะสังหารกันหรืออย่างไร!”
“คนที่เข้าโถงวิญญาณนิพพานได้มันต้องเป็นสัตว์ประหลาดพันธุ์ใดกัน!”
“อ้าก ข้าไม่ไหวแล้ว! ข้าทนไม่ได้แล้ว! ข้าขอถอนตัว!”
…
คนที่ผ่านด่านแรกมาได้กว่าสามร้อยคนนี้ย่อมจะเป็นหัวกะทิทั้งสิ้น
เพียงแค่ว่าตอนนี้มันเริ่มมีคนที่ทนไม่ได้ขึ้นมาแล้ว
การโจมตีวิญญาณหนักหน่วงเป็นชุดนั้นมันทำให้ผู้เข้าคัดเลือกทั้งหลายไม่อาจต้านทาน
แต่ละวินาทีที่ผ่านไปนั้นมันมีการโจมตีวิญญาณดั่งเดิมเกิดขึ้นมานับสิบๆ ครั้ง
มันเหมือนดั่งว่าพวกเขานั้นกำลังต่อต้านสายลม!
เส้นทางคุมวิญญาณนั้นยาวถึงสิบกิโลเมตร
แต่ละกิโลเมตรนั้นมันนับเป็นหนึ่งระดับ
แต่ตอนนี้ก้าวออกมายังไม่ถึงพันก้าวพวกเขาก็เริ่มมีคนตายลงแล้ว
แน่นอนว่าต่อให้จะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มนี้มันก็ยังนับว่าเป็นยอดฝีมือ
พวกฉินซื่อเถียนทั้งสามนั้นไม่สนใจการโจมตีเหมือนพายุคลั่งนี้ใดๆ
ตอนนี้พวกเขาไม่ใช้แม้แต่วิชาป้องกันตัว
ระดับแรกนั้นมันง่ายดายสำหรับพวกเขาอย่างมาก
พวกเขาทั้งสามนั้นเดินผ่านระดับแรกขึ้นระดับสองไปด้วยความเร็วที่ไม่อาจมีใครตามทัน
เพราะว่าระดับตรงหน้ามันง่ายดายพวกเขานั้นยังไม่อยากจะเปลืองแรงและเก็บแรงที่เหลือไว้ต่อต้านระดับหลังๆ
ตอนนี้ทั้งสามนั้นหันกลับไปมองด้านหลังอย่างไม่ได้นัดหมาย
ซึ่งพวกเขาก็มองเห็นว่ามีอีกหลายคนที่ตามพวกเขามาได้ไม่ยาก
แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้ปรากฏขึ้นในกลุ่มคนที่ตามหลังมานั้นจนทำให้พวกเขาทั้งสามต้องถอนหายใจยาว
มันคงตามมาไม่ได้แน่แล้ว!
ด่านนี้มันคือด่านของพวกเขา!
“หึ ไอ้เด็กเวรนั่นมันดูเก่งกาจจริงแต่ก็ไม่ได้เหนือล้ำอะไรไปกว่านี้! ในรอบนี้สิ่งที่ต้องใช้นั้นคือร่างวิญญาณ! พวกเราทั้งสามนั้นย่อมจะไม่มีทางแพ้ใครในเรื่องนี้ได้!” ฉินซื่อเถียนกล่าวขึ้น
“หลังจากออกไปแล้วเราคงต้องไปสั่งสอนมันเสียหน่อย!” โจวหยูกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าดำมืด
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลเลย! พ่อเจ้านี้ตั้งแต่รอดจากสงครามกลับมาได้ก็ยังไม่เคยเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน! ครั้งนี้ข้าอยากจะรู้นักว่าไอ้เด็กนั่นมันจะเอาอะไรมาโอหังได้อีก!” ฉินซื่อเถียนกล่าวขึ้น
ความอับอายจากด่านแรกนั้นพวกเขายังจำมันฝังใจ
นอกจากว่าจะเสียหน้าเองแล้วเขายังทำให้มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางเสียหน้าด้วย!
พูดจบพวกเขาทั้งสามก็เดินเข้าระดับสองไปอย่างไม่คิดหันกลับไปมองอีก
ในระดับที่สองนั้นนอกจากว่าการโจมตีมันจะเพิ่มมากขึ้นแล้วพลังของมันยังรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า
สำหรับคนอื่นๆ นั้นมันย่อมจะเป็นการทดสอบที่ยากยิ่ง
แต่พวกฉินซื่อเถียนทั้งสามนั้นไม่คิดสนใจใดๆ ใช้วิชาป้องกันตัวออกมาและเดินเข้าไปอย่างไม่หวั่นไหว
นอกเส้นทางคุมวิญญาณนั้นมหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นพยักหน้ารับอย่างพึ่งพอใจกับฝีมือของฉินซื่อเถียน
และทั้งสามคน
“หึๆ มาถึงเส้นทางคุมวิญญาณแล้วเย่หยวนนั้นก็เริ่มต้องเผยธาตุแท้ออกมา! ดูสภาพมันแล้วคงจะเป็นเรื่องลำบากที่จะผ่านไปได้แน่!” มหาจักรพรรดิล้ำซีเฉินกล่าวขึ้น
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางเองก็ยิ้มกล่าวขึ้นตาม “หากพูดถึงร่างวิญญาณแล้วในหมู่จักรพรรดิเที่ยงมันคงไม่มีใครเหนือล้ำไปกว่าพวกเขาทั้งสามได้หรอก สนามรบเจาะชาดนั้นมันไม่ต่างอะไรจากนรก พวกเขาทั้งสามนั้นต่อสู้กับหอกดาบของจริงมาสังหารเผ่าเลือดลงไปเป็นภูเขา! แน่นอนว่าร่างวิญญาณของพวกเขานั้นมันย่อมจะอยู่ที่จุดสูงสุดเท่าที่จักรพรรดิเที่ยงจะไปถึงได้”
มหาจักรพรรดิล้ำหลินฟางนั้นกล่าวขึ้นตาม “จิตเต๋าหนักแน่นจริงแต่ว่าไม่มีฝีมือที่มากพอ! เช่นนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากต้นไม้ที่หยั่งรากลึกแต่สูงเท่าต้นหญ้า ไม่อาจจะต่อต้านพลังอะไรได้ หากให้เย่หยวนสู้กับคนทั้งสามนั้นเขาคงได้ตายลงอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน!”
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นพยักหน้ารับตามๆ กัน
ชีหยูได้แต่ทำหน้าเหยเก
เขาเองก็ไม่คิดฝันว่าเย่หยวนจะอ่อนแอปานนี้
ในด่านที่สองนี้เขากลับรั้งท้าย!
ดูท่าแล้วเขาคงไม่อาจจะผ่านระดับแรกไปได้ด้วยซ้ำ
ครั้งนี้แม้แต่เหยียนยูเจินเองก็ยังงง
เขานั้นรู้ว่าร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นมันไม่ได้แข็งแกร่งใดๆ
เพราะสิ่งที่เย่หยวนมีเหนือคนอื่นมันคือวรยุทธวิญญาณ
หรือว่าครั้งนี้เขาจะต้องผิดหวังแล้ว?
ไม่นานนักเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายก็ผ่านระดับแรกไปได้เหลือคนในระดับแรกไว้ไม่กี่คน
บ้างนั้นก็บาดเจ็บหนักแต่ฝืนทนไป บ้างนั้นก็ต้องถอนตัวกลับออกไปเพราะไม่อาจจะฝืนต่อไปได้
แต่เย่หยวนนั้นยังอยู่ห่างจากเส้นแบ่งระดับไปอีกหลายพันก้าว
ตอนนี้พวกฉินซื่อเถียนทั้งสามคนนั้นได้ผ่านขึ้นไปจนจะถึงระดับสามแล้ว!
ความเร็วนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นยิ้มกว้างกล่าวขึ้น “เย่หยวนนั้นมีจิตเต๋าที่หนักแน่นจริง ทำให้เขานั้นหัวรั้นกว่าใครๆ จนทนมาถึงถึงป่านนี้”
มหาจักรพรรดิซีเฉินหัวเราะขึ้น “ไม่ว่าจะหัวรั้นแค่ไหนมันก็เปล่าประโยชน์ ต่อให้จะผ่านระดับแรกมาได้จริงมันก็คงไม่มีทางจะผ่านระดับสองที่พลังเพิ่มพูนขึ้นไปหลายเท่าได้ หากเขาไปถึงระดับสองได้จริงๆ มันอาจจะทำให้ร่างของเขานั้นแตกสลายลงตรงนั้นเลยก็ได้! ข้าว่ามันรนหาที่ตายแล้ว!”
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นไม่คิดสนใจเย่หยวนอีกและหันไปมองพวกฉินซื่อเถียน “ซื่อเถียนนั้นช่างมีพรสวรรค์นัก เขานั้นกลับสามารถทิ้งคนทั้งสองไว้ได้ไกลไม่น้อย ข้าว่าเขาคงเข้าไปถึงระดับหกได้จริงๆ แน่นอน เพียงแค่ว่าไม่รู้ว่าเขาจะเดินในระดับหกได้กี่ก้าว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายก็ต้องหันมามองมหาจักรพรรดิล้ำตงหยางเป็นตาเดียว
พวกเขานั้นไม่คิดว่ามหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นจะให้ค่าฉินซื่อเถียนขนาดนั้น
อย่าว่าแต่ระดับหก แค่ระดับห้านั้นมันก็เรียกได้ว่าเป็นนรกแล้ว
เมื่อตอนที่ยอดคนทั้งหลายนั้นยังเป็นแค่จักรพรรดิเที่ยงเองพวกเขานั้นก็ไม่มีปัญญาจะไปถึงระดับหกได้เช่นกัน!
ฉินซื่อเถียนนั้นช่างเป็นสัตว์ประหลาดแท้!
ในเส้นทางคุมวิญญาณนั้นเย่หยวนเดินไปก้าวและหยุดลงพัก ก่อนจะรับการโจมตีวิญญาณจากรอบด้านไว้
ด้วยกำเนิดเทพนั้นหากเขาคิดจะป้องกันการโจมตีวิญญาณทั้งหลายนั้นมันย่อมง่ายดาย
แต่เขาเลือกจะไม่ป้องกัน
เพราะการโจมตีวิญญาณทั้งหลายนี้มันเป็นการช่วยตีหลอมร่างวิญญาณให้เขา!
เขาจึงไม่คิดจะปล่อยโอกาสนี้ผ่านไปอย่างเสียเปล่า
ด่านแรกนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา เขาจึงผ่านมาอย่างไม่คิดอะไร
แต่ด่านนี้มันมิใช่
การโจมตีวิญญาณทั้งหลายนั้นเข้ากระแทกร่างวิญญาณของเขาอย่างหนักแน่น!
และมันก็ทำให้ร่างวิญญาณของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน…
อย่างที่เหยียนยูเจินคาดเดาไว้ ร่างวิญญาณของเขาในตอนนี้มันสุดแสนธรรมดา
วิญญาณดั่งเดิมของมนุษย์นั้นมันไม่อาจเทียบร่างวิญญาณของเผ่าวิญญาณได้
วิญญาณของเย่หยวนนั้นปกติแล้วมันหลบซ่อนอยู่แต่ในทะเลจิตของเขาเท่านั้น
เขานั้นจึงถือโอกาสนี้ทดสอบดูว่าวิญญาณของเขานั้นจะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน!