ตอนที่ 1893: เข้าวังอีกครั้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1893: เข้าวังอีกครั้ง

“ปล่อยไคยะไป นางแตกต่างจากเรา เรามาโลกเซียนด้วยความเต็มใจ ในขณะที่ไคยะถูกพามาอย่างไม่รู้ตัว นางต้องพบว่ามันยากมากที่จะคุ้นเคยกับต่างโลกเช่นนี้ นางอาจยอมรับไม่ได้ อย่างไรก็ตามทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ข้าเชื่อว่าในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ไคยะจะเคยชินกับโลกเซียนอย่างสมบูรณ์” ซ่างกวนมู่เอ๋อกล่าว

แม้ว่านางจะไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีหรือไม่ดีกับไคยะ แต่พวกนางก็มาจากโลกเดียวกัน ในโลกเซียน คนจากที่อื่นอย่างตระกูลเทียนหยวนต้องสนิทสนมกันไว้

“ข้าไม่รู้ว่าการพาไคยะมาที่โลกเซียนนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้าข้าไม่ทำอย่างนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปลุกนางขึ้นมา” เจี้ยนเฉินพูดพึมพำขณะที่เขาต้องมองไปยังทิศทางที่ไคยะเดินจากไป ความรู้สึกของเขาค่อนข้างหลากหลาย

อย่างไรก็ตามเขาก็สงบลงในไม่ช้า เขากล่าวกับซ่างกวนมู่เอ๋อว่า “ลัทธิปีศาจชั้นฟ้ากำลังบุกอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนและราชาศักดิ์สิทธิ์ได้เรียกข้าไปที่พระราชวังเพื่อหารือ มู่เอ๋อ ข้าต้องไปเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน”

“เจ้าต้องการให้ข้าไปกับเจ้าด้วยหรือไม่ ? ข้าสามารถไปด้วยได้นะตอนนี้” ซ่างกวนมู่เอ๋อมองเจี้ยนเฉิน ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาตระกูลเทียนหยวนพัฒนาขึ้นด้วยการสนับสนุนของเจี้ยนเฉินเพียงลำพัง คนอื่นไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนี้นางกลายเป็นขั้นเหนือเทพแล้ว นางหวังว่าจะแบ่งเบาภาระของเจี้ยนเฉินได้

เจี้ยนเฉินส่ายหน้า “ตอนนี้มันจะดีกว่าที่เราจะเผยความแข็งแกร่งของเรา มันอาจจะมีประสิทธิภาพอย่างมากในเวลาสำคัญ ข้าจะไปเมืองหลวงคนเดียวและเจ้าก็อยู่ปกป้องที่นี่หากเกิดปัญหา”

เจี้ยนเฉินพูดเสร็จ เขาก็หยิบวัตถุเซียนระดับสูงสุดที่นางฟ้าเฮายู่มอบให้กับเขาออกมาจากแหวนมิติและกล่าวว่า “นี่คือวัตถุเซียนระดับสูงสุด มันทรงพลังมาก ตอนนี้สงครามก็ปรากฏขึ้นอยู่ไม่ไกลแล้ว ปรับแต่งมันทันที”

“เกราะนี้อาจจะมีประโยชน์มากที่สุดเมื่อเจ้าสวมใส่ เจ้าควรเก็บไว้ เจ้าเป็นเสาหลักในการสนับสนุนตระกูลเทียนหยวน” ซ่างกวนมู่เอ๋อตอบเบา ๆ และผลักเกราะกลับไป

เจี้ยนเฉินยิ้มบาง ๆ และผลักเกราะกลับไปที่อ้อมอกของซ่างกวนมู่เอ๋อพร้อมกับพูดว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า ร่างบรรพกาลของข้ากำลังทะลวง ดังนั้นเกราะจะไม่มีประโยชน์กับข้า ฟังคำข้า ปรับแต่งเกราะทันทีเมื่อข้าไป ได้หรือไม่ ? ข้าจะได้ไม่ต้องกังวลมากหากว่าเจ้าได้รับการป้องกันจากเกราะ ข้าสามารถพุ่งเป้าไปจัดการศัตรูได้”

หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ออกจากแคว้นตงอันและเดินทางไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน

ไคยะเดินอยู่ในเมืองหลักของแคว้นตงอันอย่างไร้จุดหมายด้วยสองขาของนาง นางเห็นคนพลุกพล่านและร้านค้ามากมายตามข้างทาง มีเสียงพูดคุยและการต่อราคาให้ได้ยินเต็มสองข้างทาง จนเกิดความสับสนอยู่ในสายตาของนาง

บางครั้งนางจะเงยหน้ามองฟ้าเป็นครั้งคราว ขณะที่มองฟ้า การจ้องมองของนางก็ราวกับทะลุออกไปถึงจักรวาล

เสียงผู้คนที่มากมายบนท้องถนนและผู้คนที่เดินผ่านไป พวกเขาต่างก็รู้สึกไม่คุ้นเคยกับนาง

อย่างไรก็ตามเมื่อนางเงยหน้ามองฟ้า สิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับประสบการณ์บางอย่างที่เข้ามาในหัว แม้ว่ามันจะไม่คุ้นเคยแต่นางก็รู้สึกคุ้นเคย

ความคุ้นเคยนี้เกิดขึ้นจากส่วนลึกของจิตใจของนาง มันทำให้นางสับสน นางงุนงงว่าทำไมนางรู้สึกแบบนี้

ทันใดนั้นนางก็ยกมือที่ขาวเรียวของเขาขึ้นไปยังท้องฟ้าท่ามกลางผู้คนมากมาย นางกำมือราวกับกำลังดึงอะไรบางอย่างลงมา

นางทำสิ่งนี้โดยไม่รู้ตัวจากก้นบึ้งของหัวใจของนาง หัวใจของนางแทบตกลงกับพื้น มันเหมือนกว่านางสามารถฉีกมันได้อย่างง่ายดายและนางก็สามารถปลดปล่อยพลังทำลายล้างได้เพียงแค่ยกมือ

ผลลัพธ์ที่ได้นั้นชัดเจนมาก นางไม่เพียงแต่ล้มเหลวที่จะทะลวงท้องฟ้า แต่นางไม่สามารถสร้างได้แม้แต่ระลอกคลื่นมิติ การกระทำของนางดูแปลกประหลาดและดึงดูดสายตาได้จากผู้คนนับไม่ถ้วนบนถนน

ไคยะดูเหมือนจะไม่ได้ตระหนักถึงรอบ ๆ ตัวของนาง นางมองไปที่มือของนางและยิ่งสับสนมากยิ่งขึ้น

ในเวลานี้ เพียงความคิดความแข็งแกร่งก็เกิดขึ้นและเกิดขึ้นกับตัวของนาง นางรู้สึกเหมือนนางลืมบางสิ่งและสูญเสียบางสิ่ง แต่ไม่ว่านางจะคิดและค้นหามันมากแค่ไหน นางก็คิดไม่ออกเลย

นางยังมันเห็นชีวิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นางมีความทรงทำทั้งหมดและพบว่านางไม่ได้ลืมอะไร นอกจากที่นางหมดสติไป 100 ปี นางสามารถจำได้ทุกอย่างที่นางเคยผ่านมาในชีวิต

ไคยะกระโดดขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งของนางในฐานะเซียนจักรพรรดิ นางจึงกระโดดขึ้นไปบนหลังคาของร้านใกล้ ๆ นางกอดเข่าและเงยหน้ามองฟ้าอย่างว่างเปล่า

ร้านค้าเป็นของตระกูลเทียนหยวน หลายคนเชื่อว่านางคงไม่ได้เคารพตระกูลเทียนหยวน เนื่องจากไคยะนั่งอยู่บนหลังคาโดยตรง

ที่ร้านคา ชายชราเคราขาวโฉบออกมาทันที อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าที่จะบินสูงกว่าร้านค้า เขาจ้องมองไคยะที่นั่งกอดเข่าอยู่บนหลังคาและตะโกนเดือดดาลว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไร….”

“ไสหัวไป ! ”

อย่างไรก็ตามก่อนที่ชายชราจะพูดจบ ก็มีเสียงดังขึ้นมาในหัวของเขา

มีชายชราที่ดูสง่างามปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าอยู่อีกด้านหนึ่ง เสื้อผ้าของเขาสั่นไหวและด้วยการปรากฏตัวของเขาราวกับมาจากอีกโลกหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะมาจากที่อื่น

ชายชราคนนี้เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลเทียนหยวน อันโดฟู

เจี้ยนเฉินกังวลว่าไคยะจะเจอปัญหา ดังนั้นเขาจึงให้เหรียญกับนางและเขาก็ให้อันโดฟูคอยปกป้องนางอย่างลับ ๆ

นี่เป็นเพราะไคยะอ่อนแอเกินไป นางยังไม่ได้อยู่ในขอบเขตดั้งเดิม นางเป็นเพียงเซียนจักรพรรดิเท่านั้น

มันเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดอันตรายกับนาง หากนางเดินไปเดินมาในเมืองด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของนาง

ชายชราที่โผล่ออกมาจากร้านค้านั้นความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ขั้นแลกเปลี่ยนช่วงสูงสุด หลังจากที่เห็นอันโดฟู เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขากลับไปยังที่ซึ่งเขาออกมา

ไคยะไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หัวของนางยังคงเงยหน้ามองฟ้าอย่างว่างเปล่า ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดนอกจากท้องฟ้าทำให้นางสัมผัสกับความคุ้นเคยในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย

เจี้ยนเฉินเดินทางมาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน ภายใต้การนำของสาวใช้ 2 คน เขาก็ตรงมายังโถงกลางพระราชวังทันที

เจี้ยนเฉินพบว่ามีคนมากกว่า 12 คนอยู่ที่นี่ พวกเขานั่งขัดสมาธิและหลับตาราวกับพักผ่อน

เมื่อเจี้ยนเฉินเข้ามา พวกเขาทุกคนลืมตาขึ้นมาจ้องมองมาที่เขา หลายคนพยักหน้าด้วยความอ่อนโยน

เขาไม่พบว่าคนเหล่านี้ไม่คุ้นเคย เขาเคยเห็นพวกเขามาก่อน พวกเขาเป็นขั้นเหนือเทพจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน

ขั้นเหนือเทพทั้งหมดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ได้รวมตัวกันในห้องโถงนอกจากหลิงเฮ่ากงจากแคว้นค้นกระบี่

“เจี้ยนเฉิน เจ้ายอดเยี่ยมมาก เจ้าให้เรารอถึง 3 วัน” ในเวลานี้หยางไคนั่งลงจ้องมองเจี้ยนเฉินและพูดอย่างเย็นชา