บทที่ 1556 ความลับอีกอย่าง

The king of War

“ขึ้นรถ!”

เฝิงจื้อเอ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ออกคำสั่ง

อีกฝ่ายหยิ่งผยองอย่างยิ่ง หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจ เขามาที่เมืองราชวงศ์เฝิงครั้งนี้เพื่อช่วยคน ตอนนี้หม่าชาวและเฝิงเสียวหว่าน รวมถึงเสี่ยวจิ้งอันลูกชายของหม่าชาว ล้วนอยู่ในราชวงศ์เฝิง เขาได้แต่ทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเท่านั้น

หลังจากที่หยางเฉินขึ้นรถ รถก็สตาร์ท 20 นาทีต่อมา ก็มาถึงที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่ง

ที่ชั้นบนสุดของโรงน้ำชา ในห้องวีไอพีที่มีมุมมองกว้าง เฝิงจื้อเอ้าและหม่าชาวนั่งตรงข้ามกัน และมีเพียงสองคนในห้องวีไอพี

หยางเฉินมองไปที่เฝิงจื้อเอ้าด้วยใบหน้าที่สงบ แล้วพูดทันทีว่า “นายพาฉันมาที่นี่ มีเรื่องอะไร บอกมาตรงๆ!”

เฝิงจื้อเอ้าหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นจิบเบาๆ หลังจากวางถ้วยน้ำชาลง ดวงตาคมกริบก็จ้องไปที่หยางเฉินแล้วพูดว่า “ฉันต้องการจะร่วมมือกับคุณ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางเฉินก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายกำลังตามหาเขาเพื่อขอความร่วมมืองั้นเหรอ?

หยางเฉินถามนิ่งๆ “ในสายตาของนาย ฉันก็เป็นชาวป่าชาวเขาคนหนึ่ง? ชาวป่าชาวเขาคนหนึ่ง จะมีคุณสมบัติพอที่จะร่วมมือกับนายได้เหรอ?”

เฝิงจื้อเอ้าพูดตรงๆ “ฉันรู้ น้องชายของคุณหม่าชาว และลูกชายของหม่าชาว นอกจากนั้น ยังมีอีกคนหนึ่งชื่อเฝิงเสียวหว่าน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในราชวงศ์เฝิง”

“เหตุผลที่ฉันต้องการร่วมมือกับคุณนั้นง่ายมาก ก็เพื่อช่วยให้คุณพาตัวพวกเขาออกไปจากราชวงศ์เฝิง”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาหยางเฉินก็ตกตะลึง เขาคิดว่าอีกฝ่ายมีแผนกับตัวเอง และหากร่วมมือด้วย คงมีความเกี่ยวข้องกับตี้ชุน

ไม่คาดคิดเลย ว่าอีกฝ่ายไม่เพียงรู้เจตนาของเขาที่จะมายังเมืองราชวงศ์เฝิง แต่ยังเสนอที่จะช่วยเขาในการพาตัวพวกเขาออกมาด้วย

แต่ในไม่ช้า หยางเฉินก็เข้าใจถึงเหตุผล

ในราชวงศ์เฝิง มีกฎว่า ลูกชายสายเลือดโดยตรงของราชวงศ์แต่ละรุ่นจะต้องเป็นรัชทายาทของรุ่นนั้นตั้งแต่แรกเกิด

เฝิงจื้อเอ้าเป็นรัชทายาทคนต่อไป และหม่าชาวเป็นรัชทายาทต่อจากเฝิงจื้อเอ้า แม้แต่เสี่ยวจิ้งอันลูกชายของหม่าชาวก็เป็นรัชทายาทอีกรุ่นหนึ่ง

ราชวงศ์ในอดีด มีเรื่องราวที่ซับซ้อนมาก แม้ว่าเฝิงจื้อเอ้าจะสามารถสืบทอดบัลลังก์ได้ เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎที่บรรพบุรุษกำหนดได้ ดังนั้นเพียงแค่ปล่อยให้หม่าชาวและเสี่ยวจิ้งอันออกจากราชวงศ์เฝิงอย่างสมบูรณ์ ลูกชายของเฝิงจื้อเอ้าก็สามารถกลายเป็นรัชทายาทคนต่อไป

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หยางเฉินก็พูดว่า “ฉันไม่ไว้ใจนาย!”

ขณะที่พูด เขาหยิบถ้วยชามลายครามสีขาวขึ้นมา จิบชาที่กำลังร้อนๆ แล้ววางถ้วยชาลง ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่เฝิงจื้อเอ้าอย่างสงบ

เฝิงจื้อเอ้าขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเย็นชา “สิ่งที่ฉันต้องการคือบัลลังก์ทั้งหมดทุกรุ่น ให้ตกอยู่ในมือของฉัน และสิ่งที่คุณต้องการคือความปลอดภัยของพี่น้องคุณ ไม่มีผลประโยชน์ที่ต้องขัดแย้งกัน ยังมีอะไรที่คุณไม่เชื่อในตัวฉันอีก?”

หยางเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย “ตราบใดที่หม่าชาวและเสี่ยวจิ้งอันยังอยู่ในราชวงศ์เฝิง แม้ว่าคุณต้องการที่จะฆ่าพวกเขา คุณก็ไม่กล้า ดังนั้นพ่อและลูกอยู่ในราชวงศ์เฝิง ก็ปลอดภัยที่สุดแล้ว แต่เมื่อพวกเขาออกจากราชวงศ์เฝิง ความปลอดภัยก็จะไม่มีแล้ว”

“ด้วยตัวตนและตำแหน่งขององค์ชายเฝิงคนโต เมื่อพวกเขาพ่อลูกออกจากราชวงศ์เฝิง มันเป็นเรื่องง่ายที่คุณจะฆ่าพวกเขาใช่ไหม?”

นี่คือสิ่งที่หยางเฉินกังวลมากที่สุด เฝิงจื้อเอ้าเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหก การที่จะฆ่าหม่าชาวและเสี่ยวจิ้งอัน ไม่ใช่เรื่องยาก

แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นั่น ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะปกป้องชีวิตของหม่าชาวพวกเขาพ่อลูก

เฝิงจื้อเอ้าถอนหายใจอย่างเย็นชา แล้วพูดด้วยใบหน้าที่มีความโกรธเล็กน้อย “ฉันในฐานะองศ์ชายคนโตของราชวงศ์เฝิง จะไม่ทำเรื่องที่มันต่ำช้าอย่างนั้นแน่ ถ้าฉันต้องการฆ่าคนปิดปาก เมื่อ 20 ก่อนคงฆ่าหม่าชาวไปแล้ว”

“ดูเหมือนคุณจะไม่เข้าใจฉันเลยจริงๆ ถ้าคุณลองสืบเรื่องของฉัน คุณก็จะรู้ว่าฉันเป็นคนยังไง”

“ฉันรู้ ว่าคุณคงสงสัย ในปีนั้นฉันเป็นคนสับเปลี่ยนองศ์ชาย เมื่อหม่าชาวเกิด เขาก็ถูกเปลี่ยนตัวออกไป แต่สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย”

เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเฝิงจื้อเอ้า หยางเฉินก็ตกใจเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่า ในตอนที่หม่าชาวถูกสับเปลี่ยน มันอาจไม่เกี่ยวอะไรกับเฝิงจื้อเอ้าเลยจริงๆ?

แต่ถ้าไม่ใช่เฝิงจื้อเอ้า แล้วใครจะเป็นคนทำเรื่องนี้?

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หยางเฉินถาม “นายคิดว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้?”

เฝิงจื้อเอ้าพูดโดยไม่ลังเล “เฝิงจื้อหย่วน!”

“มันจะเป็นไปได้ยังไง?”

หยางเฉินดูประหลาดใจ เฝิงจื้อหย่วนเป็นพ่อแท้ๆของหม่าชาว เมื่อเขารู้ว่าหม่าชาวเป็นรัชทายาทโดยตรงของรุ่นนี้ เฝิงจื้อหย่วน จะทอดทิ้งหม่าชาวได้อย่างไง?

ถ้าเป็นเฝิงจื้อหย่วนจริง ๆ แล้วทำไมตอนนี้กลับนำตัวหม่าชาวไปที่ราชวงศ์เฝิงหล่ะ?

เฝิงจื้อเอ้าพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าทำอย่างนี้ เขาก็จะสามารถได้รับประโยชน์มหาศาล”

คราวนี้หยางเฉินเงียบไป

เขาเข้าใจความหมายของเฝิงจื้อเอ้า มีความเป็นไปได้จริง ๆ หากมีการบอกว่าการละทิ้งหม่าชาวชั่วคราว จะก่อให้เกิดประโยชน์มากแก่เฝิงจื้อหย่วน ด้วยความไร้ความรู้สึกของราชวงศ์ เขาสามารถทำบางอย่างเช่นละทิ้งลูกชายของตัวเอง

ความจริงที่ว่าหม่าชาวเป็นรัชทายาทของราชวงศ์เฝิง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าจะบอกว่า เขาทิ้งหม่าชาวไปในตอนแรก และเมื่อถึงเวลาเขาจะนำหม่าชาวกลับคืนสู่ราชวงศ์เฝิง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเหรอ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยางเฉินก็ชื่นชมความคิดของเขาเอง แต่เขารู้ว่านี่ไม่ใช่แค่ความคิดที่ล้ำเลิศของเขา แต่มันคือเรื่องที่เป็นไปได้จริงๆ

“ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่หม่าชาวเกิด เขาก็ถูกทิ้ง เหตุการณ์นี้ทำให้ราชวงศ์เฝิงแตกตื่นกันไปหมด และฉันก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย”

“เหตุนี้ฉันจึงถูกถอดออกจากรัชทายาทชั่วคราว ต่อมาหลังจากสอบสวนมาหลายปีก็ไม่ได้ผลลัพธ์สักที แล้วตอนนั้นราชวงศ์เฝิงก็เกิดปัญหา ฉันจึงได้กลับมาเป็นรัชทายาทอีกครั้ง”

“ต่อมา ฉันก็สืบสวนมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าฉันจะพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแค่ไหน ความเป็นไปได้ที่เฝิงจื้อหย่วนจะทอดทิ้งหม่าชาว เป็นไปได้มากที่สุด ฉันแค่ไม่มีหลักฐาน”

“ประมาณครึ่งปีที่แล้ว หม่าชาวถูกเฝิงจื้อหย่วนนำกลับมายังราชวงศ์เฝิงอย่างลับๆ ฉันเกือบจะแน่ใจว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นล้วนถูกควบคุมโดยเฝิงจื้อหย่วน เพียงเพื่อที่จะโยนความผิดให้ฉัน เมื่อฉันถูกถอดออกจากการเป็นรัชทายาท เขาก็จะได้มีรัชทายาทในบัลลังก์ได้”

เฝิงจื้อเอ้าพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก หยางเฉินก็ตกอยู่ความช็อกอย่างสมบูรณ์

จากลักษณะของเฝิงจื้อเอ้า เขารู้สึกถึงความหยิ่งผยอง คนจองหองแบบนี้ จะทำเรื่องสับเปลี่ยนพระโอรสได้อย่างไง?

แม้ว่าทั้งสองจะพบกันเป็นครั้งแรก แต่หยางเฉินก็มีความรู้สึกไว้วางใจในตัวของเฝิงจื้อเอ้าอย่างอธิบายไม่ถูก

“ฉันรู้ ตอนนี้มันยากที่คุณจะเชื่อฉัน ฉันให้เวลาคุณสามวัน ในสามวันนี้ ถ้าคุณตัดสินใจได้แล้ว คุณสามารถติดต่อฉันได้ตลอดเวลา”

เฝิงจื้อเอ้าลุกขึ้นยืน มองหยางเฉินแล้วพูดต่อว่า “ฉันรู้ การมาครั้งนี้ของคุณ ก็คือเพื่อที่จะบุกเข้าไปในราชวงศ์เฝิงแล้วช่วยพวกเขาออกมา แต่สิ่งที่ฉันจะพูดก็คือ ราชวงศ์เฝิงไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด ตราบใดที่คุณกล้าที่จะเหยียบเข้าไป ฉันบอกได้เลยว่าคุณจะตายอย่างไร้ที่ฝัง”

หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและจากไป แต่หยางเฉินก็ยังตกอยู่ในความเงียบ