“เย่หยวนมันช่างไม่มีตานัก!”
“แค่ปลุกร่างวิญญาณพิเศษขึ้นมาได้ต่อให้มันจะเป็นขยะแค่ไหนมันก็ยังดีกว่าไม่มี!”
“เจ้าบ้านี่กลับไปท้าทายยอดฝีมืออาณาจักรมหาจักรพรรดิเสียอย่างนั้น ที่สำคัญอีกฝ่ายนั้นยังเป็นสุดยอดอัจฉริยะในหมู่มหาจักรพรรดิด้วย นี่มันจะไม่เท่าขุดหลุมฝังตัวเองหรือ?”
…
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นว่าเย่หยวนนั้นช่างดื้อด้านพวกเขาก็ต้องส่ายหัวออกมาตามๆ กัน
พวกเขาเองก็ไม่อาจจะทนความเย่อหยิ่งของเฟิงรุ่ยได้เช่นกัน
แต่ทนไม่ได้แล้วทำไม?
เฟิงรุ่ยและฉินซื่อเถียนนั้นแตกต่างกันอย่างฟ้ากับเหว!
เฟิงรุ่ยนั้นคือยอดอัจฉริยะที่แท้จริง!
แม้ว่ามันอาจจะฟังดูไม่เข้าหูแต่สิ่งที่เขาพูดมามันก็ถูกต้อง พวกเขาทั้งหลายนั้นเป็นได้แค่คนบ้านนอก
มีหรือที่เฟิงรุ่ยมหาจักรพรรดิผู้มีร่างวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นกลางนี้จะเป็นตัวตนที่จักรพรรดิเที่ยงคนหนึ่งมาท้าทายได้?
“อาจารย์ ในเมื่อเจ้ามดนี่มันท้าทายข้า มันก็คงไม่มีปัญหาหากข้าจะสังหารมันลงใช่หรือไม่?” เฟิงรุ่ยกล่าวขึ้นมา
หยุนหนีนั้นยังคงวางหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาพร้อมกล่าว “ไม่มีปัญหา”
คำพูดของนางนั้นมันมีความเยือกเย็นและเย้ยหยันแฝงออกมาอย่างชัดเจน
ในสายตาของนางนั้นเย่หยวนก็แค่มดตัวหนึ่ง ไม่มีค่าอะไรมากมาย
การสังหารมดนั้นมันไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ใดๆ
เรื่องราวเช่นนี้เย่หยวนย่อมจะได้เจอมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
เขานั้นย่อมจะเดือดดาลอยู่ในใจแต่ไม่ได้แสดงออกมาใดๆ เพราะเขารู้ดีว่ายิ่งจะทำให้อีกฝ่ายเย้ยหยันดูถูก
วิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการคนเช่นนี้มันคือการพิสูจน์ด้วยกำลัง!
เฟิงรุ่ยนั้นยิ้มกว้างลอยตัวลงมา
“อัจฉริยะจากโลกภายนอก เจ้ามันคงไม่ได้รู้ช่องว่างระหว่างแดนวิญญาณอมตะและโลกภายนอกเลย วันนี้เจ้าโลกหนุ่มคนนี้จะทำให้เจ้าได้เข้าใจเอง! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะผู้เย่อหยิ่งมาจากไหนมันก็ไม่มีค่าใดๆ ในแดนวิญญาณอมตะ!” เฟิงรุ่ยกล่าวขึ้น
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าถนัดเรื่องการตบหน้าคนโง่ๆ อย่างเจ้านัก! เลิกพูดมากปากเหม็นและลงมือได้แล้ว”
เฟิงรุ่ยนั้นหรี่ตาลงพร้อมโจมตีวิญญาณออกมาทันที
เย่หยวนนั้นสังหารสิบรูปลงได้ด้วยการแค่มองหน้า
แน่นอนว่าเขาย่อมจะคิดสังหารเย่หยวนลงด้วยวิธีเดียวกัน
เขานั้นต้องการให้คนทั้งหลายได้เข้าใจว่าคนจากโลกภายนอกมันไม่มีคำว่าอัจฉริยะใดๆ!
ให้พวกเขาทั้งหลายได้รู้สึกเชิดชูแดนวิญญาณอมตะให้มากกว่าเก่า!
ปัง!
เย่หยวนกระอักร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บและต้องถอยร่างออกไปในทันที
จากนั้นร่างวิญญาณของเขาก็จางลงไปอย่างมาก
ดูท่าแล้วการโจมตีนี้มันคงรุนแรงล้ำ!
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นสีหน้าของพวกเขามันก็ต้องเปลี่ยนสีไป
“แข็งแกร่งนัก! แค่โจมตีง่ายๆ แค่นั้นกลับทำให้เย่หยวนต้องบาดเจ็บหนักเช่นนี้!”
“ก่อนหน้านี้ฉินซื่อเถียนใช้ถึงวรยุทธวิญญาณกึ่งกำเนิดก็ยังไม่อาจทำร้ายเย่หยวนได้!”
“ยอดอัจฉริยะจากแดนวิญญาณอมตะนั้นเก่งกาจกันขนาดนี้หมดเลยหรือ?”
…
ได้เห็นสีหน้าคนบ้านนอกทั้งหลายนั้นเฟิงรุ่ยก็ต้องอมยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ
เพียงแค่ว่าตอนนี้ใบหน้าเย็นเยือกของหยุนหนีนั้นมันมีแววตาที่ตกตะลึงปรากฏขึ้น
แท้จริงแล้วตัวเฟิงรุ่ยเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
เพราะการโจมตีของเขานั้นมันแตกต่างจากคนบ้านนอกทั้งหลาย!
วรยุทธที่เหล่าคนแดนวิญญาณอมตะนั้นฝึกฝนล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดวิชาวิญญาณที่มีพลังเหนือล้ำวรยุทธจากโลกภายนอกไม่อาจจะเอาขึ้นมาเทียบเคียงได้เลย
ที่สำคัญเขานั้นยังเป็นถึงมหาจักรพรรดิพลังของเขานั้นจะต้องรุนแรงยิ่งปานใด?
แต่เย่หยวนกลับแค่ถอยไป?
เฟิงรุ่ยนั้นไม่พอใจกับผลนี้อย่างมาก
ในความคิดของเขานั้น เขาควรจะสังหารเย่หยวนลงไป!
เย่หยวนนั้นอย่างมากที่สุดก็คงมีร่างวิญญาณระดับเหลืองขั้นสูงและยังมีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าหากเฟิงรุ่ยคิดสังหารแล้วมันก็ควรจะไม่ยากเย็นใดๆ มิใช่หรือ?
แต่เย่หยวนนั้นกลับถึกทนกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก
“แค่การโจมตีวิญญาณแค่นี้ก็รับไว้ไม่ได้ มดปลวกอย่างเจ้านั้นยังมีหน้ามาบอกว่าตนคือร่างวิญญาณหมอกหุ้มหรือ? เจ้าคงไม่ได้รู้เลยสินะว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มจริงๆ นั้นมันทรงพลังแค่ไหน?” เฟิงรุ่ยกล่าวขึ้นมากลบเกลื่อน
เขานั้นอาจจะแพ้ลงในใจแต่จะยังแพ้ลงในสายตาคนอื่นไม่ได้ เฟิงรุ่ยย่อมจะไม่ยอมรับว่าเย่หยวนแข็งแกร่งจริงๆ
ตราบเท่าที่เขาสามารถจัดการได้ในกระบวนท่าต่อไปเหล่าคนบ้านนอกทั้งหลายนี้ก็ต้องตกตะลึงแน่!
เย่หยวนยิ้มตอบเฟิงรุ่ยไป “เจ้าโลกหนุ่มเฟิง มหาจักรพรรดิผู้บ่มเพาะสุดยอดวรยุทธจากแดนวิญญาณอมตะกลับมีพลังโจมตีเพียงแค่นี้? ยอดอัจฉริยะจากแดนวิญญาณอมตะทำให้ข้าผิดหวังมากแล้ว!”
เย่หยวนนั้นบ่มเพาะกำเนิดเทพเขาย่อมจะเข้าใจว่าอะไรคือวรยุทธที่แข็งแกร่งของเผ่าวิญญาณ
แม้ว่าการโจมตีวิญญาณของเฟิงรุ่ยนั้นมันจะไม่อาจเทียบกำเนิดเทพได้แต่มันก็ยังทรงพลังอย่างมาก
อย่างน้อยๆ มันก็ไม่อาจเอาฉินซื่อเถียนมาเทียบได้เลยแม้แต่น้อย!
มีหรือที่การโจมตีที่ทำให้แม้แต่เขายังต้องบาดเจ็บจะอ่อนแอได้?
เฟิงรุ่ยนั้นเบิกตากว้างขึ้นมาเพราะสิ่งที่เขาใช้ปกปิดความอับอายนั้นมันกลับถูกเย่หยวนเปิดขึ้นมา
ตอนนี้เขาจึงเปลี่ยนความอับอายกลายเป็นความคับแค้น
“เฮอะ ปากดีเสียจริงๆ เจ้าโลกหนุ่มคนนี้อยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะปากดีไปได้ถึงเมื่อไหร่!”
เฟิงรุ่ยนั้นหัวเราะขึ้นมาพร้อมด้วยคลื่นพลังแห่งมหาจักรพรรดิที่ปะทุขึ้น
เมื่อพลังนี้ปะทุขึ้นมาแล้วเฟิงรุ่ยก็ย่อมจะทำให้คนทั้งหลายหน้าถอดสี
พลังมหาจักรพรรดิที่หนักแน่นนี้มันทำให้แม้แต่มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางยังต้องก้มหน้าด้วยความอับอาย
เฟิงรุ่ยกำหมัดต่อยออกมาสุดแรงด้วยพลังหนักหน่วงกว่าขุนเขา
แม้แต่คนที่อยู่นอกวงยังสัมผัสได้ถึงพลังของหมัดนี้
อย่าว่าแต่จักรพรรดิเที่ยง แม้แต่มหาจักรพรรดิเองก็ยังไม่อาจจะรับหมัดนี้ได้ง่ายๆ เช่นกัน!
“คลื่นกระบวยกำเนิด!”
เฟิงรุ่ยนั้นต่อยหมัดออกมารุนแรงจนคนทั้งหลายเหงื่อตกกังวลแทนเย่หยวน
เย่หยวนนั้นชักธนูวิญญาณขึ้นมาอย่างไม่เร็วไม่ช้า
“ธนูเทพล้าง!”
หยุนหนีที่ได้เห็นนั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างตกตะลึง
ด้วยสายตาของนางนั้นนางย่อมจะเข้าใจทันทีว่านี่มิใช่วิชาธรรมดาทั่วไป
เพียงแค่ว่ามดปลวกจากโลกภายนอกทำไมถึงได้มีสุดยอดวรยุทธวิญญาณเช่นนี้ไว้ในครอบครองได้?
ตอนนี้เย่หยวนได้ปลุกร่างวิญญาณหมอกหุ้มขึ้นมา ทำให้พลังของธนูเทพล้างนั้นทรงพลังกว่าก่อนยิ่งนัก
เมื่อธนูนี้ถูกปล่อยออกมา หากพูดถึงเรื่องพลังแล้วมันคงไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังโจมตีของมหาจักรพรรดิเลย
ตูม!
คลื่นพลังวิญญาณสองสายนั้นกระแทกกันกลางอากาศ
คลื่นพลังนี้มันรุนแรงไม่แพ้การปะทะกันของปราณเทวะ!
สีหน้าของคนทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นต่างเปลี่ยนสีไปอย่างตกตะลึง
คนทั้งสองนี้จะเก่งจนเกินไปแล้ว!
ปกติแล้วการต่อสู้ของเผ่าวิญญาณนั้นมันจะเงียบงัน
ต่อให้จะทำให้เกิดคลื่นกระแทกใดๆ ขึ้นมาบ้างมันก็คงไม่ถึงขั้นของปราณเทวะได้
แต่การต่อสู้ของคนทั้งสองนั้นมันกลับทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี พลังทำลายล้างของพวกเขานี้มันไม่ได้ด้อยไปกว่าปราณเทวะของเผ่ามนุษย์เลย
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับเป็นฝ่ายต้องกระอักและถอยหลังกลับไป
ครั้งนี้ร่างวิญญาณของเขาดูจางลงมาก ดูท่าแล้วคงได้รับบาดเจ็บหนักทีเดียว
แต่ว่าเฟิงรุ่ยนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าดีใจใดๆ ขึ้นมากลับกันตอนนี้เขายิ่งดูหน้าแดงอย่างอับอาย
เขานั้นยังไม่อาจจะบังคับให้เย่หยวนใช้ร่างวิญญาณออกมาได้!
นี่มันเสียหน้า!
แน่นอนว่าเมื่อเย่หยวนตั้งตัวขึ้นมาได้เขาก็หันไปหัวเพราะเย้ยเฟิงรุ่ย “ฝีมือยอดอัจฉริยะจากแดนวิญญาณอมตะมันก็มีแค่เท่านี้! แค่จะบังคับให้ข้าใช้ร่างวิญญาณยังไม่มีปัญญาทำแล้วยังมีหน้ามาอวดอ้างตัวต่อหน้าคน?”
เหล่ายอดฝีมือในโถงวิญญาณนิพพานนั้นต่างยิ้มกว้างขึ้นทันที!
เพราะพวกเขานั้นเองก็ไม่พอใจท่าทางของเฟิงรุ่ยเช่นกัน แต่แค่ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา
แต่เย่หยวนนั้นกลับได้ใช้พลังฝีมือตบหน้าชายคนนี้ไปอย่างแรง
ต่อให้เย่หยวนจะเป็นฝ่ายแพ้ทั้งสองครั้งที่ปะทะกันแต่ว่าจะอย่างไรเขาก็เป็นแค่จักรพรรดิเที่ยง!
ยอดอัจฉริยะจากแดนวิญญาณอมตะที่มีพลังบ่มเพาะสูงกว่าเย่หยวนไปหนึ่งอาณาจักรกลับไม่อาจจะทำให้เย่หยวนใช้ร่างวิญญาณออกมาได้ มันช่างน่าอับอาย!
เฟิงรุ่ยนั้นกัดฟันแน่นเมื่อได้ยิน “ไอ้หนู เจ้าบังคับข้าเองแล้ว!”
………………………