“ม…ไม่ดีแล้ว ร่างวิญญาณของข้า…ร่างวิญญาณของข้าทนรับมันไม่ไหวแล้ว…”

“ร…ร้อน! ข้า…ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้ว!”

“ร่างวิญญาณของข้านั้นมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเท่าไหร่แล้ว ทำไมข้ายังไม่ไหวอีก?”

ยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งมีคนที่เริ่มทนไม่ไหวมากขึ้นเรื่อยๆ

ความร้อนของทะเลเพลิงนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่าน

ร่างหมอกของคนทั้งหลายนั้นมันค่อยๆ จางหายลงไป

จนสุดท้ายกลายเป็นความว่างเปล่า

เดิมทีแล้วพวกเขาคิดว่าด้วยคำสอนของเย่หยวนในชั้นแรกกับร่างวิญญาณที่แข็งแกร่งของตนในตอนนี้

มันคงช่วยให้พวกเขาสามารถรอดไปได้

แต่พวกเขานั้นกลับคิดผิดอย่างมหันต์

หวางเฉียนนั้นเองก็ไม่ต่างกัน

เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้นมาจากภายในร่างวิญญาณกึ่งอมตะของตน…

ตอนนี้หวางเฉียนเหมือนกลับรู้สึกถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง

เขานั้นคิดใช้ทะเลเพลิงนี้หลอมร่างตัวเอง

แต่มันกลับเปล่าประโยชน์!

ร่างกายของเขานั้นมันอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ

เย่หยวนนั้นอยู่ห่างจากเขาไม่มากนักและตัวเขาก็ยังเห็นว่าเย่หยวนนั้นนั่งขมวดคิ้วแน่นอยู่ไม่ไกล

แต่เขาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเป็นร่างหมอกเสียที

ทว่าจู่ๆ เย่หยวนก็ขยับตัวพุ่งหายกลายเป็นหมอกไป

เมื่อหวางเฉียนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ฮ่าๆ ทำเป็นลึกลับ! เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะโชคดีได้ทุกครั้งไป? ในรอบแรกนั้นเจ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น! ในรอบที่สองนี้เจ้าเสียเวลาคิดไปเป็นครึ่งวันแต่สุดท้ายก็ทำเหมือนพวกเรามิใช่หรือ? มันมีอะไรต่างกันตรงไหนเล่า?”

หวางเฉียนนั้นเข้าใจเรื่องของเจดีย์เจ็ดสีนี้ขึ้นมาไม่น้อย

เขาพอเดาได้แล้วว่าสมบัติสืบทอดในแต่ละรอบมันคงแตกต่างกันไป

แต่หากถามว่ามันแตกต่างกันอย่างไร…นั้นก็คงมีแต่ต้องลองผิดลองถูกเท่านั้นแล้ว

แต่จนตอนนี้เขาก็ยังไม่เจอทางออก และเย่หยวนเองก็ยังไม่เจอทางเช่นกัน

ในรอบแรกนั้นเขาก็แค่บังเอิญไปเจอทางเข้าเท่านั้นเอง

“อ้าก ร้อนโว้ย! ข้ารู้สึกเหมือนร่างวิญญาณของตนจะเหือดหายไปเลย! เย่หยวน เจ้าเจอหนทางรับมือมันหรือยัง? เฒ่าไป๋คนนี้ขอเรียนรู้จากเจ้าอีกทีเถอะ!” ไป๋ชุยซานร้องลั่นขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมาทันที เจ้าบ้านี่มันยังมียางอายหรือไม่?

“ไป๋ชุยซาน! เจ้าจะอย่างไรก็เป็นยอดอัจฉริยะที่เคยได้รับคำสอนจากบรรพบุรุษท่านมาก่อน นี้คิดจะตามหลังคนอื่นเช่นนี้จริงๆ?” หวางเฉียนกล่าวขึ้น

ไป๋ชุยซานหันไปมองหน้าหวางเฉียนก่อนจะทำเสียงเลียนแบบขึ้น “ช…ช่วยข้าด้วย! เย่หยวน ช…ช่วยข้าด้วย!”

เมื่อหวางเฉียนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ต้องกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าดำมืดทันที

นี่มันท่าทางกระดิกหางของเขาในตอนรอบแรกมิใช่หรือ?

นี่มันคือความอับอายชั่วชีวิต!

ไป๋ชุยซานเจ้าบ้านี่กลับเอาเกลือมาลูบแผลใส่เขา!

“ฮ่าๆ ใครกันนะที่มันก้มหัวขอร้องกราบเย่หยวนในรอบแรก? ทำไมหรือ? พริบตาเดียวก็ลืมคุณคนไปแล้วหรือ?” ไป๋ชุยซานร้องลั่นขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นเบิกตากว้างอย่างคับแค้นออกมา “ไป๋ชุยซาน! วันนี้หากข้าหวางเฉียนไม่ได้สังหารเจ้าข้าก็มิใช่คนแล้ว!”

หวางเฉียนนั้นระเบิดพลังขึ้นมาทันที!

เขานั้นไม่คิดสนใจใดๆ ปล่อยพลังวิญญาณที่เหลือทั้งหมดเข้ามาปะทะร่างของไป๋ชุยซาน

ไป๋ชุยซานเองก็สะดุ้งตัวขึ้นเช่นกัน

เพราะว่าฝีมือของเขานั้นต่ำกว่าหวางเฉียนไปมาก

การที่หวางเฉียนได้กลายเป็นยอดคนของแดนวิญญาณกลางนั้นมันย่อมจะหมายความว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดา

เมื่อเขาคนนี้คลั่งขึ้นมาไป๋ชุยซานรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันกดทับขุนเขาพุ่งเข้ามาหา

ตูม!

พริบตาต่อมาคนทั้งสองก็แลกหมัดกัน

หวางเฉียนนั้นปลิวออกไปพร้อมกระอักรุนแรง

ไป๋ชุยซานนั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมามองอย่างงงๆ

“อ่าว ทำไมข้าเก่งขนาดนี้ได้?” ไป๋ชุยซานถามขึ้นอย่างมึนงง

“ฮ่าๆ นี่พี่ไป๋ไม่รู้จริงๆ? หรือว่าท่านแค่แกล้งไม่รู้กัน? แม้ว่าร่างวิญญาณของท่านนั้นจะยังไม่สมบูรณ์เท่าของอาจารย์เย่ แต่ว่าท่านนั้นก็สุดจะแข็งแกร่งแล้ว! ส่วนร่างวิญญาณของหวางเฉียนนั้นมันถูกเผาในทะเลเพลิงมานานมากนัก เขาคงมีสภาพใกล้ตายเต็มทีแล้ว ในตอนนี้มีหรือที่เขาจะเอาชนะท่านได้อีก?” ข้างๆ ตัวเขานั้นมีเสียงคนกล่าวขึ้นมา

เมื่อไป๋ชุยซานได้ยินเช่นนั้นเขาก็ร้องขึ้นมาทันที “ที่แท้มันเป็นเช่นนั้น! ฮิๆ ระหว่างทางมานี้ข้ายังบอกว่าตัวเองจะปกป้องเย่หยวนแต่สุดท้ายพอเข้ามาแล้วกลับเป็นเย่หยวนที่ช่วยเหลือข้าไว้! ฮ่าๆๆ เย่หยวน เจ้าเดาทางรอบนี้ออกหรือยัง? เฒ่าไป๋คนนี้จะรอไม่ไหวแล้ว!”

อีกด้านนั้นหวางเฉียนต้องกระอักเลือดออกมา

ไป๋ชุยซานเก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

เขานั้นย่อมรู้ดีว่าสภาพของตนในตอนนี้มันอ่อนแอมาก

แต่หากลองถามใจตัวเองว่าเขาสามารถเอาชนะไป๋ชุยซานได้หรือไม่เขาย่อมมั่นใจว่าจะทำได้

ใครจะไปคิดว่าเขากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว!

นี่มันแสดงให้เห็นว่าไป๋ชุยซานนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมากล้นในการตีของกลองสนธยาระฆังอรุณในรอบแรก

มันกลับมีช่องว่างที่ใหญ่ขนาดนี้?

เขานั้นรีบขึ้นมาชั้นที่สองก็เพื่อจะแย่งเสี้ยวคลื่นกำเนิดไป

ใครจะไปคิดว่าไป๋ชุยซานนั้นกลับพัฒนามาได้จนถึงขั้นนี้!

แต่วินาทีเดียวกันนั้นเขาก็ได้เห็นว่ามันมีใครบางคนหายไป

ตูม!

จู่ๆ ร่างของเย่หยวนก็ติดไฟขึ้นมา!

ร่างหมอกของเขานั้นมันผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลเพลิง

เมื่อหวางเฉียนเห็นเช่นนี้เขาก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา!

“ฮ่าๆๆ ข้าว่าแล้ว! ในรอบแรกมันก็แค่แมวตาบอดที่บังเอิญไปเจอหนูเข้าเท่านั้น มันแค่โชคล้วนๆ! ในรอบนี้มันเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว? ไหม้ไป! ไหม้ไปให้หมด! กลายเป็นจุณไปเสีย!”

ตอนนี้หวางเฉียนนั้นสะใจอย่างมาก

เพราะหากได้เห็นเย่หยวนตายลงต่อหน้าเขานั้นก็พร้อมที่จะตายลงในชั้นนี้ด้วยเช่นกัน

เพราะตอนนี้เขาไม่อาจจะทนอยู่ต่อหน้าเย่หยวนได้อีกต่อไป

สีหน้าของพวกไป๋ชุยซานนั้นมันเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้เห็น

“นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? เย่หยวนเจ้า…เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ไป๋ชุยซานถามขึ้น

“อาจารย์เย่! อย่างทำให้พวกเรากลัวเช่นนี้สิ!”

“จบสิ้นแล้ว! รอบนี้แม้แต่อาจารย์เย่ท่านก็ยังพลาดท่าลง! ดูท่าเราคงได้ตายกันแน่แล้ว!”

คนทั้งหลายนั้นได้เห็นเย่หยวนไหม้หายไปกับตา

ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายที่ทนพลังของทะเลเพลิงนี้ไว้มันก็แทบไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้ว

ความหวังเดียวของพวกเขานั้นคือเย่หยวน

แต่ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนเองก็ไม่อาจจะรอดไปได้เช่นกัน

เท่านี้มันก็จบสิ้นกันแล้ว!

“ฮ่าๆ ไอ้เจ้าโง่โอหัง! เจดีย์เจ็ดสีนี้มันตั้งมากี่ปีแล้ว? ไม่รู้หรืออย่างไรว่าไม่เคยมีใครไปถึงระดับเจ็ดได้มาก่อน! แค่คนอย่างเจ้านี้ก็คิดจะพลิกสวรรค์หรือ?” หวางเฉียนหัวเราะลั่นขึ้นมา

คนทั้งหลายนั้นต่างหันมามองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เย่หยวนนั้นกำลังจะตายลงต่อหน้าแล้ว

ร่างหมอกของเย่หยวนนั้นมันกำลังไหม้และค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลเพลิงไป

เมื่อร่างหมอกของเย่หยวนมันไหม้ไปจนหมดสิ้นแล้วเย่หยวนก็คงตายลงเช่นกัน

แน่นอนว่าสุดท้ายร่างหมอกของเย่หยวนมันก็ค่อยๆ ถูกทะเลเพลิงกลืนไปเรื่อยๆ

คนทั้งหลายได้แต่มองมันอย่างสิ้นหวัง

แท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นไม่คิดจะขัดขืนใดๆ เลยแม้แต่น้อย

หวางเฉียนนั้นดีใจอย่างมากและรู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้นลงอย่างรวดเร็ว

เพราะการได้เห็นเย่หยวนตายต่อหน้านั้นเป็นความสุขเดียวที่เขามีในตอนนี้แล้ว!

จนสุดท้ายร่างหมอกของเย่หยวนมันก็หายไปสิ้น

จุดที่เขาเคยอยู่นั้นมันกลายเป็นแค่ทะเลเพลิงไปจนสิ้นเชิง ผสานเข้ารวมกันเป็นหนึ่งไม่มีร่องรอยใดๆ เหลืออีก

“ฮ่าๆ ตายจนได้! กว่าจะตาย! ผ่านกลองสนธยาระฆังอรุณและเอาเสี้ยวคลื่นกำเนิดแรกมาได้แล้วทำไม? สุดท้ายก็ตายลงมิใช่หรือ? ฮ่าๆๆ…” หวางเฉียนนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา

คนทั้งหลายได้แต่ทำหน้าตาเหยเกเพราะความหวังของพวกเขามันดับสูญสิ้นลงแล้ว

แต่ในตอนนั้นเองที่เงาร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาจากทะเลเพลิง

พร้อมกับหวางเฉียนต้องผงะไปเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

จนเขาต้องขยี้ตาดู

‘นี่ตาข้าฝาดไปแล้วหรือ?’

ความคับแค้นของเขามันทำให้เขาเห็นภาพหลอนแล้ว?

นั่นคือ…เย่หยวน?