บทที่ 1564 สบายใจได้

The king of War

ดวงตาของหยางเฉินแดงก่ำเป็นสีเลือด พลังปราณพุ่งสูงขึ้นจนขีดสุด เข้าปะทะกับพลังปราณที่ออกมาจากซากศพ

พลังอันหน้าสะพรึงที่ออกมาจากหยางเฉิน พุ่งเข้าทำลายทั้งห้องอย่างบ้าคลั่ง

แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ซากศพก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด เพียงแค่หยางเฉินจับที่ข้อมือศพนี้เท่านั้น ก็ทำให้พลังวิถีบู๊เกิดความผันผวนอย่างน่าสยดสยอง

ในขณะเดียวกัน เฝิงเจียหยีที่อยู่ด้านบนก็รับรู้ได้ถึงกระแสพลังอันบ้าคลั่งนี้

“เกิดการต่อสู้กันงั้นหรือ ? ทำไมจึงมีพลังปราณวิถีบู๊ที่น่าสะพรึงขนาดนี้อยู่ข้างล่างกัน ?”

นางเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่ง สามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่กำลังต่อสู้กันระหว่างคนสองคน ด้วยพลังระดับนี้ เพียงแค่คนคนเดียวก็สามารถสังหารนางได้แล้ว

นางรู้ว่าคนหนึ่งด้านล่างก็คือหยางเฉิน ผู้ที่วัยใกล้เคียงกันกับนาง แต่นางก็อยากรู้ว่าอีกคนหนึ่งคือใครกัน ?

จิตใจของเฝิงเจียหยีเกิดหวาดกลัวขึ้นมา

นางไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วด้านล่างไม่ใช่การต่อสู้กันต้องคนสองคน แต่เป็นหยางเฉินที่กำลังจับข้อมือของศพลึกลับอยู่ พลังปราณวิถีบู๊ของทั้งคู่กำลังปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง

ด้วยระดับพลังของเฝิงเจียหยีนางไม่กล้าที่จะลงไปด้านล่าง หากลงไปตอนนี้คงมีแต่ตายเท่านั้น

เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยผ่านไป หยางเฉินที่กำลังจับข้อมือศพอยู่ พลังอันรุนแรงผ่านมือไหลเข้ามาในตัวของเขา

ตาทั้งสองของหยางเฉินเปลี่ยนเป็นสีเลือด เทคนิคการหายใจขั้นหกของคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยานถูกใช้จนถึงขีดสุด แรงกดดันในตอนนี้ยิ่งกว่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดมนุษย์ขั้นเจ็ดเสียอีก

พลังปราณที่ออกมาจากซากศพน่ากลัวราวกับต้องการสังหารหยางเฉินก็มิปาน

ทันใดนั้นหยางเฉินก็สังเกตเห็นว่ามีแสงวูบวาบอยู่ในปาก เขาใช้มืออีกข้างหนึ่งตบเข้าไป จนปากอ้าออก เผยให้เห็นวัตถุทรงกลมขนาดเท่ากับไข่นกพิราบส่องแสงอยู่ด้านในคล้ายกับไข่มุกราตรี

หยางเฉินรู้แล้วว่าพลังปราณอันรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นั้นมาจากลูกกลม ๆ นี้ ไม่ใช่จากศพ

เขาหยิบลูกปัดกลมออกมาจากปากศพ

ทันใดนั้นพลังปราณอันรุนแรงก็มลายหายไปจนหมดสิ้น ลูกบอลกลมเองก็สงบนิ่งไป

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”

หยางเฉินขมวดคิ้ว มองไปยังลูกปัดกลมด้วยแววตาสงสัย

ลูกปัดเม็ดเดียวกลับมีพลังปราณน่ากลัวขนาดนี้ และยังไปอยู่ในปากศพบุคคลปริศนานี่อีก จะต้องเป็นของสำคัญมากแน่

แต่หลังจากที่นำออกมาจากซากศพกลับสงบนิ่งไป กลายเป็นเพียงไข่มุกราตรีธรรมดา

“คลิ้ก !”

ทันใดนั้น ซากศพที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ร่วงตกลงสู่พื้น สลายกลายเป็นฝุ่นผง

ที่ซากศพยังคงสภาพอยู่ได้ที่แท้เป็นเพราะลูกปัดลูกนี้

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ ?”

จู่ ๆ เสียงของเฝิงเจียหยีก็ดังมาจากปากถ้ำ หยางเฉินจึงรีบเก็บลูกปัดทันที

“ไม่มีอะไร !”

หยางเฉินพูดด้วยเสียงราบเรียบ ไม่ได้อธิบายว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น

เฝิงเจียหยีขมวดคิ้ว นางรู้ว่าหยางเฉินกำลังโกหก เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่นางสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณอันรุนแรงของคนสองคน แต่ในตอนนี้กลับเหลือเพียงหยางเฉินคนเดียวในถ้ำ เกิดอะไรขึ้นกับอีกคนกัน ?

ตอนนี้ซากศพได้กลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว

หยางเฉินไม่สนใจเฝิงเจียหยีอีก สายตาจับต้องไปที่บัลลังก์ทันที จึงพบว่าจุดที่ศพนั่งเมื่อสักครู่มีปุ่มกดอยู่

“ปึ้ง !”

หยางเฉินกดปุ่ม เกิดเสียงดังขึ้นภายในถ้ำ จากนั้นทั้งสองก็มองไปยังทิศทางของประตูหินที่ค่อย ๆ เปิดออกอย่างยินดี

“เจอทางออกแล้ว !”

เฝิงเจียหยีพูดขึ้นด้วยความดีใจ

ไม่นานนัก พวกเขาก็สามารถออกมาด้านนอกจนได้

หยางเฉินพูดขึ้น “ที่นี่คือที่ไหน ?”

หลังจากที่พวกเขาออกมาด้านนอกได้สำเร็จ แม้จะอยู่ที่ตีนเขา แต่สภาพโดยรอบ กลับแตกต่างไปจากขามาโดยสิ้นเชิง

เฝิงเจียหยีมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดว่า “ที่นี่น่าจะเป็นกลางเขตบ้านพักอี๋เหอ เจ้าตามข้ามา !”

พูดจบ เฝิงเจียหยีก็รีบนำทางไป ก่อนที่หยางเฉินจะรีบตามไปติด ๆ

ยี่สิบนาทีต่อมา ในที่สุดทั้งสองก็กลับมายังตำแหน่งเดิมตอนที่มาถึงบ้านพักอี๋เหอ

แม้จะไม่พบเฝิงเสี่ยวหว่านและเสี่ยวจิ้งอัน แต่หยางเฉินก็ได้ลูกปัดลึกลับอันทรงพลังนี้มา แม้จะยังไม่รู้ว่าทำอะไรได้บ้าง แต่มันต้องเป็นของล้ำค่าแน่ ๆ

“คุณหยาง ขออภัยด้วย ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องราวอย่างนี้ขึ้น”

เฝิงเจียหยีพูดขอโทษต่อยังหยางเฉิน

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่มีอะไรต้องขอโทษ เจ้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะถูกขังกันอยู่ในนั้นเหมือนกัน”

พูดจบ เขาก็ถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้าคิดว่าคนที่ข้าตามหาจะอยู่ที่ไหนได้อีก ?”

เฝิงเจียหยีส่ายหัว พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้ายังรู้จักที่อื่นอีก แต่เมื่อครู่ข้าได้ติดต่อหาท่านพ่อที่ไปสำรวจสถานที่เหล่านั้นแล้ว ปรากฏว่าไม่พบคนที่เจ้ากำลังตามหาอยู่เลย”

หยางเฉินขมวดคิ้ว ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ขณะนี้เป็นเวลาตีสี่แล้ว เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น

“เพราะพวกเราเพิ่งจะเข้าไปยังห้องลับ พวกมันคงไหวตัวทันแล้ว ข้าเกรงว่าคนที่เจ้าตามหาคงถูกเฝิงจื้อหย่วนนำตัวไปไว้ที่อื่นแล้ว”

เฝิงเจียหยีกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าว่าตอนนี้แทบไม่เหลือโอกาสเจอคนที่เจ้าตามหาแล้ว ปกติเฝิงจื้อหย่วนทำอะไรรอบคอบเสมอ เขาให้ความสำคัญกับคนทั้งสองขนาดนั้น คงไม่มีทางให้พวกเราหาเจอง่าย ๆ หรอก”

หยางเฉินเงียบลงทันที เขาเข้าใจสิ่งที่เฝิงเจียหยีพูดดี แต่ถ้าหากเขาหาเสี่ยวจิ้งอันกับเฝิงเสี่ยวหว่านไม่พบล่ะก็ หม่าชาวคงต้องยอมทำตามสิ่งที่เฝิงจื้อหย่วนต้องการแน่

ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ทั้งสองคนตกใจเล็กน้อย ทำไมดึกดื่นอย่างนี้ถึงมีคนโทรมาหาเขากัน ?

หยางเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่าเป็นเบอร์ของบุคคลปริศนา เขาจึงรีบรับโทรศัพท์ทันที

ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงอันคุ้นเคย “คุณหยาง ข้าได้ยินมาว่าท่านกำลังตามหาเฝิงเสี่ยวหว่าน

และหลานชายของข้าเสี่ยวจิ้งอันอยู่ใช่หรือไม่ ?”

หยางเฉินสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เพราะเสียงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือเสียงของพ่อหม่าชาว เฝิงจื้อหย่วน

วันนี้ทั้งสองคนเพิ่งจะได้พบกันที่โรงแรม แถมตอนนี้ก็ตีสามแล้ว ทำไมถึงโทรมาหาเขาถามเรื่องเสี่ยวหว่านและเสี่ยวจิ้นอันได้ ?

หยางเฉินยังไม่ทันตอบ เฝิงจื้อหย่วนก็พูดขึ้น “คุณหยาง ถ้าท่านกำลังตามหาพวกเขาอยู่ล่ะก็ คงไม่ต้องลำบากแล้ว ตอนนี้หลานชายอยู่กับข้า ผู้หญิงอีกคนที่ชื่อเฝิงเสี่ยวหว่านเองก็ด้วย ข้าหาที่พักให้กับคนทั้งสองแล้ว ท่านสบายใจได้”