ชายหญิงที่อยู่หน้าโต๊ะอาหาร ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ กิริยาท่าทาง รวมถึงชุดที่สวมใส่อยู่บ้าน ล้วนบ่งบอกถึงความร่ำรวยสมฐานะ

คนผู้ชายสีหน้าซีดเซียวอยู่บ้าง ใบหน้ากับริมฝีปากไร้สีเลือดฝาดอย่างคนปกติทั่วไป มองดูก็รู้ว่าป่วยเรื้อรังมานาน ถึงขั้นป่วยชนิดที่ว่าไร้หนทางเยียวยารักษา

แต่ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายเขา ทั้งตัวได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ทั้งยังสวยอย่างมาก หน้าตาคล้ายคลึงกับกู้ชิวอี๋ถึงเจ็ดส่วน ดูท่าทางอายุประมาณ30กว่าปี

เย่เฉินมองแวบเดียวก็จำทั้งคู่ได้ ก็คือลุงกู้ที่คุ้นเคยในวัยเด็ก และน้าหลินภรรยาของเขา

ในขณะที่เย่เฉินจำพวกเขาทั้งสองคนได้ คนทั้งสองก็จำเขาได้เช่นกัน!

กู้เย้นจงทำสีหน้าท่าทางตกตะลึงหาใดเปรียบ แก้มเขาซูบตอบเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ดวงตาเบิกกว้าง อยากจะพูดอะไรสักอย่างจนตัวสั่น แต่เหมือนกับมีก้างขวางลำคอไว้

และหลินหว่านชิวที่อยู่ข้างๆ ก็ตกตะลึงตาค้างเช่นกัน เจ้าตัวยืนขึ้นมาอย่างช้าๆ มือข้างหนึ่งชี้ไปที่เย่เฉิน มืออีกข้างปิดปากตัวเองไว้ “เธอ…เธอ…เธอคือ…เธอคือเย่…เธอคือเย่เฉินใช่ไหม???”

เย่เฉินแสบจมูกขึ้นมา ถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “น้าหลิน ผมคือเย่เฉิน…”

กล่าวจบ เขาก็มองไปทางกู้เย้นจงที่ตัวสั่นพูดอะไรไม่ออกที่อยู่ข้างกัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ลุงกู้…สวัสดีครับ! แล้วก็น้าหลิน สวัสดีคุณด้วย!”

กู้เย้นจงมองเขา พึมพำถามว่า “เธอคือเฉินเอ๋อจริงๆ เหรอ?”

เย่เฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วพูดว่า “ลุงกู้ ผมเองครับ ผมคือเย่เอ๋อ ลุงยังจำผมได้ไหม?”

“จำได้…จำได้…” กู้เย้นจงเช็ดน้ำตาทีหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “เธอเหมือนกับในรูปถ่ายตอนที่พ่อเธอยังหนุ่ม กับปู่ของเธอตอนยังหนุ่มเลย คล้ายคลึงกันหกเจ็ดส่วน…”

พูดจบ เขาก็ยืนขึ้นอย่างอ่อนแรง ต้องการจะเดินมาหาเย่เฉิน

เย่เฉินรีบเดินขึ้นหน้าไปทันที เพียงไม่กี่ก้าวก็มาหยุดตรงหน้ากู้เย้นจงประคองเขาไว้ กล่าวขึ้นด้วยความละอายระคนความซาบซึ้งว่า “ลุงกู้ หลายปีมานี้ ทำให้ลุงกับน้าหลินเป็นห่วงแล้ว…”

กู้เย้นจงเช็ดคราบน้ำตาทีหนึ่ง กล่าวสะอึกสะอื้นว่า “เฉินเอ๋อเอ๋ย นานหลายปีขนาดนี้เธอไปอยู่ที่ไหนมา? หลายปีมานี้ เพื่อตามหาเธอ ลุงกู้แทบจะวิ่งไปทั่วโลกแล้ว ก็ไร้ที่อยู่ของเธอมาตลอด…”

เย่เฉินหลีกเลี่ยงที่จะถอดถอนใจออกมาไม่ได้ “ลุงกู้ ความจริงหลายปีมานี้ ผมอยู่ที่จินหลิงมาตลอด สิบแปดปีก่อน ผมอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาจนโต”

“จะเป็นไปได้ยังไง?” ! กู้เย้นจงพูดโพล่งออกมา “ลุงไปตามหาเธอที่จินหลิงตั้งหลายครั้ง สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานสงเคราะห์เด็ก สถานีช่วยเหลือลุงล้วนไปมาหมดแล้วทุกครั้ง แต่ก็ไม่เคยหาที่อยู่ของเธอเจอเลยสักครั้ง…”

เย่เฉินตาแดงพูดว่า “ลุงกู้ ปีนั้นพ่อบ้านของตระกูลเย่ถังซื่อไห่ ส่งคนมาดูแลผมอย่างลับๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขากลัวว่าจะมีใครมาปองร้ายผมอีก ดังนั้นจึงปิดบังข่าวคราวของผมไว้ทั้งหมด เรื่องนี้แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ เมื่อหลายวันก่อนหลังจากที่ผมกับหนานหนานจำกันได้แล้ว ถึงสังเกตได้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติ จึงไปหาถังซื่อไห่เพื่อถามดู เขาถึงบอกความลับกับผม…”

กู้เย้นจงพลันนิ่งไปทันที ชั่วครู่ให้หลังจึงพยักหน้าด้วยความเข้าใจจากนั้นก็พูดว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง! ดูเหมือนว่าถังซื่อไห่จะเป็นคนรู้จักทดแทนบุญคุณคนอย่างแท้จริง ปีนั้นพ่อเธอมีบุญคุณล้นฟ้าต่อเขา ดูท่าจะมองคนไม่ผิดอย่างที่คิดไว้จริงๆ!”