จะว่าไปความเห็นของมู่ช่าวหวงและหลัวซิวก็ตรงกันโดยบังเอิญอยู่ เมื่อเห็นว่าเขาเป็นฝ่ายที่ถดถอยกลับไปเอง หลัวซิวจึงส่งซิกทางสายตาให้จีเสี่ยวจื่อ เพื่อเป็นการให้นางกลับมาข้างกายตน

เป็นสตรีที่งดงามคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นมกุฎเทพอายุน้อยคนหนึ่งด้วย นางเป็นสตรีผู้ภาคภูมิของสวรรค์ในวัยรุ่นยุคใหม่อย่างไร้ข้อกังขาแน่นอน

สตรีเช่นนี้ต้องเป็นที่จับจ้องของผู้คนอย่างแน่นอน เมื่อเห็นว่านางกลับไปข้างกายหลัวซิวอย่างเชื่อฟังคำสั่ง สายตาของคนจำนวนไม่น้อยจึงร่วงลงบนตัวหลัวซิว สีหน้าท่าทางของทุกคนล้วนแตกต่างกันออกไป มีทั้งอิจฉาริษยาและเกลียด มีครบทุกอย่างเท่าที่ควรจะมี

โครม!

เรือรบทองคำบินจากไป ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้เห็นการเข่นฆ่าสงครามครั้งใหญ่ที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน

และสิ่งที่ทำให้ผู้คนแปลกใจมากกว่าคือผู้ที่เย่อหยิ่งอย่างมู่ช่าวหวงถึงกับถดถอยอย่างนั้นหรือ ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นมกุฎเทพ เมื่อพูดตามหลักแล้วก็ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้สิ นี่จึงทำให้คนจำนวนมากต่างอดไม่ได้ที่จะพิจารณาความสำคัญของทีมชายหนึ่งหญิงหนึ่งอย่างหลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อใหม่อีกครั้ง

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ผู้คนก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งศูนย์กลางของหุบเขาแห่งนี้มีเหวลึกที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นแห่งหนึ่ง พร้อมกับลมเย็นยะเยือกที่ทะมึนทึบ

พวกพระโอรสจ้านเทียนเป็นกลุ่มแรกที่มาถึงที่แห่งนี้ แต่ทว่ากลับยืนสูงตระหง่านและมั่นคงดั่งขุนเขาอยู่ขอบเหวลึก ไม่ได้ลงไปในเหวลึก

มู่ช่าวหวงเป็นคนที่สองที่มาถึง ทว่าเขากลับไม่มีความลังเลใจใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ควบคุมเรือรบทองคำแล้วพุ่งบุกเข้าไป อาศัยเรือรบของขลังระดับจ้าวมหาเทพลำนี้ แทบจะไม่มีสถานที่ใดที่สามารถทำให้เขาหวาดหวั่นเกรงกลัว

เมื่อเห็นว่ามู่ช่าวหวงเป็นผู้ที่บุกนำเข้าไปก่อน สำหรับพระโอรสจ้านเทียนแล้ว นี่จึงเป็นการแย่งซีนตนเองอย่างไร้ข้อสงสัย

สีหน้าเขาจึงหม่นหมองลงไปในทันที ถึงแม้มังกรห้าอุ้งเท้าที่อยู่ใต้เท้าจะไม่ยอมมากเพียงใด ทว่ากลับทำได้เพียงบินลงไปในเหวลึกด้วยความทุกข์ใจ

ภายในเหวลึกแห่งนี้มีลมที่เย็นยะเยือกคำรามพัดโบก แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นสถานที่ที่อัปมงคล ยากที่จะจินตนาการได้จริง ๆ ว่าภายในจะมีความอันตรายแบบใดซ่อนอยู่

แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ากระบี่เทวตรีภพเล่มนั้นมีโอกาสอยู่ในก้นเหวลึกแห่งนี้ ทุกคนจึงทำได้เพียงกลั้นใจบุกเข้าไป เนื่องจากการที่สามารถเดินมาถึงทุกวันนี้ได้นั้น อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทุกคนล้วนเข้าใจดีมาก ๆ ว่ายิ่งเป็นโอกาสและโชคที่ใหญ่ ในขณะเดียวกันก็มีภยันตรายซ่อนอยู่เช่นกัน หลักการที่กล่าวว่าการไม่เสี่ยงภัยก็จะไม่นำมาซึ่งความมั่งคั่งร่ำรวยก็เป็นเช่นนี้นี่แหละ!

ส่วนบนของเหวลึกนี้ค่อนข้างแคบ ทว่าเมื่อยิ่งลงไปด้านล่าง พื้นที่บริเวณรอบ ๆ ก็จะยิ่งกว้างมากขึ้น สภาพแวดล้อมภายในก็ซับซ้อนอย่างยิ่งเช่นกัน

“น้ำหยินนภา!”

ทันใดนั้นเองก็มีคนอุทานอย่างตะลึง ก่อนจะมีแสงกลสิบกว่าดวงก็บินตรงไป ถัดจากนั้นก็มีการต่อสู้ในขอบเขตเล็ก ๆ เกิดขึ้น

สุดท้ายมีคนคนหนึ่งที่แย่งน้ำหยินนภาไปได้ นี่คือสมบัติที่เหมาะกับการล้างบาปบนร่างเนื้อมาก ๆ โดยเฉพาะนักยุทธ์เพศหญิงหรือนักยุทธ์ที่ฝึกกฎไท่หยิน

“เหล็กเศษณ์กระจ่างนภา?”

“ดอกทมิฬเปลี้ย!”

……

เมื่อยิ่งลึกลงไปในเหว สมบัติต่าง ๆ ที่ค้นพบก็ยิ่งมาก มาตรแม้นว่าเป็นเหล่าอัจฉริยะที่กำเนิดจากสำนักจักรพรรดิและแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สมบัติเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่าย ๆ เช่นกัน

อย่างไรเสียศิษย์ในสำนักจักรพรรดิและแดนศักดิ์สิทธิ์มีมากเกินไป ถึงแม้จะลำเอียงทรัพยากรการฝึกตนไปทางอัจฉริยะ ทว่าก็ใช่ว่าจะไม่มีขีดจำกัดเลย หากเหล่าอัจฉริยะอยากได้ทรัพยากรในการฝึกตนที่มากกว่าเดิม ก็ต้องพึ่งพาศักยภาพของตัวเองเพื่อให้ได้รับมา

อย่างไรก็ตามแม้สมบัติจะมีไม่น้อย แต่ทว่าภยันตรายก็ปรากฏเช่นกัน

“ฮู่วฮู่ว……”

จู่ ๆ ลมที่พัดโบกอย่างรุนแรงก็พัดมาจากส่วนลึกของเหว ลมที่โหมพัดกระหน่ำนี้มืดมนอย่างยิ่ง มืดครึ้มและหนาวเย็นถึงขีดสุด และมีพลังของภูตผีปีศาจปนอยู่ด้วย

“โฮกก!” “อ่าวู๊!” “เจี๊ยกเจี๊ยก……”

เสียงต่าง ๆ ที่ฟังดูมืดครึ้มและเย็นยะเยือกดังขึ้น ๆ ลง ๆ เสียงร้องห่มร้องไห้เหมือนผีสางหมาป่า ราวกับมีผีร้ายนับล้านคำราม

มีเงาดำร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากลมเย็นที่มืดมนนั่น เหมือนดั่งวิญญาณที่ผูกอาฆาตดวงหนึ่ง