กู้ชิวอี๋มองเย่เฉิน ทอดถอนใจออกมาเสียงค่อย “พี่เย่เฉิน หลายปีมานี้ พี่ลำบากแล้ว”

เย่เฉินส่ายศีรษะ “ลำบากไม่เป็นไร สำหรับฉันแล้ว ความลำบากคือการฝึกฝนอย่างหนึ่ง”

กู้ชิวอี๋พยักหน้าอย่างจริงจัง ทางหนึ่งขับรถออกจากลานจอดรถ ทางหนึ่งพูดว่า “เมื่อวานพ่อฉันยังบ่นถึงพี่กับฉันอยู่เลย หมอไม่ใช่ให้เขากลับไปรักษาที่โรงพยาบาลหรอกเหรอ เขารู้ว่าตัวเองสุขภาพร่างกายย่ำแย่ ก็เลยรู้สึกปลง ที่สำนึกเสียใจมากที่สุดคือการไม่สามารถหาพี่จนเจอได้”

เย่เฉินในใจรู้สึกซาบซึ้ง พลางยิ้มน้อยๆ “หนานหนาน เธอวางใจ มีฉันอยู่ ลุงกู้จะต้องหายดีกลับมาเหมือนเดิมแน่”

กู้ชิวอี๋ไม่รู้ถึงความสามารถของเย่เฉิน และไม่รู้ว่าเย่เฉินอยู่ในวงสังคมชั้นสูงของจินหลิง ถูกขนานนามว่าอาจารย์เย่เทพมังกรในโลกมนุษย์มานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่เชื่อมาตลอดว่าเขาจะมีวิธีอะไรมารักษาอาการป่วยเรื้อรังของพ่อจนหายได้

เธอในเวลานี้ เพียงแค่รู้สึกว่า หากพ่อได้พบเย่เฉิ่นล่ะก็ จะต้องปลื้มอกปลื้มใจมาก หากสามารถทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้ เชื่อว่าสุขภาพของเขาก็จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน

บ้านของกู้ชิวอี๋ ไม่นับว่าไกลจากสนามบินนานาชาติเย่นจิงนัก

สนามบินเย่นจิงอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง โดยเย่นจิงมีเขตคฤหาสน์ระดับสูงสุดอยู่ไม่กี่หลัง และศูนย์กลางเขตคฤหาสน์ก็ห่างจากนี่ไม่ไกลนัก

ยี่สิบนาทีให้หลัง กู้ชิวอี๋ก็ขับรถมาหยุดตรงคฤหาสน์หยวนหยางของเย่นจิง

แม้คฤหาสน์ในเย่นจิงจะมีมากมาย แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นทาวน์เฮาส์ราคาไม่กี่สิบล้าน ในเขตเมืองน้อยมากที่จะมีพื้นที่กว้างขวาง คฤหาสน์หลังเดี่ยวๆ ที่หรูหรามาก ส่วนใหญ่เป็นคฤหาสน์สันโดษ ต่างแยกไปอยู่ในบริเวณเขาเสี่ยวทังทางตอนเหนือที่ห่างออกไปจากตัวเมืองเป็นพิเศษ

คฤหาสน์หลังเดี่ยวๆ ในเขตเมืองมีจำกัดแค่ไม่กี่หลัง คฤหาสน์หยวนหยางเป็นหนึ่งในเขตคฤหาสน์ไม่กี่หลังที่อยู่ระดับสูงสุดเลยก็ว่าได้

คฤหาสน์แต่ละหลังของที่นี่ ราคาขายอย่างต่ำอยู่ที่พันล้านขึ้นไป โอ่อ่าหรูหราเป็นอย่างมาก

ทว่าที่นี่ไม่อาจเทียบได้กับที่พักอาศัยของตระกูลเย่

ในความทรงจำของเย่เฉิน ที่พักอาศัยของตระกูลเย่ ไม่ใช่คฤหาสน์หรูที่สร้างขึ้นมาโดยนักพัฒนาเช่นนี้ แต่เป็นจวนอ๋องของท่านอ๋องคนหนึ่งในสมัยราชวงศ์ชิง

นั่นถึงจะเป็นความหรูหราสูงส่ง ยิ่งใหญ่อลังการอย่างแท้จริง เย่เฉินจำได้ว่าแค่เสาไม้หนานมู่ทองไม่กี่สิบต้นในจวน ก็เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว

ว่ากันว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อน ราคาต้นหนึ่งในตลาดก็เกินร้อยล้านไปแล้ว

นี่ยังไม่ใช่ของที่แพงที่สุด ที่แพงที่สุด ต้องนับที่จวนอ๋องกงแห่งเย่นจิง ที่นั่นเสาไม้หนานมู่ทองต้นหนึ่งราคาเกินสองพันล้านไปแล้ว

ทว่าจวนอ๋องกงก็คือโบราณสถานของประเทศ ไม่ได้ตกเป็นของผู้ใด

ดังนั้น จึงยิ่งขับเน้นให้ที่พักอาศัยของตระกูลเย่ดูสูงศักดิ์มากขึ้นกว่าเดิม

กู้ชิวอี๋ขับรถมาถึงบ้าน ประตูรั้วเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ ประตูใหญ่ของโรงจอดรถก็เปิดเองอัตโนมัติเช่นกัน

หญิงรับใช้อายุสี่สิบกว่าปีคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาในโรงจอดรถ ทางหนึ่งช่วยเปิดประตูรถ ทางหนึ่งกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “คุณหนู นายหญิงเตรียมอาหารไว้พร้อมแล้วค่ะ กำลังรอคุณอยู่ ทำไมออกไปไม่บอกกันสักคำเลยคะ”

พูดจบ จู่ๆ เธอก็พบว่ามีชายคนหนึ่งยังนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ จึงทำท่าประหลาดใจและกล่าวอย่างสุภาพเป็นพิเศษว่า “คุณผู้ชายสวัสดีค่ะ!”

เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยให้ กู้ชิวอี๋ที่อยู่ด้านข้างระงับความตื่นเต้นเอาไว้อยู่แล้ว จึงถามคนรับใช้คนนั้นว่า “ป้าโจว พ่อแม่ฉันอยู่ในห้องรับประทานอาหารเหรอ?”

ป้าเฉินพยักหน้าน้อยๆ พลางกล่าวว่า “คุณหนู สุขภาพของคุณท่านเหมือนไม่ค่อยจะสบายเท่าไหร่นัก พูดตลอดว่าอยากกลับห้องไปพักผ่อนแล้ว คุณรีบไปเถอะค่ะ”

กู้ชิวอี๋ได้ยินเช่นนี้ ก็รีบจูงมือเย่เฉิน วิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ทันที

ทะลุผ่านโถงใหญ่อันโออ่าหรูหรา กู้ชิวอี๋ก็จูงเย่เฉินตรงไปยังห้องรับประทานอาหาร พอเข้าไปในนั้น ก็พูดกับคู่สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งที่อยู่ตรงโต๊ะอาหารด้วยความตื่นเต้นว่า “พ่อ แม่ พวกคุณดูสิคะว่าหนูพาใครมา!”