ด้วยเหตุนี้จึงมีความคิดและความเห็นหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวหลัวซิว นั่นก็คือนำวิถีแห่งเกณฑ์ของหินนิรันดร์และกระบี่ตรีภพถ่ายทอดให้ผู้อื่น เขาวางแผนที่จะนำหินนิรันดร์ให้หนิงหานยู่แล้ว พรสวรรค์ด้านกฎชีวิตของยัยนั่นสูงมาก ๆ ทำให้แม้แต่เขาเองยังรู้สึกอิจฉาและริษยาเล็กน้อย

ในส่วนของกระบี่ตรีภพนั้น แม้เสิ่นปิงหยูจะไม่ใช่ผู้ที่เหมาะสมที่สุด แต่หากจะตามหาผู้ที่มีร่างตรีภพและเชื่อใจได้นั้น มันจะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร?

สาเหตุที่เลือกเสิ่นปิงหยูนั้น หลัวซิวก็มีการใคร่ครวญของตัวเองเช่นกัน นั่นก็คือพรสวรรค์และสติปัญญาของเสิ่นปิงหยูต่างไม่เลวเลย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ต่อการแสวงหาวิถียุทธ์

เพื่อเป็นการแสวงหาวิถียุทธ์ที่ยิ่งใหญ่มากกว่า นางสามารถทำเรื่องทุกอย่างได้ คนประเภทนี้ขอแค่มอบโอกาสและโชคที่เพียงพอให้นาง อนาคตต้องมีผลสำเร็จที่ไม่เลวอย่างแน่นอน

ในส่วนของเรื่องที่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องดูที่ตัวนางเองแล้วล่ะว่าจะเลือกอย่างไร

“ท่าน……ท่านทำเกินไปแล้วนะ!”

เสิ่นปิงหยูนิ่งเงียบ ทว่าใบหน้าของเชี่ยนหยุนกลับเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ใช้นิ้วชี้หน้าหลัวซิว ร่างที่อ่อนช้อยสั่นเทา หายใจถี่จนหน้าอกขึ้น ๆ ลง ๆ

เรื่องการสาบานด้วยตัวธรรมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องถึงชีวิตและวงศ์ตระกูลของตัวนักยุทธ์ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามหากจะสาบานด้วยตัวธรรม ต่างต้องคิดทบทวนแล้วคิดทบทวนอีก อีกทั้งการสาบานด้วยตัวธรรมจะสาบานได้ก็ต่อเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยินยอมด้วยความสมัครใจ

หรือว่าจะให้นางที่เป็นเทพธิดาท้ายแถวของสำนักจักรพรรดิอย่างวังมหาวาลที่สง่าผ่าเผย สาบานด้วยตัวธรรมโดยยินยอมด้วยความสมัครใจแล้วคอยติดตามอยู่ข้างกายคนคนหนึ่ง?

ผู้ติดตามหมายความว่าอย่างไร? นั่นก็คือคนใช้ คือคนติดตาม คือคนรับใช้!

สำหรับเชี่ยนหยุนแล้ว นางรู้สึกว่าคำพูดที่หลัวซิวพูดมานั้น ล้วนเป็นการทำให้ไม่ว่าจะเป็นตัวนางหรือศิษย์พี่เสิ่นปิงหยูอับอายขายหน้า

“เวิง!”

มีแสงเรืองกระพริบระยิบระยับตรงจุดตันเถียนของเชี่ยนหยุน ลักษณะท่าทีเหมือนจะลงมือโจมตีโดยตรง

“ข้ารู้ว่าท่านเก่งมาก ๆ ทว่าหากอยากให้ข้าและศิษย์พี่ก้มหน้าให้การหลงมัวเมาในอำนาจของท่านละก็ ท่านฝันไปเถอะ!”

แม้คำพูดดังกล่าวจะมีศักดิ์ศรีมาก แต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าร่างที่อ่อนช้อยของเชี่ยนหยุนสั่นเทาจนแสดงให้เห็นว่านางตื่นเต้นมาก ๆ อย่างไรซะนางก็มองเห็นภาพเหตุการณ์ครั้นเมื่อหลัวซิวระเบิดอำนาจที่น่าเกรงขามออกมาสังหารอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจำนวนมากด้วยตาตนเองเลย

“แม่สาวน้อย กินอะไรมั่วซั่วได้ ทว่าจักพูดอะไรมั่วซั่วไม่ได้เชียวนะ อะไรเรียกว่าหลงมัวเมาอำนาจ? ข้าเป็นคนประเภทนั้นหรือ?”ใบหน้าของหลัวซิวเปี่ยมล้นไปด้วยความปลง

หึ่ง!

เมื่อเห็นว่าเชี่ยนหยุนกำลังจะลงมือ จีเสี่ยวจื่อที่อยู่ด้านหลังหลัวซิวก็เรียกกระบี่ยุทธ์ออกมาเช่นกัน แม้ก่อนหน้านี้จะยังเป็นมิตรสหายกันอยู่ แต่ถ้าหากแตกหักกัน นางก็จะยืนอยู่ข้างหลัวซิวอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่มั่นคง

“เชี่ยนหยุน เจ้าคิดว่าหากศิษย์พี่คิดการไม่ดีต่อพวกเจ้าทั้งสอง พวกเจ้าสามารถหนีรอดไปได้หรือ?”จีเสี่ยวจื่อเอ่ยปากพูด

“ข้า……”เชี่ยนหยุนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี นางก็ตอบสนองกลับมาได้อย่างกะทันหันแล้วว่าตนอารมณ์ฮึกเหิมมากไปหน่อย

“เชี่ยนหยุน แม่นางเสี่ยวจื่อพูดถูก”

และในเวลานี้เอง จู่ ๆ เสิ่นปิงหยูที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็เอ่ยปากพูด

“ไม่ว่าจะพูดในด้านอารมณ์หรือหลักการ หากข้าอยากได้รับกระบี่ตรีภพและวิชาร่างตรีภพมาจากมือคุณชายเหยียนโม่ การให้คำสาบานด้วยตัวธรรมเป็นผู้ติดตามนั้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ควรจะทำ ยิ่งกว่านั้นสามารถพูดได้เลยว่าข้าเป็นฝ่ายได้เปรียบต่างหาก”

“เจ้าก็มีหัวใจที่โปร่งใสดวงหนึ่งอยู่นี่”

หลัวซิวมองเสิ่นปิงหยูด้วยสายตาที่ชื่นชมเล็กน้อยรอบหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้เฉลียวฉลาดมากจริง ๆ นางเข้าใจดีมากว่าในการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ สุดท้ายแล้วผู้ใดกันแน่ที่เป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้วการสาบานด้วยตัวธรรมก็เป็นธรณีประตูที่อยู่ในใจนักยุทธ์ทุกคน จะสามารถปล่อยวางความหยิ่งผยองที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจได้หรือไม่นั้น ถึงจะเป็นกุญแจสำคัญของคำถามนี้

“เงื่อนไขของคุณชาย ปิงหยูตกลงแล้วเจ้าค่ะ”

สายตาของเสิ่นปิงหยูร่วงลงบนตัวหลัวซิวใหม่อีกครั้ง ก่อนที่นางจะรีบสาบานด้วยตัวธรรมของตน สาบานว่าจะเป็นผู้ติดตามชั่วชีวิตและจะไม่มีวันทรยศ

ความเด็ดเดี่ยวของผู้หญิงคนนี้ทำให้หลัวซิวชื่นชมมากยิ่งขึ้น หากพูดถึงความเด็ดเดี่ยวในอุปนิสัยและตัวธรรมในการแสวงหาวิถียุทธ์แล้ว เสิ่นปิงหยูเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงมากที่สุดเท่าที่หลัวซิวเคยพบเห็นรู้จักมา