บทที่ 2549 ถูกสกัดไว้แล้ว + ตอนที่ 2550 เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยคนน่าสงสารทุกคน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2549 ถูกสกัดไว้แล้ว

 “เตรียมตัวขึ้นรถได้แล้ว ใครอยากเข้าห้องน้ำก็รีบไปเข้า ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวต้องอั้นสามชั่วโมงเลยนะ!” หัวหน้าตะโกนบอกเสียงดัง

เหล่าสมาชิกต่างพากันไปเข้าห้องน้ำกันแล้ว ทุกคนเกิดอาการเครียดขึ้นมา โดยเฉพาะสมาชิกใหม่ทั้งตื่นเต้นและเครียดในเวลาเดียวกัน

เหมยเหมยตรวจดูกระเป๋าเป้ของตนเอง สองพี่น้องเคย์โกะตระเตรียมของใช้แทนเธอได้รอบคอบมาก อีกอย่างยูทากาฮาชิมีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งล้วนมีแต่ของที่เหมาะไว้ใช้ในทะเลทรายทั้งนั้น

นอกจากนี้ยังมีอาวุธด้วย เคย์โกะเป็นคนใส่มาบอกว่าให้เหมยเหมยเอาไว้ใช้ป้องกันตัว เธอเอาทั้งหมดนั้นใส่เข้าไปในช่องมิติแล้ว

รถทีมแพทย์เป็นรถคันใหญ่ที่มีตรากากบาทสีแดงสัญลักษณ์สภากาชาดติดไว้ด้วย ดูเก่าทรุดโทรมมาก แต่รถคันนี้มีสิ่งคุ้มกันอยู่ หากพวกคนร้ายมีอาวุธเห็นสัญลักษณ์นี้ก็จะปล่อยไป

รถสั่นกระแทกไปตามเส้นทางบนทะเลทราย โยกเยกไปมาจนทุกคนปวดศีรษะตาลาย นับว่ายังดีที่เด็กทั้งสองคนไม่มีอาการเวียนศีรษะแต่กลับปีนหน้าต่างมองดูทิวทัศน์ด้วยท่าทีตื่นเต้น ถึงแม้จะเป็นทะเลทรายสีเหลืองทอดยาวสุดลูกหูลูกตาแต่ทั้งสองคนกลับดูอย่างเพลิดเพลิน ดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลย

“แม่คะ…มีเนื้อด้วย…”

เล่อเล่อชี้สัตว์ตัวเล็ก ๆที่วิ่งไปมาบนทะเลทราย ใบหน้ารูปไข่อวบอ้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“สัตว์ที่มีชีวิตอยู่กินไม่ได้ กินเนื้อตากแห้งสักหน่อยแล้วกัน”

เหมยเหมยล้วงหยิบเนื้อตากแห้งออกมาแบ่งให้เด็กทั้งสองคน เธอมีอาการปวดศีรษะ รถคนนี้ไม่เพียงแต่สั่นโยกเยกเท่านั้นแต่ยังมีกลิ่นแรงอีกต่างหาก เธอรับไม่ไหวจริง ๆ!

“อดทนอีกหน่อย อีกชั่วโมงครึ่งก็ถึงฐานประจำการแล้ว ด้านหน้าเป็นหมู่บ้าน ทุกคนจำไว้นะว่าอย่าเปิดหน้าต่างและห้ามตอบอะไรเด็ดขาด…”

หัวหน้าทีมเริ่มพร่ำบอกซ้ำไปซ้ำมาเหมือนยายแก่อีกครั้ง คุณริโกะถามด้วยความอยากรู้ว่า “ทำไมเปิดหน้าต่างไม่ได้ล่ะ? ก็แค่ประชาชนคนธรรมดาเอง”

“ที่นี่เป็นเขตสงครามรุนแรง ไม่มีใครรู้หรอกว่าอีกฝ่ายเป็นประชาชนคนธรรมดาจริงไหม ดังนั้นพวกเราอย่าตอบอะไรเขาดีกว่า” หัวหน้าทีมอธิบายอย่างใจเย็นแต่หว่างคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

คุณริโกะเบะปาก ถึงแม้เธอจะไม่พูดอะไรอีกแต่ท่าทางดูไม่ค่อยพอใจมาก เธอเหลือบไปเห็นฟุจิตะคุงที่อยู่ข้างกายเหมยเหมยก็ดวงตาเป็นประกาย พอนึกขึ้นได้ว่าฟุจิตะคุงดูแลเหมยเหมยดีเป็นพิเศษ เอาใจใส่อย่างดี เธอก็รู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก

ฟุจิตะคุงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของยูทากาฮาชิได้ยินมาว่าเหมือนเป็นพี่น้องกันจริง ๆเลยก็ว่าได้ ถ้าระหว่างทางเธอสามารถผูกสัมพันธ์กับฟุจิตะคุงได้ ไม่แน่หลังจากถึงฐานประจำการแล้ว ฟุจิตะคุงอาจจะชื่นชมเธอสักสองสามประโยคก็ได้!

ผู้หญิงที่พาลูกมาด้วยคนนี้ด้วยน่าขยะแขยงจริง ๆ มีลูกแล้วยังไม่รู้จักสงบเสงี่ยมยั่วผู้ชายไปทั่วอีก!

คุณริโกะคนนี้ก็ช่างน่าขัน เธอไม่รู้เลยว่ายูทากาฮาชิได้รับบาดเจ็บจึงกลับประเทศไปแล้ว แถมไม่ได้อยู่ที่ฐานประจำการด้วย!

รถค่อย ๆขับช้าลงเพราะระหว่างทางมีคนในพื้นที่ที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นมาปิดกั้นไว้ คนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่สวมผ้าปิดหน้าและเด็กน้อยซึ่งมีบางคนได้รับบาดเจ็บด้วย ดูท่าทางน่าสงสารมาก

“คุณแม่คะ…พวกเขาหิวกันเหรอ?” เล่อเล่อเอ่ยถามเสียงเบา

ในใจของเหมยเหมยเองก็รู้สึกแย่เหมือนกัน เหตุนี้สงครามจึงเป็นสิ่งที่น่าชิงชังเพราะคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานมากที่สุดมักจะเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก

เฉกเช่นกลุ่มคนที่ขวางทางอยู่ด้านนอก ถึงแม้จะไม่รู้สถานะของพวกเขาแน่ชัดแต่เห็นแล้วน่าสงสารมากเหลือเกิน

 “พวกเขาคงหิวแล้วแต่ห้ามเปิดหน้าต่างเด็ดขาดเลยนะ ได้ยินไหม?” เหมยเหมยเอ่ยกำชับอีกครั้ง

“อืม ไม่มองแล้ว!”

เล่อเล่อและเสี่ยวเป่านั่งลงไม่มองกลุ่มคนที่น่าสงสารด้านนอกหน้าต่างเหล่านั้นอีกต่อไป สีหน้าบนใบหน้าเล็กรูปไข่สับสนมาก พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนั้นถึงเป็นแบบนี้กันนะ?

มีเด็กผู้ชายแขนขาดคนหนึ่งพุ่งเข้ามา บาดแผลบนแขนยังสดใหม่อยู่เลย บนแผลมีหนองแล้วด้วยซึ่งเห็นแล้วน่าสะอิดสะเอียนมาก เหมยเหมยก้มหน้าลงเพราะเธอทนดูต่อไปไม่ได้จริง ๆ

“พระเจ้า…เด็กคนนี้น่าสงสารเหลือเกิน…ถ้ายังไม่จัดการทำแผลเขาจะตายได้นะ…” คุณริโกะร้องเสียงหลง

………………………………………

ตอนที่ 2550 เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยคนน่าสงสารทุกคน

ทุกคนบนรถต่างเงียบกริบ คนเราก็มีจิตใจเหมือนกัน พอเห็นพวกเด็ก ๆและผู้หญิงเหล่านี้พวกเขาก็รู้สึกแย่จับใจ สมาชิกคนเก่ายังพอสงบสติอารมณ์ได้บ้าง ในเมื่อเคยมาจึงชินชากับเรื่องนี้ไปแล้ว

แต่สมาชิกใหม่กลับรับไม่ได้ สภาพจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก เพราะสัญชาตญาณความเป็นหมอพยาบาลทำให้พวกเขาอยากลงรถไปจัดการทำแผลให้คนน่าสงสารเหล่านั้น ทั้งให้อาหารและน้ำสะอาดแก่พวกเขาด้วย

ทว่าพวกเขาล้วนจดจำคำพูดของครูฝึกตอนอบรมได้ขึ้นใจว่าห้ามยุ่งกับคนในเขตสงครามเด็ดขาด!

พวกเขาเอามือปิดหน้า หลับตาไม่เห็นมันซะเลย ไม่ต้องมองความทุกข์ทรมานเหล่านี้อีก!

เวลานี้เหมยเหมยเข้าใจเรื่องที่ยูทากาฮาชิกับฟุจิตะคุงพูดถึงขุมนรกในโลกมนุษย์แล้วว่าคืออะไร ไม่ได้มีเพียงแต่ความเหี้ยมโหดของผู้ก่อการร้ายเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นเหตุสะเทือนใจยามเผชิญความเป็นความตาย…คนธรรมดาที่มีเลือดเนื้อคนหนึ่งย่อมรับไม่ได้อยู่แล้ว!

เป็นความรู้สึกที่อยากจะหยุดยั้ง…แต่กลับเสียใจที่ไร้ความสามารถจะทำได้…รวมถึงตำหนิตัวเอง!

“ขอร้องพวกคุณล่ะ…อาหาร…น้ำ”

คนที่ขวางรถอยู่พูดภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ พวกเขาอยากขออาหารและน้ำ

อันที่จริงในรถของพวกเขามีเสบียงอาหารและยาจำนวนหนึ่ง แต่ของพวกนี้ต้องส่งไปเพิ่มให้ฐานทัพ มิเช่นนั้นเหล่าแพทย์พยาบาลที่อยู่ในฐานทัพคงเอาชีวิตรอดในทะเลทรายไม่ได้ ทั้งยังมีเหล่าผู้รับบาดเจ็บอีกซึ่งอาจจะตายเพราะขาดยาก็ได้

รถไม่ได้หยุดจอดแต่ขับมุ่งไปข้างหน้าอย่างช้า ๆเหมือนหอยทาก

มีบางคนล้มเลิกที่จะขวางทางรถแล้ว อาจจะเพราะหิวจนไร้เรี่ยวแรงละมั้ง เด็กที่เหลือบางส่วนเดินตามมาอย่างไม่ยอมแพ้ ในนั้นมีเด็กผู้ชายที่แขนขาดคนนั้นด้วย ใบหน้าที่ซูบตอบเต็มไปด้วยความดื้อรั้น

“…ฟุจิตะคุง เอาตัวเด็กที่ได้รับบาดเจ็บคนนั้นไปรักษาที่ค่ายได้ไหม? ถ้าแผลของเขายังไม่ได้รับการรักษาละก็อาจจะตายได้นะ!” เหมยเหมยทนไม่ไหวแล้วจริง ๆเลยแอบกระซิบถามฟุจิตะคุงที่อยู่ข้าง ๆ

“รถจะจอดระหว่างทางไม่ได้เด็ดขาด คุณจ้าว สิ่งที่พวกเราทำได้มีขีดจำกัด บนโลกใบนี้มีคนน่าสงสารมากมาย พวกเราทำได้แค่ช่วยคนบางกลุ่มตามแรงกำลังของเราเท่านั้น แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขว่าต้องปกป้องตัวเราเองให้ดีด้วย” ฟุจิตะคุงสีหน้าเรียบนิ่งไร้ซึ่งความหดหู่ ดูท่าทางใจแข็งดั่งเหล็กผา

เหมยเหมยถอนหายใจด้วยความเข้าใจ เธอคิดทุกอย่างง่ายดายเกินไป ฟุจิตะคุงกับคนในทีมไม่ให้จอดรถก็คงมีเหตุผลของเขา บางทีอาจจะอันตรายมากก็ได้!

เพียงแต่เด็กคนนั้นน่าสงสารมากจริง ๆ!

ฟุจิตะคุงเองก็ถอนหายใจแล้วเอ่ย “คุณจ้าว หลังจากนี้คุณจะค้นพบว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนที่น่าสงสารที่สุดหรอกครับ!”

อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไม่ใช่เหรอ?

แล้วคนจำนวนไม่น้อยที่ตายในสมรภูมิรบนั่นล่ะ!

เดิมทีเขาเองก็มีใจที่เลือดร้อนพลุ่งพล่านเหมือนกัน แต่ก็ถูกสงครามที่น่ารังเกียจนี่ขัดเกลาจนเขาเลือดเย็นใจดำเหมือนปีศาจไปแล้ว!

“อาจจะใช่ ยูทากาฮาชิเองก็เคยบอกฉันแบบนี้เหมือนกัน เขาบอกว่าที่นี่เป็นดั่งขุมนรกในโลกมนุษย์เลยให้ฉันเตรียมใจไว้ ดูท่าทางฉันจะคิดง่ายดายเกินไป” เหมยเหมยยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง

คุณริโกะที่คอยจับจ้องเหมยเหมยแอบเงียหูฟังมาตลอด เธอได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขาสองคนอย่างชัดเจน พอได้ยินชื่อของยูทากาฮาชิพลันก็ไม่รู้ว่าไฟโทสะจากที่ไหนปะทุขึ้นมาในทันที

ผู้หญิงคนนี้กับยูทากาฮาชิเป็นอะไรกัน?

ดูทรงแล้วเหมือนจะมีความสัมพันธ์สนิทสนมกันพอดู…ไม่นะ…ยูทากาฮาชิเป็นของเธอ!

คุณริโกะประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว ฉับพลันก็นึกถึงวิธีการดี ๆขึ้นมาได้  เธอได้ยินข้อมูลส่วนตัวของยูทากาฮาชิมานานแล้ว เธอรู้ว่าเขาเป็นคนมีจิตใจเมตตา ต่อให้เห็นลูกสุนัขลูกแมวได้รับบาดเจ็บก็จะเอากลับไปรักษาที่บ้าน แล้วถ้า…

ยูทากาฮาชิเห็นเธอช่วยเด็กที่น่าสงสารคนนี้ เขาต้องเห็นว่าเธอเป็นคนน่ารักจิตใจดีแน่นอนใช่ไหมล่ะ?

บางทีอาจจะตกหลุมรักเธอก็ได้?

คุณริโกะคิดถึงเรื่องสวยงามจึงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเหมือนคนบ้าออกมา สมองเลอะเลือนขาดสติ ฉับพลันก็หยัดกายขึ้นตะโกนเสียงดังว่า “พวกเราควรจะจอดรถช่วยเด็กที่น่าสงสารคนนี้!”

……………………..