วาสนาอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการสร้างฐานมรรคของราชันอริยะหรือ

หลินสวินได้ยินดังนี้ แต่กลับไม่ถึงขั้นหวั่นไหวเท่าไหร่

เขารอแค่จุดเปลี่ยนเดียวก็จะทะลวงปราณบนมรรคาของตนได้แล้ว ไม่ต้องการวาสนาอะไรเลย

อวี่ชิงหยางเหมือนมองความคิดของหลินสวินออก “วาสนานี้เป็นสิ่งที่ ‘จักรพรรดิอวี่’ บรรพชนตระกูลอวี่ของข้าเหลือทิ้งไว้ แดนแห่งวาสนามีโครงสร้างเหมือน ‘เก้ากระถางสยบหล้า’ ขอเพียงเป็นผู้ที่มีความสามารถเข้าไปในนั้นได้ ล้วนย่อมได้รับการขัดเกลา ‘เขตแดนมรรค’ จากพลังของเก้ากระถาง”

“สหายน้อย บางทีเจ้าอาจไม่ต้องกังวลเรื่องการทะลวงปราณ แต่เจ้าเคยพิจารณาไหมว่าควรควบรวมเขตแดนมรรคของตนอย่างไร”

คำพูดพวกนี้ทำให้หลินสวินอดใจเต้นไม่ได้

ระดับราชันอริยะจะครอบครองเขตแดนมรรคได้ เมื่อสำแดงออกมา เขตแดนจะเหมือนโลกหล้า ยามสังหารศัตรู หากอยู่ในเขตแดนมรรคก็เหมือนผันตัวเป็นนายเหนือหัว อานุภาพยิ่งใหญ่มหัศจรรย์หาใดเปรียบ

ส่วนการควบรวมเขตแดนมรรคก็เป็นสิ่งที่หลินสวินขาดในยามนี้

หลินสวินกล่าว “ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ”

อวี่ชิงหยางกล่าว “เขตแดนก็เหมือนโลกหล้า เขตแดนมรรคคือการใช้พลังมหามรรคที่ตนครอบครอง วิวัฒน์เป็นพลังที่เหมือนกฎระเบียบของโลก”

“การฝึกปราณของพวกเราคือหยั่งรู้ผืนฟ้าปฐพี เป้าหมายสุดท้ายก็คือควบคุมกฎระเบียบฟ้าดิน นำมาใช้งาน เขตแดนมรรคก็ถือกำเนิดด้วยเหตุนี้”

จากคำพูดของอวี่ชิงหยาง อานุภาพเขตแดนมรรค มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังมหามรรคที่ผู้ฝึกปราณครอบครอง

คุณลักษณะของมหามรรคที่ครอบครองยิ่งสูง อานุภาพของเขตแดนมรรคก็ยิ่งแข็งแกร่ง

ภายในนั้นมีข้อแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ เขตแดนมรรคที่มกุฎราชันอริยะครอบครองจะมีอานุภาพเหนือกว่าเขตแดนมรรคของราชันอริยะทั่วไป!

และเขตแดนมรรคที่มกุฎราชันอริยะครอบครอง ก็มีอานุภาพที่ต่างกันไปเช่นกัน

“สหายน้อยโปรดดู”

อวี่ชิงหยางพูดพลางขับเคลื่อนความคิด

เบื้องหน้าหลินสวินพลันฝ้าฟาง ปรากฏตัวอยู่ในเขตแดนมรรคที่อัศจรรย์หาใดเปรียบแห่งหนึ่งทันที ภูเขาแม่น้ำเรียงราย ผืนฟ้ากว้างใหญ่ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลังชีวิต

ไหนเลยจะเหมือนเขตแดนมรรคแห่งหนึ่ง ช่างไม่ต่างอะไรกับโลกใบเล็กใบหนึ่งจริงๆ!

“ขอแค่ข้าขับเคลื่อนความคิด ทิวทัศน์นี้ก็จะกลายเป็นพลังมหามรรคที่เหมือนกฎเกณฑ์ของโลกหล้า สยบพิฆาตคู่ต่อสู้”

ขณะที่เสียงของอวี่ชิงหยางดังขึ้น ภูผาธารากว้างใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปนั้นเหมือนมีชีวิตขึ้นมาทันที กลายเป็นดาบเล่มหนึ่งพาดขวางเวิ้งฟ้า โชติช่วงชัชวาล คอมประกายอัดแน่นฟ้าดิน!

“หมอกเมฆ กระแสลม ต้นไม้ใบหญ้า ปฐพี เงาแสงนี้… ล้วนเปลี่ยนเป็นพลังให้ข้า สร้างประโยชน์แก่ข้าได้”

อวี่ชิงหยางกล่าว “สรุปง่ายๆ ก็คือ ในเขตแดนนี้ข้าเป็นเทพผู้สร้างสรรพสิ่ง เมื่อขับเคลื่อนความคิดก็ทำทุกอย่างได้ตามต้องการ ครอบครองความเป็นตายได้ดุจภาพฝันมายา!”

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น เขตแดนมรรคที่เหมือนโลกใบเล็กนี้ก็หายไป

ในใจหลินสวินกลับไม่อาจนิ่งสงบ

ก่อนหน้านี้ยามที่เขากำราบหม่าไท่เจิ้น ฆ่าเหวยชงและไฉเฟิง… ก็เคยเจอเขตแดนมรรคที่พวกเขาครอบครองมาก่อน

แต่เปรียบเทียบกับอวี่ชิงหยางแล้ว เขตแดนมรรคของพวกหม่าไท่เจิ้นก็เหมือนกระท่อมมุงจากผุพังย่อยยับ

“พลังของเขตแดนดำรงอยู่ทุกแห่งหน สหายน้อยเจ้าดูนะ”

อวี่ชิงหยางพูดพลางยื่นนิ้วหนึ่งออกไป ปลายนิ้วพลันปรากฏแสงมรรคเพริศแพร้วเล็กน้อย

สายตาหลินสวินมองไป แค่แสงสายหนึ่งบนปลายนิ้วเท่านั้น แต่ภายในกลับเหมือนเต็มไปด้วยนัยเร้นลับแห่งมหามรรคนานัปการ วิวัฒน์ออกมาเป็นพลังกฎระเบียบนับไม่ถ้วน!

“เขตแดนมรรคไม่เพียงแต่ล้อมสังหารคู่ต่อสู้ได้ ยังควบรวมไว้ในแต่ละกระบวนท่าได้ด้วย ยามต่อสู้ทั้งปราณกระบี่ ปราณดาบ พลังหมัด พลังดรรชนี ประทับฝ่ามือ… ไม่ว่าจะสำแดงวิชาต่อสู้ใด ล้วนควบรวมพลังของเขตแดนมรรคไว้ในนั้นได้”

อวี่ชิงหยาง ‘จักรพรรดิดาบ’ คนหนึ่งที่เกริกก้องสะท้านฟ้าดารามานานมากแล้ว!

ด้วยการชี้แนะจากเขา ทำให้หลินสวินได้รับประโยชน์ไม่น้อย เข้าใจนัยเร้นลับของพลังเขตแดนมรรคอย่างลึกซึ้ง

การชี้แนะเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับถ่ายทอดวิชาไขข้อสงสัย!

“เจ้ามีร่างอริยบุคคลแล้ว ทั้งยังครองมกุฎมรรคาด้วย วันหน้ายามทะลวงปราณต้องบรรลุระดับมกุฎราชันอริยะได้แน่ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องพิจารณาก็คือควรควบรวมเขตแดนมรรคของตนอย่างไร”

อวี่ชิงหยางกล่าว “ดังนั้นข้าจึงแนะนำเจ้าให้มุ่งหน้าไปเยือนแดนลับต้าอวี่ โครงสร้างของเก้ากระถางสยบหล้าที่อยู่ในนั้น เดิมทีก็เป็นสิ่งที่บรรพชนตระกูลอวี่ของข้าเหลือทิ้งไว้ มีประโยชน์อย่างไม่อาจประเมินต่อการควบรวมและเคี่ยวกรำเขตแดนมรรค”

คราวนี้หลินสวินตอบรับอย่างยินดี “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ!”

อวี่ชิงหยางหัวเราะร่า “มาๆๆ ดื่มเหล้า”

ตั้งแต่วันนี้ไปหลินสวินจึงอยู่ที่ภูเขาเทพนพเลิศ สงบใจฝึกปราณ ถกมรรคสนทนานัยเร้นลับกับอวี่ชิงหยางเป็นครั้งคราว มีความรู้สึกว่าได้กระจ่างแจ้งอยู่บ่อยครั้ง

อวี่ชิงหยางก็ชี้แนะเพิ่มเติม พูดได้ว่าถ่ายทอดสิ่งที่ตนหยั่งรู้บนหนทางฝึกปราณออกมาจนหมด

สิ่งที่ทำให้หลินสวินปิติยินดีคือ เดิมทีเขายังกลัดกลุ้มว่าควรช่วยหนานชิวเลือกสำนักอย่างไร หลังจากอวี่ชิงหยางรู้เรื่องนี้ก็เอ่ยปากรับหนานชิวให้ติดตามฝึกปราณอยู่ข้างกายเขาตรงๆ

จักรพรรดิดาบชิงหยางที่ชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดารา ถึงกับยอมรับตนให้ฝึกปราณอยู่ข้างกาย นี่ทำให้หนานชิวรู้สึกผิดคาดและประหลาดใจหาใดเปรียบ

เวลาผ่านเลยไปเรื่อยๆ

ในตระกูลอวี่ ภายใต้การจัดระเบียบครั้งใหญ่ของอวี่ปี้คง สถานการณ์ได้เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ มีเสถียรภาพอย่างสมบูรณ์

อวี่ปี้คงไม่ฉวยโอกาสนี้ดันบุตรชายอวี่อวิ๋นเหอขึ้นตำแหน่งผู้นำตระกูลน้อย แต่ยังเลือกจะจัดการทดสอบประจำตระกูลเหมือนเดิม อาศัยสิ่งนี้มาคัดกรองและเลือกสรรคนที่มีคุณสมบัติเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป

นี่ทำให้คนในตระกูลอวี่ต่างโล่งอก

หลายวันต่อมา การทดสอบประจำตระกูลอวี่ได้เปิดม่านตามกำหนด

หลินสวินพาหนานชิวมาดูด้วย ได้การต้อนรับจากคนในตระกูลอวี่ทุกคนในที่นั้นเป็นอย่างดี

ในตระกูลอวี่ยามนี้ล้วนรู้ชัด ว่าชายหนุ่มที่มีชื่อว่าหลินเต้ายวนคนนี้มีความเกี่ยวข้องลึกซึ้งกับผู้อาวุโสชิงหยางนานแล้ว ใครจะกล้ามองเขาเป็นคนธรรมดาได้อีก

สองวันต่อมา

การทดสอบประจำตระกูลปิดฉาก สุดท้ายมีอยู่สามคนที่โดดเด่นเหนือผู้อื่น

ได้แก่อวี่อวิ๋นเฟิงซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในหมู่คนรุ่นเยาว์ อวี่อวิ๋นหลงที่เป็นพี่รอง รวมถึงอวี่อวิ๋นเหอที่เป็นน้องหก

ความสามารถที่แสดงออกมาของอวี่อวิ๋นเหอ อยู่เหนือความคาดหมายของคนในตระกูลอวี่ส่วนใหญ่อย่างสิ้นเชิง

พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า อวี่อวิ๋นเหอที่หลายปีมานี้ถูกพวกเขามองเป็นคนไร้ความสามารถเหมือนลูกผู้ดี ถึงกับมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!

นี่ก็เป็นการยืนยันคำพูดของอวี่ปี้คงบิดาของเขา คนไร้ประโยชน์ที่ไม่เอาการเอางานคนหนึ่ง จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งคนแรกที่บรรลุมกุฎมหาอริยะในหมู่คนรุ่นเยาว์ได้อย่างไร

ส่วนอวี่อวิ๋นเจิงที่มุ่งเป้ามาที่อวี่อวิ๋นเหอตลอด ก็ไม่ปรากฏตัวที่การทดสอบประจำตระกูลเลย

เหตุผลนั้นง่ายมาก ด้วยเขาเคยร่วมมือกับหลันไฉ่อีเพื่อทำร้ายหลินสวิน ทั้งร่วมมือกับทายาทรุ่นเยาว์คนอื่นมุ่งเป้ามาที่หลินสวินและอวี่อวิ๋นเหอ จึงถูกอวี่ปี้คงกักขังไว้โดยไม่ลังเล เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่มีวันได้เสนอหน้าออกมาอีก!

วันนั้นเองที่อวี่ปี้คงได้ประกาศว่าหลังจากนี้ครึ่งเดือน อวี่อวิ๋นเหอ อวี่อวิ๋นเฟิง อวี่อวิ๋นหลงสามคนจะมุ่งหน้าไปที่แดนลับต้าอวี่พร้อมกับหลินสวิน!

โลกต้าอวี่

ช่วงที่ผ่านมาในโลกต้าอวี่ก็มีคลื่นลมก่อตัว ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะแดนลับต้าอวี่ใกล้จะเปิดอีกครั้ง!

ครั้งนี้ยอดบุคคลของเก้าโลกใหญ่รวมถึงโลกต้าอวี่ในเขตแดนดาราจื่อเหิง ล้วนมาเข้าร่วมในงานนี้ด้วย

ฟุ่บ!

ยานสมบัติลำหนึ่งพุ่งแหวกอากาศ พาพวกหลินสวินและอวี่อวิ๋นเหอพุ่งห่างออกไป

แดนลับต้าอวี่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเก้าแคว้น นั่นเป็นอาณาเขตหนึ่งที่เหมือนเขตผนึก เต็มไปด้วยกระแสน้ำหลากเยียบเย็นที่ม้วนตัวลงมาจากเวิ้งฟ้า

ยามปกติต่อให้เป็นอริยะก็ไม่กล้าเข้าใกล้ง่ายๆ

เมื่อแดนลับต้าอวี่เปิดออก กระแสน้ำเยียบเย็นที่ปกคลุมอยู่บนแม่น้ำเก้าแคว้นนั้นจะมีทางเข้าสู่แดนลับต้าอวี่ปรากฏออกมา

“แดนลับต้าอวี่คือสิ่งที่บรรพชนตระกูลอวี่ของพวกเจ้าเหลือทิ้งไว้ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงอนุญาตให้ผู้แข็งแกร่งของเก้าโลกใหญ่เข้าไปในนั้นด้วย”

บนยานสมบัติหลินสวินใคร่รู้อยู่บ้าง

“เรื่องนี้ข้ารู้ดี ปีนั้นตอนที่จักรพรรดิอวี่บรรพชนตระกูลอวี่ของข้าหลอมศาสตราจักรพรรดิเก้ากระถางขึ้น เคยยืมพลังกฎเกณฑ์แรกกำเนิดของเก้าโลกใหญ่นี้ ตั้งแต่นั้นมาจักรพรรดิอวี่ก็รับปากว่าจะเปิดแดนลับต้าอวี่ให้เก้าโลกใหญ่ด้วย ผู้มีวาสนาล้วนเข้าไปเสาะหาศุภโชคในนั้นได้”

อวี่อวิ๋นเหอกล่าวอธิบายอย่างรวดเร็ว

หลินสวินพลันเข้าใจกระจ่าง

หลายวันต่อมา

พวกเขามาถึงหน้าแม่น้ำเก้าแคว้นอย่างราบรื่น

ครืนๆ

แม่น้ำเก้าแคว้นกว้างใหญ่ไพศาล เสียงคลื่นดั่งฟ้าคำรามเหมือนหลั่งลงมาจากฟากฟ้า ฟองคลื่นท่วมนภา กระแสน้ำหลากเยียบเย็นโหมกระหน่ำ ตระการตาและน่ากลัวหาใดเปรียบ

เมื่อพวกหลินสวินมาถึงก็มีผู้ฝึกปราณมากมายปรากฏตัวอยู่ก่อนแล้ว

“ทายาทตระกูลอวี่มาแล้ว!”

“อวี่อวิ๋นเหอ? ฮ่าๆ เจ้าลูกผู้ดีจอมอวดเบ่งนี่ก็มาด้วย คนรุ่นเยาว์ของตระกูลอวี่ไม่มีใครแล้วหรือ”

เมื่อเห็นพวกหลินสวินในที่นั้นก็เกิดความโกลาหล คนไม่น้อยต่างหัวเราะเยาะขึ้นมา ด้วยมองเห็นลูกผู้ดีอย่างอวี่อวิ๋นเหอ

ส่วนหลินสวิน เนื่องจากหน้าไม่คุ้นจึงไร้คนเหลียวแล

อวี่อวิ๋นเหอกล่าวอย่างราบเรียบ “พี่หลิน ไม่จำเป็นต้องใส่ใจพวกมีตาหามีแววไม่พวกนี้ พวกเราไปหาสถานที่พักผ่อนก่อน ยังเหลือเวลาก่อนวันที่ทางเข้าของแดนลับจะเปิดออกอีกสามวัน”

ขณะที่พวกเขาหาที่พักเท้าได้

วู้ม!

รุ้งเพลิงสายหนึ่งพุ่งผ่าอากาศมา

ในรุ้งเพลิงมองเห็นเงาร่างที่เหมือนเทพปีกอัคคีร่างหนึ่งอยู่รางๆ เปลวไฟอบอวลไปทั้งตัว คิ้วและเส้นผมล้วนเป็นสีชาด ปีกทั้งสองที่อยู่ด้านหลังโบกสะบัด ฝนเพลิงงามตระการไหลบ่า

ทันทีที่คนผู้นี้มาถึง อานุภาพกดดันที่ปกคลุมฟ้าดินก็เต็มแน่นไปทั่วลาน ทำให้ห้วงอากาศบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ส่งเสียงครวญไม่หยุด

“เป็นชื่อหลิงจื่อแห่งโลกใหญ่ขุมอัคคี ลือกันว่าเขามีร่างจริงเป็นเพลิงมรรคแต่กำเนิด พรสวรรค์โดดเด่น เป็นอันดับหนึ่งในระดับมกุฎมหาอริยะของโลกใหญ่ขุมอัคคี!”

มีคนตกตะลึง

“เป็นเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาด้วย ได้ยินว่าหลายปีก่อนหลังจากกระดานมหาอริยะฟ้าดาราจัดอันดับใหม่อีกครั้ง ชื่อหลิงจื่อได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับที่เจ็ดสิบสาม ปั่นป่วนไปทั่วเขตแดนดาราจื่อเหิง”

คนไม่น้อยสูดหายใจเย็นเยียบ ก่อให้เกิดความแตกตื่นในที่นั้น

“ร้ายกาจ…”

“นี่คือคู่ต่อสู้คนหนึ่งที่ไม่อาจไม่ให้ความสำคัญและทวีความระวัง!”

อวี่อวิ๋นเหอ อวี่อวิ๋นเฟิง อวี่อวิ๋นหลงต่างไหวหวั่น เผยสีหน้าหวาดกลัว

คนที่ก้าวขึ้นไปอยู่ในร้อยอันดับแรกของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราได้ ในโลกใหญ่มากมายทั่วเขตแดนดาราจื่อเหิงนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่หายากดั่งขนหงส์เขากิเลน

ส่วนหลินสวินก็ไม่แม้แต่จะเหลือบมองสักนิด

ตอนอยู่ที่แหล่งสถานคุนหลุน เขาเคยฆ่ามกุฎมหาอริยะที่อันดับสูงกว่าชื่อหลิงจื่อมานับไม่ถ้วน อย่างเช่นซวีหลิงคุน กู่ฉางซิน เมิ่งอี้… ไหนเลยจะเห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตา

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าต่อให้หลินสวินไม่สมัครใจ ก็ไม่อาจไม่ยอมรับความจริงเรื่องหนึ่ง

นั่นก็คือเขาในตอนนี้เป็นอันดับหนึ่งบนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราแล้ว

……………………..