บทที่ 2521 ใต้ต้นแอปเปิ้ลฝังอะไรไว้ + ตอนที่ 2522 บีบบังคับให้รับสารภาพ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2521 ใต้ต้นแอปเปิ้ลฝังอะไรไว้

ชั้นล่างเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อกำลังตะลุมบอนกับชายหนุ่มคนนั้นอยู่ คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่แขนขาหักทั้งสี่ข้างยังมีแรงขัดขืนด้วย แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ได้เพราะลำพังแค่เล่อเล่อคนเดียวก็ทับเขาจนตายได้แล้ว!

“ทับให้ตายเลย…พี่ชายหลีกไป!”

เล่อเล่อตะโกนขึ้นแล้วพุ่งเข้ามาไวปานพายุ เสี่ยวเป่ารีบถอยห่างสามเมตรพลางมองอย่างสมน้ำหน้า

“ตุ๊บ”

เล่อเล่อกระโดดขึ้นสูงเกือบหนึ่งเมตรแล้วกระโดดทับตัวชายหนุ่มนั้นอย่างแรง เกิดเสียงกระดูกหักดังลั่นไม่หยุดเป็นการเพิ่มบาดแผลให้แก่เขาเท่าทวีคูณ กระดูกหักอีกหลายจุดทำเอาเขารู้สึกเจ็บเจียนตาย

เหมยเหมยเห็นเด็กสองคนอยู่เหนือกว่าเลยอุ้มอิจิโร่เดินลงมาช้า ๆอย่างไม่รีบร้อน

อิจิโร่ที่ทานยาไปค่อย ๆหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอและหมดสติไปแล้ว เจ้าตัวน้อยเริ่มเป็นไข้ตัวร้อนจี๋ แบบนี้ต้องรีบพาเด็กไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดแล้ว

“คุณแม่…คนร้ายตายแล้ว…” เล่อเล่อนั่งควบอยู่บนตัวชายหนุ่มที่สภาพปางตายพลางโห่ร้องอย่างได้ใจ

ออกมาเที่ยวกับคุณแม่สนุกจัง สนุกกว่าคุณพ่อเยอะเลย อยู่กับคุณพ่อทำได้แค่ตีหนู อยู่กับคุณแม่กลับได้ตีคนชั่ว!

“เล่อเล่อเก่งที่สุดเลย! เสี่ยวเป่าก็เก่งมากเหมือนกัน!”

เหมยเหมยยกนิ้วโป้ง ความคิดที่คัดค้านให้เล่อเล่อฝึกวิชาต่อสู้ในทีแรกก็เปลี่ยนไปทันทีหลังออกเดินทางคราวนี้

เพราะเธอพบว่าบนโลกใบนี้ไม่ได้งดงามดั่งที่เธอจินตนาการเอาไว้ คนโรคจิตอย่างจอบส์หรือผู้ชายคนนี้ต้องมีอีกมากมายแน่ ๆ เธอกับเหยียนหมิงซุ่นไม่สามารถปกป้องเล่อเล่อได้ทุกเวลา ถ้าอย่างนั้นเล่อเล่อควรฝึกวิชาต่อสู้สักหน่อยไว้ป้องกันตัวถึงจะดีที่สุด

ส่วนความสง่างามสูงส่งอะไรนั่น…ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติแล้วกัน!

ของพวกนี้ช่วยรักษาชีวิตไว้ไม่ได้!

พอชายหนุ่มเห็นว่าเหมยเหมยตามหาอิจิโร่พบแล้วก็อดผิดหวังขึ้นมาไม่ได้ รู้ว่าตนตกเป็นรอง คราวนี้หนีไม่พ้นแล้ว!

แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก อย่างมากเขาก็แค่โดนตัดสินข้อหาทารุณกรรมเด็กคงจำคุกสามถึงห้าปีก็ออกมาได้แล้วซึ่งก็เหมือนเดิม!

ส่วนเด็กที่เสียชีวิตไปทุกคนเขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ตำรวจตามสืบไม่พบจึงไม่สามารถตัดสินโทษเขาได้!

ชายหนุ่มวางใจจึงตัดสินใจหลับตาลงรอตำรวจมาหาถึงที่ ประจวบกับตอนนี้เขาหมดเนื้อหมดตัวแล้วไม่มีเงินซื้ออาหารทานแล้ว ไปอยู่ในคุกไม่กี่ปีก็ดีไม่หยอก

เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่งพลางเอ่ยต่อชายหนุ่มว่า “แกคิดว่าฉันจะแจ้งตำรวจใช่ไหมล่ะ?”

ชายหนุ่มใจเต้นรัว ไม่เข้าใจความหมายของเหมยเหมย เธอไม่แจ้งตำรวจแล้วคิดจะทำอะไร?

หรือว่าผู้หญิงชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ?

“ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น ประเทศบ้าบอของพวกแกไม่มีแม้กระทั่งโทษประหารชีวิต แล้วจะส่งแกเข้าไปเสพสุขเหรอ? วันนี้แกตกอยู่เงื้อมมือฉันนับว่าแกโชคไม่ดีแล้วล่ะ!”

เหมยเหมยวางอิจิโร่ลงบนพื้นพลางเอาผ้าห่มพันตัวเขา หยิบแส้ออกมาเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มทีละก้าว ๆ

“เธอคิดจะทำอะไร…นี่มันเกียวโต…ไม่ใช่ประเทศฮวาเซี่ยของพวกเธอ เธออย่าทำบ้า ๆนะ!” ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติก็ชักลนลานขึ้นมา

“ถ้าแกอยู่ฮวาเซี่ยตอนนี้แกตายนานแล้ว หึ…แกฆ่าเด็กไปตั้งมากมายยังมีหน้ามาร้องขอชีวิตอีกเหรอ? วันนี้ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสชาติการถูกทรมานดูบ้าง!”

เหมยเหมยมองด้วยสายตาประกายวาวด้วยความตื่นเต้น การเดินทางมาเมืองเกียวโตนับว่าโชคดีไม่หยอก พอมาถึงก็เจอโรคจิตเลย คราวก่อนตอนจอบส์เธอยังไม่สะใจพอเลย!

“ไม่นะ…ฉันไม่ได้ฆ่าคน…เธออย่ามาพูดเหลวไหล!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังพลางมองเหมยเหมยด้วยความหวาดกลัว

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ใช่ตำรวจแต่เป็นคนประเภทเดียวกับเขา!

ให้ตายเถอะ เขาไปหาเรื่องโรคจิตได้อย่างไรกัน?

“ฉันพูดเหลวไหลเหรอ? ใต้ต้นแอปเปิ้ลข้างนอกฝังอะไรไว้?” เหมยเหมยฟาดแส้ใส่ ลานบ้านมีแมลงวันมากมายแถมยังมีกลิ่นเหม็นเน่าอีก คิดว่าเธอโง่หรือ?

……………………….

ตอนที่ 2522 บีบบังคับให้รับสารภาพ

ชายหนุ่มสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน ผู้หญิงคนนี้รู้ได้อย่างไร?

“แกไม่ได้ฆ่าแค่เด็กสามคนนั้นแต่ยังฆ่าคนอื่น ๆแล้วฝังศพไว้ใต้ต้นแอปเปิ้ลตรงลานบ้าน!” เหมยเหมยพูดเน้นทีละคำพร้อมความรู้สึกขยะแขยงก่อตัวขึ้นในใจ

ผู้ชายคนนี้ก็ช่างโรคจิตเหลือเกิน ฆ่าคนแล้วก็ฝังไว้ตรงลานบ้านเลย เนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวต่อให้อยู่ใต้พื้นดินก็กลบกลิ่นเหม็นเน่าไม่ได้หรอก แถมยังดึงดูดแมลงวันนับไม่ถ้วนอีกต่างหาก

นั่นก็เพราะบ้านหลังนี้ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวห่างจากบ้านหลังอื่นถึงไม่ตกเป็นที่สงสัย ไม่อย่างนั้นตำรวจต้องมาถึงบ้านแล้ว

แต่ก็เพราะเหตุนี้ผู้ชายคนนี้ถึงได้เหิมเกริมขนาดนี้สินะ!

“เปล่า…” ชายหนุ่มปฏิเสธไม่ยอมรับแต่สายตาเริ่มหลุกหลิกหลบสายตาไม่หยุดหย่อน

“แกจะไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ใช่ตำรวจสักหน่อย ไม่ได้สนใจว่าแกจะฆ่าไปกี่คน ฉันแค่อยากถามแกว่าทำไมต้องลงมือกับเด็กด้วย?” เหมยเหมยตะคอกถาม

เธอคิดไม่ตกจริง ๆว่าเจ้าโรคจิตพวกนี้ เหตุที่มีชีวิตย่ำแย่ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองไม่ขยันมากพอก็เพราะมีคนคอยทำร้าย…

ถ้าเป็นเพราะเหตุผลแรกแล้วมีสิทธิ์อะไรไม่พอใจกับสังคมนี้ ถ้าเป็นเหตุผลหลังแน่จริงก็ไปคิดบัญชีกับคนที่ทำร้ายคุณสิ ทำไมต้องมาระบายอารมณ์ที่เด็กบริสุทธิ์ด้วย?

คนประเภทนี้ความจริงก็คือพวกขี้ขลาด พวกขี้ขลาดที่สมควรตกนรกสิบแปดขุม!

ชายหนุ่มปิดปากแน่นไม่ตอบคำถามเหมยเหมย เขาแค่อยากให้ตำรวจรีบมาที่บ้าน ทางนี้เกิดเสียงดังอึกทึกขนาดนี้เพื่อนข้างบ้านน่าจะได้ยินสินะ?

บางทีอาจจะแจ้งตำรวจก็ได้!

แต่ชายหนุ่มไม่พิจารณาดูเลยว่าเขาอาศัยอยู่ที่ลับตาคนขนาดนี้ ปกติใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษ แล้วใครจะมายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขากัน!

ไม่อย่างนั้นเขาฆ่าเด็กติดต่อกันคนแล้วคนเล่าจะไม่มีคนสังเกตเห็นได้หรือ?

“ไม่อยากบอกสินะ…ดีเลย ฉันเพิ่งจัดการโรคจิตชั่วช้าเหมือนแกคนหนึ่งไปหมาด ๆ กำลังคันไม้คันมือพอดี!”

เหมยเหมยก็ไม่คิดจะยื้อเวลาต่อ เธอจะปล่อยอิจิโร่รอนานไม่ได้ เธอหยิบเอาตะปูกับค้อนจากกล่องอุปกรณ์เครื่องมือรวมถึงเทปกาวออกมา ชายหนุ่มเบิกตากว้างไม่เข้าใจว่าเธอคิดจะทำอะไร

“แกทำแบบนี้กับเด็กสินะ? ลองลิ้มรสเองเป็นไง!”

เหมยเหมยเอาเทปกาวปิดปากชายหนุ่มแล้วหยิบตะปูยาวหนึ่งนิ้วมาไว้บนขาชายหนุ่มก่อนจะเอาค้อนทุบแรง ๆ จนตะปูตอกเข้าเนื้อเหลือเพียงส่วนหัวโผล่ออกมาเล็กน้อย

“อื้อ…โอ๊ย ๆ…”

ชายหนุ่มบิดตัวไปมาไม่หยุด รู้สึกเจ็บเจียนตาย…มองเหมยเหมยอย่างหวาดกลัว

หญิงชาวฮวาเซี่ยคนนี้ช่างโหดเหี้ยมนัก ฝีมืออยู่เหนือกว่าเขาด้วยซ้ำไป เขาเจอคนเหี้ยมกว่าแล้ว!

“สบายใช่ไหมล่ะ? คนเรามักจะทำอะไรไม่เกินสามครั้ง งั้นฉันจะตอกให้แกอีกสองอันแล้วกัน!”

เสียงแกร๊ง ๆดังสองทีพร้อมกับตะปูที่ตอกเข้าเนื้อไปอีกสองอัน ชาวตะวันตกสองคนนอกหน้าต่างก็สะดุ้งอย่างอดไม่ได้ เอามือถูแขนไปมาไม่หยุด ให้ตาย…ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนี้โหดยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก!

“จะให้เอาสักหกครั้งตามเลขนำโชคหรือเปล่า?” เหมยเหมยพึมพำพร้อมหยิบตะปูมาเพิ่มอีกสามอัน พลางวาดมือบนขาอีกข้างของชายหนุ่มไม่หยุด

ชายหนุ่มส่ายศีรษะแรง ๆ เส้นเลือดตรงหน้าผากปูดโปนส่งเสียงครางขัดขืน เพียงแต่ปากถูกปิดไว้ด้วยเทปกาวจึงทำให้ส่งเสียงออกมาไม่ได้

“อยากบอกแล้วเหรอ?” เหมยเหมยถามเสียงเย็น

ชายหนุ่มพยักหน้าแรง ๆ เหมยเหมยฉีกเทปกาวออกทีเดียว “บอกมา…ทำไมถึงฆ่าเด็ก? แล้วยังทิ้งศพไว้หน้าร้านเคเอฟซีอีกด้วย!”

“เพราะฉันเกลียดเคเอฟซี และเกลียดพวกคนมีเงินที่ซื้อเคเอฟซีกินได้…”

ชายหนุ่มหอบหายใจพลางเล่าเรื่องราวของเขาให้ฟัง แม้จุดเริ่มต้นของเรื่องราวจะน่าเห็นใจอยู่บ้างแต่ไม่ใช่ข้ออ้างที่ชายคนนี้จะฆ่าคนได้เลย

……………………..