แต่ต่อให้ยอดฝีมือลับจะอวดเบ่งแค่ไหนก็ต้องปฏิบัติตามกฎพื้นฐาน มีสิทธิ์อะไรมาบีบคอจนคนอื่นกล้ามเนื้ออ่อนแรง?
เหมือนกับเอามือไปจับหน้าคนอื่น แล้วทำให้เขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ไร้เหตุผลสิ้นดี!
ทั้งสองตระกูลกลัดกลุ้มจนแทบจะไม่ไหว อยากจะหาโอกาสสั่งสอนบทเรียนให้กับเจ้าเด็กนั่นของบ้านพี่ใหญ่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรนามสกุลอะไร และยิ่งไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าของเขาเลย
อันที่จริงสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เทพสงครามและเจ้าถิ่นยันเขาได้แค่ไม่กี่กระบวนท่า พวกเขายังจะหาใครไปช่วยกำจัดเขาได้อีกบ้าง?
กู้เย้นเจิ้งยิ่งรู้สึกหดหู่ เขาไม่เพียงแต่สูญเสียเทพสงครามและเจ้าถิ่นเท่านั้น แต่ยังถูกเย่เฉินหักมืออีกด้วย พูดได้ว่าเขาสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
เขาจะเคยได้รับความเดือดร้อนมากมายขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่เมื่อไหร่?
ในเวลานี้ เขายังคิดฆ่าครอบครัวของเย่เฉินทั้งหมดอีก
น่าเสียดายว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เขายังคิดไม่ออกว่าจะแก้แค้นหนี้เลือดนี้ได้อย่างไร
กู้เย้นกางเอามือกุมกระเพาะปัสสาวะที่ปวดหน่วงๆ เขาเห็นพี่รองกังวลมากจนกัดฟันตลอดเวลา จึงรีบเสนอแผนการทันที “พี่รอง ที่ผมพูดถึงเรื่องนี้ ความจริงไม่จำเป็นต้องรีบแก้แค้น เราต้องเอาหุ้นของพี่ใหญ่มาไว้ในมือก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
“ครับพ่อ!” กู้เหว่ยเลี่ยง ลูกชายของกู้เย้นกางก็พูดขึ้นบ้าง “อาสามพูดถูก ตอนนี้เราควรเอาหุ้นและทรัพย์สินในบ้านมาไว้ในมือก่อน นี่คือภารกิจอันเร่งด่วน!”
กู้เย้นเจิ้งพูดอย่างเย็นชา “พูดถูก ฉันคิดว่าลุงใหญ่ของแกน่าจะอยู่ได้อีกไม่กี่วัน มากสุดก็ไม่เกินสองสามเดือน พวกเราเอาเงินมาไว้ในมือก่อน แล้วค่อยมาคิดบัญชีกับเจ้าเด็กนั่น!”
กู้เย้นกางรีบถามขึ้น “พี่รอง การประชุมคณะกรรมการในวันพรุ่งนี้ พี่มีความคิดดีๆ อะไรบ้าง?”
กู้เย้นเจิ้งยิ้มเยาะ “ฉันบอกผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ไปแล้ว มีคนครึ่งหนึ่งเต็มใจร่วมมือกับเราในการยึดอำนาจ ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งถึงแม้จะยังเห็นแก่ความดีของพี่ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร เพราะหุ้นของพวกเรารวมกันมันมากกว่า 51% ของหุ้นทั้งหมดในตอนนี้แล้ว!”
กู้เย้นกางเอ่ยถาม “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราจะบังคับให้พี่ใหญ่สละตำแหน่งประธานเลยหรือเปล่า?”
“ใช่” กู้เย้นกางกัดฟันพูด “พอถึงเวลาประชุมคณะกรรมการก็จะบีบบังคับให้สละตำแหน่ง ใช้สิทธิของบรรดาผู้ถือหุ้นที่พึ่งพาและสนับสนุนพวกเราทั้งสองลงมติ เพื่อปลดเขาออกจากตำแหน่ง หลังจากนั้นก็จะเสนอให้ฉันขึ้นเป็นประธานคนใหม่! เช่นนี้ก็จะสามารถรับช่วงต่อกู้ซื่อกรุ๊ปได้อย่างชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย!”
ว่าแล้วกู้เย้นเจิ้งก็อดหัวเราะไม่ได้ “พอฉันได้ตำแหน่งประธานแล้ว ฉันจะเริ่มทยอยโอนทรัพย์สินของกู้ซื่อกรุ๊ปออกไป”
กู้เย้นกางยิ้มแล้วพูดเสริมว่า “หลังจากที่ทรัพย์สินถูกโอนไปยังบริษัทดัมมี่แล้ว หุ้นของพี่ใหญ่จะเหลือแต่โครงร่างที่ว่างเปล่า ไร้มูลค่าใดๆ”
กู้เหว่ยเลี่ยงถามอย่างร้อนใจ “พ่อ แล้วทรัพย์สินส่วนตัวของลุงใหญ่ล่ะ? เขามีทรัพย์สมบัติมากมายทั้งคฤหาสน์ รถหรู เกาะส่วนตัว เครื่องบินส่วนตัว เรือยอทช์ส่วนตัว และโบราณวัตถุจำนวนมาก ว่ากันว่าภาพเขียนพู่กันจีนของบุคคลมีชื่อเสียงที่เขาสะสมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมกันได้หลายพันล้าน?”
“หลายพันล้าน?” กู้เย้นเจิ้งบุ้ยปาก “แกประเมินลุงใหญ่ของแกต่ำเกินไป! ภาพเขียนพู่กันจีนในมือของประธานหวังแห่งแวนด้ากรุ๊ปมีกว่าหมื่นล้านแล้ว ภาพเขียนพู่กันจีนในมือลุงใหญ่ของแก อย่างน้อยๆ ก็สองสามหมื่นล้าน! เหล่านี้ล้วนถูกเก็บรักษาอยู่ในตู้เซฟของธนาคาร”
ดวงตาของกู้เหว่ยเลี่ยงเป็นประกายด้วยความโลภ พูดอย่างตื่นเต้น “พ่อ! ภาพเขียนพู่กันเหล่านี้ เราต้องเอามาให้ได้นะ! ตอนนี้อสังหาริมทรัพย์ดันราคาไม่ขึ้นแล้ว โอกาสทำกำไรในอนาคตมีจำกัด แต่การเขียนพู่กันจีนและภาพวาดโบราณมีโอกาสที่ราคาจะสูงขึ้นมาก! พ่อดูภาพวาดที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นสิ แต่ละภาพเริ่มต้นที่ราคาหนึ่งร้อยล้านเหรียญใช่ไหม?”
กู้เย้นเจิ้งพยักหน้า แล้วพูดอย่างเย็นชา “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันมีแผนที่สมบูรณ์แล้ว รอให้ได้ตำแหน่งประธานก่อน แล้วจึงโอนทรัพย์สินทั้งหมดของกลุ่มออกไป จากนั้นบังคับให้ลุงใหญ่ของแกทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้พวกเรา มิฉะนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้เขาอยู่อย่างมีความสุขเด็ดขาด! แม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว ฉันก็จะไม่ปล่อยให้ภรรยาและลูกสาวของเขาอยู่อย่างมีความสุข!”
กู้เย้นกางถูมืออย่างตื่นเต้นแล้วบอกว่า “งั้นก็รอการประชุมคณะกรรมการในวันพรุ่งนี้ เล่นบทบีบบังคับให้พี่ใหญ่สุดที่รักของฉันให้สละตำแหน่งแต่โดยดี!”
กู้เย้นเจิ้งยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนั้นจ้าวควงอิ้นทำการรัฐประหารเฉินเฉียว ขึ้นครองบัลลังก์มังกร บีบบังคับให้ไฉจงซฺวิ่นสละราชบัลลังก์ สถาปนาราชวงศ์ซ่ง พรุ่งนี้ฉัน กู้เย้นเจิ้ง ก็จะทำการปฏิวัติอย่างเงียบสงบในการประชุมคณะกรรมการ บังคับให้กู้เย้นจงสละตำแหน่ง ก่อตั้งกู้ซื่อกรุ๊ปที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม!”
กู้เย้นกางพูดประจบ “พี่รอง ถึงเวลานั้นอย่าลืมน้องชายนะ ต่อไปน้องจะเป็นเชื่อฟังพี่ทุกอย่าง!”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” กู้เย้นเจิ้งตบบ่ากู้เย้นกางด้วยมือซ้าย แล้วพูดอย่างยิ้มแย้ม “ที่ผ่านมา ฉันกับนายได้ใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาพี่ใหญ่มาโดยตลอด อดทนมานานหลายปี ถึงเวลาที่พวกเราจะได้เฉิดฉายแล้ว!”