ตามหลักแล้ว ทั้งสามพี่น้องถือหุ้น 51% ซึ่งสอดคล้องกับอัตราส่วนโอลดิ้งแน่นอน ตราบใดที่ทั้งสามคนเป็นหนึ่งใจเดียวกัน กู้ซื่อกรุ๊ปก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลกู้อย่างสมบูรณ์

แต่ดันตอนนี้น้องสองและน้องสามเห็นว่าพี่ใหญ่กู้เย้นจงใกล้จะตายแล้ว ไม่ว่ายังไงก็จะแบ่งส่วนแบ่งของเขาไปให้ได้

ตอนนี้กู้เย้นเจิ้งเห็นว่าแผนขอหุ้นในวันนี้ไม่สำเร็จ จึงเอาเรื่องคณะกรรมการบริหารในวันพรุ่งนี้ ไปกดดันพี่ใหญ่ต่อ

ถึงเรื่องหุ้น เขาจะไม่ตกลงสักพัก แต่พรุ่งนี้จะต้องบังคับเขา ให้ยกตำแหน่งประธานให้กับตน!

ดังคำกล่าวที่ว่า ประเทศไม่สามารถขาดราชาได้สักวัน และมังกรไม่สามารถขาดผู้นำได้สักวัน

ด้วยเมทริกซ์การผลิตขนาดใหญ่ของกู้ซื่อกรุ๊ป ไม่สามารถไม่มีประธานคณะกรรมการได้

แม้ว่ากู้เย้นจงจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้เขามีอาการป่วยที่กำลังจะตาย ถ้าไปรักษา งั้นต่อไปจะไม่มีเรี่ยวแรงจัดการเรื่องบริษัทแน่นอน ถ้าไม่ไปรักษา จะอยู่ได้ไม่นานแน่นอน

ดังนั้นตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะบังคับให้ลาออก

ไม่ว่ายังไง ก็ต้องให้เขาต้องบกตำแหน่งและอำนาจของประธานออกมาก่อน

จากนั้นตนก็ค่อย ๆ วางแผนหุ้นส่วนในมือของเขา

หากไม่ได้ผลก็จะใช้วีธีที่สุดโต่ง หลังจากพี่ใหญ่ตาย ก็จะฆ่าภรรยาและลูกสาวให้หมด

ด้วยวิธีนี้ สวนแบ่งของครอบครัวพวกเขาสามคน จะตกอยู่ในมือของตนและน้องสาม

เพียงแต่เขาไม่กล้าใช้วิธีที่สุดโต่งเช่นนี้ เพราะไม่ว่ายังไงเย่นจิงก็เสือซุ่มมังกรซ่อน มีเจ้าพ่อหลายคนรู้สถานการณ์ของตระกูลใหญ่ดี ถ้าเขาแอบลงมือจริงๆ แม้ว่าเขาจะทำได้อย่างสมบูรณ์แบบก็ไม่สามารถรอดจากสายตาของคนพวกนี้ได้

ถึงตอนนั้นกลุ่มคนในสังคมชั้นนำของเย่นติง จะรู้ว่าเขาได้ฆ่าครอบครัวของพี่ใหญ่

ด้วยวิธีนี้ ผลกระทบต่อครอบครัวของกู้ จะมากเกินไป

ท้ายที่สุดแล้ว ทุกวงการจะมีกฎสำหรับทุกวงการอยู่แล้ว ในวงการคนรวยของเย่นจิง ใครกล้าฆ่ากันเอง จะกลายเป็นเป้าหมายการถูกทุกคนรังเกียจ

เมื่อถึงตอนนั้น ทรัพย์สิน เส้นสาย สถานะรวมทั้งชื่อเสียงของตระกูลกู้จะลดลงอย่างมาก

ดังนั้น เขายังคงมีแนวโน้มที่จะชิงไหวชิงพริบ

กู้เย้นจงได้ยินเขาพูดถึงคณะกรรมการ ก็รู้ว่าเขาต้องการใช้คณะกรรมการมากดดันตัวเอง

ตอนนี้ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว มีบริษัทมหาชนจำกัดหลายแห่งได้เริ่มทำสรุปประจำปี เผยแพร่รายงานทางการเงินประจำปี และประกาศให้ประชาชนทั่วประเทศได้ทราบ และบริษัทที่ใหญ่โตอย่างกู้ซื่อกรุ๊ป ได้รับความสนใจแน่นอน

และตอนนี้ตนป่วยระยะสุดท้ายแล้ว ถ้าเข้าร่วมงานคณะกรรมการ และถูกคนทั้งประเทศเห็นสภาพแบบนี้ของตัวเอง ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกู้ซื่อกรุ๊ปจะลดลงอย่างมาก เมื่อถึงตอนนั้นหุ้นจะตกแน่นอน และผู้ถือหุ้นจะต้องเผชิญกับการสูญเสียมากขึ้นอย่างแน่นอน

ดังนั้น เมื่อถึงเวลาคณะกรรมการจะกดดันตัวเองอย่างแน่นอน บังคับให้ตัวเองเลิกเป็นประธาน

ก่อนหน้านั้น ตระกูลกู้สามพี่น้องถือหุ้น 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และมีสิทธิ์พูดในคณะกรรมการแน่นอน ผู้ถือหุ้นรายอื่นไม่สามารถบังคับพวกเขาให้ทำสิ่งต่างๆ ได้

แต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างออกไป

น้องชายสองคนไม่เห็นด้วยกับเขา ในมือเขามีหุ้นเพียง 25.5% และอีก 25.5% อยู่ในมือของน้องชายสองคน

หากทั้งสองคนไม่เป็นหนึ่งใจเดียวกับตน และร่วมมือกับสมาชิกคณะกรรมการคนอื่นๆมากำจัดตัวเอง หุ้น25.5% ของตนนั้น สู้พวกเขาไม่ได้หรอก

แค่พวกเขารวมกันก็เกิน 51%แล้ว สามารถกล่าวโทษตนได้อย่างสมเหตุสมผลและถูกต้องตามกฎหมาย สามารถบังคับตนให้ยกตำแหน่งประธานได้

เมื่อคิดเช่นนี้ เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า:”กู้เย้นเจิ้ง ฉันรู้ว่านายคิดจะทำอะไร แต่ว่านายวางใจได้ ตราบใดที่ฉันกู้เย้นจงยังมีลมหายใจ ประชุมคณะกรรมการในวันพรุ่งนี้ ฉันจะไปแน่! ไม่ว่านายจะมีแผนอะไร ฉันจะไม่ให้นายทำสำเร็จ!”