ตอนที่ 1882: ยืนอย่างสิ้นหวัง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1882: ยืนอย่างสิ้นหวัง

เถาวัลย์เริ่มรัดเจี้ยนเฉินขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดเถาวัลย์ที่แข็งเหมือนเหล็กก็บีบรัดเจี้ยนเฉินขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวราวกับพยายามบดขยี้เจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินถูกตรึงอย่างสมบูรณ์ เถาวัลย์นั้นทรงพลังอย่างมาก ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรและไม่ว่าเขาจะใช้ทักษะไหน เขาก็ไม่อาจหลุดพ้นได้

ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นขั้นเหนือเทพช่วงสูงสุด เขาก็ยังไม่อาจขยับนิ้วได้

นี่เป็นเพราะว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับราชาเทพ ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าราชาเทพนี้มีพลังมากกว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิสูงสุดจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน

แคร่ก…

เถาวัลย์ที่บีบรัดขึ้นเรื่อย ๆจนทำให้เกราะของเขาส่งเสียงดัง

หากไม่ใช่ว่ามันคือวัตถุเทพ เถาวัลย์อาจจะบดขยี้ร่างกายเจี้ยนเฉินเป็นชิ้น ๆ

“หืม ? ข้าไม่คิดว่าผู้บุกรุกจะสวมเสื้อเกราะ มันเป็นวัตถุเทพที่แม้แต่ขั้นอสงไขยบางคนก็ยังไม่มี มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ตัวเกราะได้รับความเสียหายและไม่สมบูรณ์อีกต่อไป” เสียงที่หนักและหยาบกระด้างดังออกมาจากถ้ำที่สองอีกครั้ง

“ฉีเจิ่ง เจ้าไม่อาจใช้วัตถุเทพได้ ดังนั้นเจ้าเอาเขามาและข้าจะถอดชุดเกราะเขา ข้าจะถือว่าเจ้าได้มอบความปรารถนาดี”ขณะที่เสียงพูด มีชายร่างกำยำที่หน้าอกใหญ่และหัวล้านโผล่ออกมาจากถ้ำที่สอง

รูปร่างของชายคนนี้ไม่มีอะไรพิเศษ สิ่งที่โดดเด่นคือรอยประทับที่หว่างคิ้วของเขา

รอยประทับที่แผ่พลังของกฏ ดูเหมือนจะทำให้มิติรอบ ๆ สั่นเบา ๆ ราวกับว่าเขาควบคุมมันได้

“เจ้าเอาเกราะไปได้ แต่อย่าให้เขาหนี” ฉีเจิ่งพูดผ่านพลังจิตอีกครั้ง

“ไม่ต้องกังวล ข้าสามารถควบคุมมิติได้ ไม่ว่าเขาจะเร็วแค่ไหน เขาก็หนีไม่พ้น” ชายคนนั้นพูดอย่างมั่นใจ

เถาวัลย์รอบ ๆ เจี้ยนเฉินก็คลายออกและเขาก็กลับมาเคลื่อนไหวได้ทันที

อย่างไรก็ตามเถาวัลย์ก็ยังไม่ได้หายไป แต่มันกลับสร้างเป็นกรงขนาดใหญ่ขังเจี้ยนเฉินเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหลบหนี

ชายหัวล้านก็ยืนอยู่ในกรงเถาวัลย์ เขามองวัตถุเทพบนร่างเจี้ยนเฉินที่เขาอยากได้

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะหลบหนี แต่เขาก็ไม่อาจอยู่เฉย ๆ และรอความตายได้ เขาเคลื่อนไหวทันที เขาหยิบยาฟื้นฟูวิญญาณออกมาและกินเพื่อฟื้นพลังวิญญาณ จากนั้นปราณกระบี่ลึกซึ้งก็ปรากฏออกมา 2 เส้น ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้อีกมือทำผนึกเพื่อป้องกันชายคนนั้นอย่างเต็มที่

กระบี่ต้าหลัว !

ทักษะกระบี่ไทยี่!

แสงสีเงินทองวาบขึ้นมา เจี้ยนเฉินได้ผสานทักษะทั้งสองเข้าด้วยกัน มันเปล่งประกายเจตจำนงกระบี่ขณะที่พุ่งเข้าหาชายหัวล้าน

ชายหัวล้านยืนอยู่เฉยพร้อมกับกางแขน เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างดูถูกเหยียดหยาม เขาไม่สนใจปราณกระบี่ทั้งสองเส้นของเจี้ยนเฉินเลย

ปราณกระบี่ทั้งสองเส้นเต็มไปด้วยพลัง พวกมันเพียงพอที่จะคุกคามขั้นเหนือเทพ แต่พวกมันก็อ่อนแอเกินไปในสายตาของราชาเทพ

แต่น่าแปลกก่อนที่ปราณกระบี่ทั้งสองเส้นจะเข้าถึงชายหัวล้าน พวกมันปะทะกันเองและสร้างระลอกคลื่นที่รุนแรงอย่างมาก ระลอกคลื่นและปราณกระบี่ได้กระจายความเสียหายรอบ ๆ ทำให้เกิดพายุที่น่ากลัวอย่างมาก มันกระแทกเข้าหากรงที่สร้างจากเถาวัลย์

อย่างไรก็ตามเถาวัลย์นั้นทนทานมาก พลังของมันเพียงพอที่จะทำให้บรรดาขั้นเหนือเทพมีการแสดงออกที่เปลี่ยนไป แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสำหรับราชาเทพ พลังงานทั้งหมดถูกป้องกันอย่างหมดจดภายในกรง

ความตั้งใจของเจี้ยนเฉินไม่เคยคิดว่าพายุพลังงานผ่านเถาวัลย์ ในขณะที่เกิดการระเบิด ป้ายอาคมเคลื่อนย้ายจะปรากฏขึ้นในมือของเขา ด้วยการยืมพลังของพายุพลังงานทำให้ใช้ป้ายอาคมได้โดยเร็วที่สุด

“เจ้าเป็นแค่ขั้นเหนือเทพเท่านั้น หากเจ้าหนีต่อหน้าข้าได้ ข้าจะยังศักดิ์ศรีเหลือยู่มองหน้าคนอื่นในอนาคตอีกหรือ ? ตรึง”ชายหัวล้านพูดอย่างสนุก เมื่อเขาพูดเสร็จร่างของเจี้ยนเฉินก็ไม่ขยับเขยื้อนทันที มิติรอบ ๆ ตัวเขาก็ถูกแช่แข็งทันที

ไม่เพียงแค่นั้น ร่างกายของเขาก็ยังได้รับผลกระทบ แต่การระเบิดของพลังงานจากปราณกระบี่ทั้งสองเล่มก็ถูกแช่แข็งเช่นกัน

เจี้ยนเฉินใจสั่น เขามองไปที่ชายหัวโล้น การควบคุมมิติของเขามาถึงระดับที่ทรงพลังเช่นนี้ แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะออกแรงเต็มที่แล้ว แต่เขาก็ยังทะลวงผ่านมิติที่แช่แข็งได้อย่างง่าย ๆ

“ราชาเทพน่ากลัวจริง ๆ ” หัวใจเจี้ยนเฉินจมดิ่งลงอย่างสมบูรณ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับราชาเทพ เขาพบว่าเขาไม่อาจต้านทานอะไรต่อพวกเขาได้เลย

“ตอนนี้วัตถุเทพเป็นของข้า” ร่างกำยำของเต๋าตี้ได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าเจี้ยนเฉิน ราวกับว่าเขาหายไปและเขาก็ถอดชุดเกราะของเจี้ยนเฉินได้

เนื่องจากเจี้ยนเฉินไม่ได้ปรับแต่งเกราะ เขาแค่สวมใส่เฉย ๆ มันจึงทำให้เต๋าตี้จึงสามารถอดออกได้อย่างง่ายดาย เขาตรวจดูของในมือของเขาอย่างรักใคร่ ขณะที่เขายิ้ม เขายินดีเป็นอย่างมาก

“ฉีเจิ่ง ข้าจะปล่อยผู้บุกรุกให้เจ้า” หลังจากที่ได้รับเกราะแล้ว เต๋าตี้ก็ออกไป แม้ว่ามิติรอบ ๆ ของเขาจะกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว เจี้ยนเฉินก็ยังคงต้องกลับเข้าไปยุ่งกับเถาวัลย์หนาอีกครั้ง

พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เกิดรอยแตกออกมาอย่างรวดเร็ว ดอกไม้สีสันสดใสที่มีความกว้างหลายร้อยเมตรก็ค่อย ๆ ออกมาจากรอยแตก มันส่องสว่างสีรุ้งซึ่งเป็นภาพที่มีเสน่ห์มาก

“ดังนั้นกลับกลายเป็นว่าดอกไม้นี้กำลังขังข้าไว้” ดวงตาของเจี้ยนเฉินหรี่ลงเมื่อเขาเห็นดอกไม้ เจี้ยนเฉินเคยเห็นดอกไม้นี้มาก่อน เขาเคยฆ่าดอกไม้แบบนี้เมื่อไม่นานมานี้หลังจากที่เขาเข้ามาในภูเขา นอกเหนือจากขนาดแล้วทุกอย่างเหมือนกันหมด

เถาวัลย์รอบ ๆ เขาเป็นรากไม้นับถ้วนจากดอกไม้

“ผู้บุกรุก เจ้าสังหารโคลนของข้า ข้าจะสูบกลืนเลือดเนื้อของเจ้าให้แห้งและทรมาณจิตใจของเจ้า ข้าจะให้เจ้าเข้าใจถึงความเจ็บปวดที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายเพื่อล้างแค้นให้โคลนของข้า” ดอกไม้ขนาดใหญ่ไม่อาจพูดได้ มันเพียงส่งเสียงผ่านพลังจิตที่รุนแรงของมันเท่านั้น

หลังจากเจี้ยนเฉินสูญเสียวัตถุเทพที่ปกป้องร่าง รากได้เข้ามาล้อมรอบเขาและแทรกซึมเข้าไปในเนื้อของเขา เลือดที่ไหลออกทั้งหมดนั้นถูกดูดออกไปตามราก

เจี้ยนเฉินกำลังเผชิญหน้าจากภัยคุกคามถึงตายในตอนนี้

ในเวลาเดียวกันในแหวนมิติของเจี้ยนเฉิน ขนตาของไคยะสั่นไหวอย่างอ่อนโยนภายในโลงผลึกราวกับว่านางต้องการลืมตา

สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีบนโลงได้รู้สึกถึงบางอย่าง ทันใดนั้นก็ลืมตาและจ้องมองไคยะ ดวงตาที่ฉลาดของมันเต็มไปด้วยความสงสัยแกมกระตือรือร้น

น่าเสียดายที่ขนตาของไคยะสั่นไหวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ข้างนอกแม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเผชิญหน้ากับความตาย แต่เขาก็สงบ เขาจ้องมองดอกไม้ขนาดใหญ่อย่างใจเย็นและพูดว่า “งั้นหรือ ? ดอกไม้ก่อนหน้านี้เป็นโคลนของเจ้า อย่างไรก็ตามการสังหารข้านั้นไม่ง่ายนัก” มีแสงสีฟ้าและม่วงพุ่งขึ้นฟ้าออกจากร่างของเจี้ยนเฉิน มันประกายระยิบระยับขณะพุ่งสู่ฟ้า มันกลายเป็นกระบี่สองเล่มทำให้สภาพแวดล้อมหมองลง

“กระบี่คู่รวมตัว ! ”

เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา เสียงที่มีเสน่ห์ดังก้องไปทั่วทั้งภูเขาและแม้แต่สะท้อนที่ชั้นหิน

ตาซ้ายของเขากลายเป็นสีฟ้าทั้งดวง ขณะที่ตาขวาเป็นสีม่วงทั้งดวง พวกมันส่องแสงออกมาอย่างน่าตกใจ

“นายท่าน โอกาสที่ท่านจะรอดมีน้อยกว่าหนึ่งในสิบส่วนถ้าท่านรวมเข้ากับกระบี่” เสียงของจิตวิญญาณกระบี่ดังขึ้นภายในหัวของเจี้ยนเฉิน แต่พวกเขาไม่ได้ยับยั้งเขา พวกเขาเข้าใจถึงอันตรายที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้