ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่ลดทอนคะแนนของผู้ชายมากที่สุด คือการที่ไปมีลูกนอกกฎหมาย

การแต่งงานกับตระกูลใหญ่ ไม่ว่าชายหรือหญิง ล้วนเป็นลูกที่พ่อแม่ตามใจมาตั้งแต่เด็ก จะมีคุณหนูคนไหนที่เต็มใจแต่งงานเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงให้กับลูกนอกกฎหมายบ้าง? ไม่มีทาง

แม้แต่กู้ชิวอี๋ตอนแรกที่ได้พบเย่เฉิน เธอก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก อายุยังน้อย แถมยังสวยสง่า จะให้เต็มใจเป็นแม่เลี้ยงได้อย่างไร?

กู้เย้นเจิ้งยังหวังว่าลูกชายของเขาจะยังรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงเตือนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า สามารถไปมีนอกบ้านได้ แต่จะให้มีลูกไม่ได้

ในเวลานั้นเขาไม่เคยคิดว่าลูกชายจะสูญเสียความสามารถในการมีลูก!

ตอนนี้อัตราการรอดตายของอสุจิเป็นศูนย์ มีลูกนอกสมรสก็ทำแท้งไปแล้ว หรือว่าในอนาคตเขาจะไม่มีทายาทจริงๆ เหรอ?

กู้เหว่ยเลี่ยงรู้สึกทั้งเศร้าทั้งขุ่นเคือง

ตัวเองก็ไร้ประโยชน์แล้ว เมล็ดพันธุ์ก็ไม่มีโอกาสรอดอีก ในอนาคตไม่เพียงแต่จะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับความงามเท่านั้น แต่ยังไม่มีโอกาสได้เป็นพ่อคนด้วย คงไม่ได้เป็นได้แค่ขันทีไปตลอดชีวิตหรอกนะ?!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขามองไปที่กู้เย้นเจิ้งด้วยความหวาดกลัว แล้วโพล่งออกมาว่า “พ่อครับ! เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของไอ้เวรในบ้านลุงใหญ่นั่นแน่ๆ ที่ทำอะไรกับพวกเรา เราไปขอร้องเขาเถอะ! ยังไงจะไม่มีทายาทไม่ได้นะ ผมยังเด็กอยู่ ยังไม่อยากเป็นขันทีไปตลอดชีวิต…”

กู้เหว่ยกวงที่อยู่ข้างๆ ก็กลัวแทบตายเช่นกัน เขาสะอื้นไห้พูดว่า “ลุงรอง พ่อ ผมก็ไม่อยากเป็นขันทีไปตลอดชีวิตเหมือนกัน…”

กู้เย้นเจิ้งหน้าบึ้ง “ถ้าไปขอร้องเขาตอนนี้ แล้วเรื่องประชุมคณะกรรมการวันพรุ่งนี้ล่ะ? วันนี้ตอนที่ฉันอยู่ที่บ้านของลุงใหญ่ของแก ฉันได้พูดเอาไว้แล้วว่า จะพบเขาที่การประชุมคณะกรรมการในวันพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้เราไปขอร้องเจ้าเด็กนั่น พวกเขาจะเอาเรื่องประชุมคณะกรรมการมาข่มขู่เราอย่างแน่นอน!”

“ยิ่งไปกว่านั้น บางทีลุงใหญ่ของแกจะบังคับให้ฉันและอาสามของแกสละสิทธิ์ในการออกเสียงทั้งหมด ถ้าเป็นแบบนั้น เราจะไม่สามารถล้มลุงใหญ่ของแกได้ตลอดไป!”

ในกู้ซื่อกรุ๊ป หุ้นและสิทธิในการออกเสียงนั้นสอดคล้องกัน

พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเป็นเจ้าของหุ้น 51% ก็จะมีสิทธิ์ออกเสียง 51%

ตราบใดที่อำนาจในการออกเสียงคือ 51% ก็สามารถตัดสินใจเรื่องทั้งหมดของบริษัทได้

แต่ในกรณีนี้มีข้อยกเว้น

ยกตัวอย่างเช่น ถ้ากู้เย้นเจิ้งยินดีถูกบังคับให้ยกสิทธิ์ในการออกเสียงทั้งหมดที่สอดคล้องกับหุ้นที่เขามีไปให้กู้เย้นจงทั้งหมด กู้เย้นจงก็จะได้สิทธิ์ในการออกเสียงของเขาทั้งหมด

ส่วนกู้เย้นเจิ้ง แม้ว่าจะยังมีหุ้นอยู่ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ในการออกเสียงแล้ว อำนาจในการพูดก็ไม่มีเช่นกัน

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ถึงแม้ว่าหม่าหยุ่นแห่งอะหลี่จะถือหุ้นอยู่น้อย แต่เขาก็มีอำนาจในการพูดสูง

หากผู้ถือหุ้นรายอื่นไว้วางใจเขา หรือไม่สามารถเอาชนะเขาได้ โอนสิทธิ์ในการออกเสียงให้กับเขา เขาก็จะมีอำนาจในการพูดอย่างเด็ดขาด

นั่นคือสิ่งที่กู้เย้นเจิ้งเป็นกังวล

เขากลัดกลุ้มมากจนอดคิดไม่ได้ว่า “ให้ตายสิ! ปากฉันไม่ดีเอง พูดถึงเรื่องการประชุมคณะกรรมการขึ้นมาก่อน แล้วพูดแสดงอำนาจกับพี่ใหญ่ ถ้าตอนนี้ไปอ้อนวอนพี่ใหญ่ จะต้องถูกพี่ใหญ่ตอบโต้กลับมาอย่างแน่นอน!”

“ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องอดทนรอจนถึงพรุ่งนี้หลังจากที่เรายึดอำนาจได้สำเร็จ!”

“ถ้าทำไม่ได้จริงๆ หลังจากที่เรื่องราวเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถใช้เงินซื้อเจ้าเด็กหนุ่มในครอบครัวของพี่ใหญ่มาได้เช่นกัน!”

“สิบล้านไม่พอก็ร้อยล้าน ร้อยล้านไม่พอก็หนึ่งพันล้าน อย่างไรบนโลกนี้ ไม่จ่ายเงินก็ไม่มีวันได้คน!