ตอนที่ 1898: คนจากสำนักจิตวิญญาณปฐพี

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1898: คนจากสำนักจิตวิญญาณปฐพี

“โอ้ แย่แล้ว เจี้ยนเฉินพบเจ้าแล้ว เขาทรงพลังอย่างมาก เฒ่าเฉินหลง ถ้าเจ้าบอกว่าเจ้ามีพลังพอที่จะฆ่าเจี้ยนเฉินหรือหลบหนีจากเขาในอดีต แต่ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้กับเขาเลย”

“เขาเป็นอัจฉริยะที่ทรงพลังจริง ๆ ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

วิญญาณในกับดักบ่น เสียงของมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้ในมุมมองของโลกเซียนทั้งใบ ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพรสวรรค์เช่นเจี้ยนเฉิน

อย่างไรก็ตามวิญญาณในกับดักนั้นขมวดคิ้วไม่นานหลังจากนั้น “แต่มันไม่สมเหตุสมผล ข้าเห็นโอกาสรอดของเจ้าจริง ๆ ในแคว้นตงอัน ทำไมเจ้าถึงเผชิญหน้ากับเจี้ยนเฉินตอนนี้ โอกาสรอดของเจ้าจะมีได้อย่างไรในเมื่อเจ้าเจอเจี้ยนเฉินแล้ว ? ”

“การคาดเดาของเจ้าแม่นยำทุกครั้ง แต่เจ้าเดาผิดมากเลยในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก แม้ว่าความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินจะเพิ่มขึ้นมากในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ข้าก็ไม่กลัวเขา” ปรมาจารย์เฉินหลงกล่าว พลังงานดั้งเดิมที่ทรงพลังของขั้นเหนือเทพช่วงปลายถูกรวบรวมอย่างลับ ๆ ภายในร่างกายของเขามันปั่นป่วนราวกับแม่น้ำขนาดใหญ่

ไคยะยืนอยู่ด้านหน้าของเขาโดยไม่รู้อะไร นางสงสัยและสับสนเมื่อเห็นว่าปรมาจารย์เฉินหลงมีอาการฉุนเฉียวกระทันหัน เขายังนำป้ายอาคมและค่ายกลของเขาออกมา

เมื่อนางจะถามเขากับเรื่องนี้ การปรากฏตัวที่ทรงพลังก็ลงมาจากท้องฟ้าอย่างกะทันหัน มันทำให้สีหน้าของทุกคนในโรงเตี๊ยมเปลี่ยนไปอย่างมาก แม้แต่ค่ายกลที่ปกป้องโรงเตี๊ยมก็พังทลายราวกับว่ามันถูกกระแทกด้วยสิ่งหนัก ทำให้มันแตกออกจากการปรากฏตัวอันใหญ่โตนี้

บอลแสงที่สว่างราวกับดวงอาทิตย์ถูกยิงออกมาจากระยะไกล มันเคลื่อนที่เร็วปานสายฟ้า มันเกินกว่าที่ขั้นเทพจะมองเห็นได้ มีเพียงขั้นเหนือเทพเท่านั้นที่สัมผัสถึงมันได้

ในเวลาสั้น ๆ แสงสว่างได้กลายเป็นเส้นจนมาถึงโรงเตี๊ยมที่ไคยะอยู่

ไคยะเห็นเพียงแสงแว่บและมีชายผิวขาวคนหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าของนางราวกับว่าเขาหายตัวมาที่นี่ทันที เขายืนหันหลังให้กับนางโดยอยู่ระหว่างปรมาจารย์เฉินหลงกับนาง

“เจี้ยนเฉิน ! ” ไคยะสามารถจำแผ่นหลังที่คุ้นเคยได้ทันทีและนางก็รู้สึกแปลกใจมาก

“ไคยะ เจ้ากลับไปที่ตระกูลก่อน ที่นี่ไม่ปลอดภัย” เจี้ยนเฉินกล่าวโดยไม่หันกลับมามอง เขาพูดเบา ๆ แต่เขาก็ยังจ้องมองปรมาจารย์เฉินหลงอย่างใกล้ชิด เขาระมัดระวังมาก

เขาไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างไคยะและปรมาจารย์เฉินหลง เขารู้เพียงว่าเขาไม่สามารถโจมตีปรมาจารย์เฉินหลงทั้งที่ไคยะยังอยู่ข้าง ๆ ได้ ไคยะคงไม่อาจทนกับแรงกระแทกจากการต่อสู้ระหว่างขั้นเหนือเทพทั้งที่เป็นเซียนจักรพรรดิได้

“ปรมาจารย์เฉินหลง เจ้ามีพลังของขั้นเหนือเทพ เจ้าไม่ควรจะจับตัวประกันที่อ่อนแอเพื่อขู่ข้า” เจี้ยนเฉินจ้องมองปรมาจารย์เฉินหลงขณะที่เขาตะโกน ตอนนี้เขากังวลมากว่าปรมาจารย์เฉินหลงจะโจมตีเขาก่อน เขาไม่กลัวปรมาจารย์เฉินหลงด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ความจริงภายใต้ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์เฉินหลงก็ไม่อาจทำลายค่ายกลได้

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของไคยะที่อยู่ข้างเขาได้ ถ้าไคยะเป็นขั้นเทพ เจี้ยนเฉินก็คงไม่กังวลมากเพราะขั้นเทพสามารถป้องกันแรงกระแทกจากการต่อสู้ได้ อย่างไรก็ตามไคยะเป็นเพียงเซียนจักรพรรดิเท่านั้นในตอนนี้

เซียนจักรพรรดิไม่ต่างไปจากมนุษย์ธรรมดาต่อหน้าขั้นเหนือเทพ

“หึ เจี้ยนเฉินเจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งนักงั้นหรือ ? ” ปรมาจารย์เฉินหลงแค่นเสียง

“ใช่แล้ว เด็กน้อย เจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งสินะ แม้ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะ แต่เจ้าก็ไม่มีสิทธ์ที่จะกล่าวหาว่าปรมาจารย์เฉินจะจับตัวคนเพื่อข่มขู่เจ้า แม้ว่าตาเฒ่าเฉินหลงจะเป็นคนไม่ดี แต่อย่างน้อยเขาก็ภูมิใจในตัวตนของตัวเอง” วิญญาณในกับดักกล่าว เสียงของมันลอยออกมาจากป้ายอาคม

ไคยะรู้สึกถึงความเป็นศัตรูของเจี้ยนเฉินจากคำพูดของปรมาจารย์เฉินหลง นางไม่สนใจว่าจะเป็นการกระตุ้นเจี้ยนเฉินและยืนอยู่ระหว่างทั้งสองคน นางพูดกับเจี้ยนเฉินว่า “เจี้ยนเฉิน เจ้ากำลังทำอะไร ? ปรมาจารย์เฉินหลงเป็นสหายของข้า ทำไมเขาถึงต้องจับตัวข้าเพื่อข่มขู่เจ้า ? เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”

ไคยะพลันตระหนักว่าอาจมีการผิดใจกันระหว่างเจี้ยนเฉินและปรมาจารย์เฉินหลง

“เจ้าพูดอะไรนะ ? สหายงั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินจ้องไปที่ไคยะด้วยความตกใจและเขาสงสัยว่าเขาจะหูฝาด

ไคยะอยู่ที่โลกเซียนนานแค่ไหนแล้วตั้งแต่ที่นางฟื้นขึ้นมา ? ยิ่งไปกว่านั้นยังมีช่องว่างของความแข็งแกร่งระหว่างนางกับปรมาจารย์เฉินหลง มันเป็นช่องว่างดั่งฟ้ากับดิน พวกเขาจะเป็นสหายกันได้อย่างไร?

ไคยะหยุดการต่อสู้ระหว่างเจี้ยนเฉินและอธิบายว่า “เจี้ยนเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อข้า แม้ว่าเราจะเพิ่งเจอกัน แต่เราก็เป็นสหายกันอย่างรวดเร็ว ข้าคิดว่าปรมาจารย์เฉินหลงเป็นสหายของข้าจริง ๆ เขาเป็นสหายที่ดีที่สุดนอกจากเจ้า”

เจี้ยนเฉินถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเขาเห็นว่าไคยะจริงจังแค่ไหน นางดูเหมือนจะไม่ได้พูดกับเจี้ยนเฉินเล่น ๆ เขากล่าวว่า “ไคยะ เจ้ายังไม่เข้าใจว่าคนที่อยู่ด้านหน้าเจ้าเป็นคนอย่างไร ปรมาจารย์เฉินหลงเป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลายและเป็นปรมาจารย์ค่ายกล สถานะของเขานั้นดีมาก ดังนั้นเขาจะคิดดีต่อเจ้าได้อย่างไร ? ”

ปรมาจารย์เฉินหลงพูด เขาพูดอย่างไร้อารมณ์ขณะที่คือแผ่นกลมแบนสีฟ้าข้างหนึ่งและป้ายอาคมค่ายกลอีกข้างหนึ่ง “เจี้ยนเฉิน ข้าไม่อยากอธิบายให้เจ้าฟัง แต่เนื่องจากสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความเชื่อใจของไคยะที่มีต่อข้า ข้าต้องพูดอะไรบางอย่าง ใช่แล้วข้าเป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลายและเป็นปรมาจารย์ค่ายกล ข้ามีชื่อเสียงในภูมิภาคนี้อย่างมาก แต่ข้าก็กลายเป็นสหายสนิทกับไคยะในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราอยู่ด้วยกัน นางกลายเป็นสหายคนแรกของข้า”

เจี้ยนเฉินเยาะเย้ย “เฉินหลง เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ ? เจ้าอาจจะทำสิ่งนี้ด้วยความตั้งใจอื่น อย่างไรก็ตามไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไหน ข้าก็ไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปได้ง่าย ๆ ในวันนี้” เจี้ยนเฉินจับกระบี่สายรุ้ง เขาเพ่งเล็งไปที่เฉินหลงทันที

ในเวลามีร่างสีดำพุ่งเข้ามาในโรงเตี๊ยมด้วยความเร็วสูง มันมาอยู่ด้านหน้าเจี้ยนเฉินในพริบตาและคว้าไคยะออกจากโรงเตี๊ยม

เจี้ยนเฉินจับตามองเฉินหลงอยู่ตลอดเวลา เขาไม่สนใจร่างดำแม้แต่น้อย

ร่างดำนั้นก็คือเฉินเจี้ยนที่อยู่ในชุดคลุมดำ

เจี้ยนเฉินบอกกับเฉินเจี้ยนทางวิญญาณในระหว่างที่เขาสนทนากับปรมาจารย์เฉินหลง เขาไม่ได้ให้เฉินเจี้ยนพาไคยะออกไป ตราบใดที่ไคยะยังอยู่ เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ เขาไม่กล้าที่จะเปิดศึกกับเฉินหลง

แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นการเปิดเผยถึงการคงอยู่ของเฉินเจี้ยน แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อความปลอดภัยของไคยะ

“ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีเหนือเทพคนที่สองในตระกูลเทียนหยวน” ปรมาจารย์เฉินหลงจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างไร้อารมณ์

“เฉินหลง ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาสะสางความบาดหมางในอดีต เจ้าโชคดีที่หนีไปได้ครั้งที่แล้ว วันนี้เจ้าลองทำอีกครั้ง” กระบี่สายรุ้งในมือของเจี้ยนเฉินพุ่งออกไปอย่างแหลมคม เขาชี้ไปที่ปรมาจารย์เฉินหลง

“You think I’m doomed? Hmph, you still don’t have that power, Jian Chen,” sneered master Chanlong. The azure disc in his hand glowed brightly and a huge formation appeared, revolving around his body.

“เจ้าคิดหรือว่าจะสามารถฆ่าข้าได้ ? ฮึ่ม เจ้ายังมีพลังไม่ถึงขั้นนั้นเจี้ยนเฉิน”ปรมาจารย์เฉินหลงแค่นเสียง จานอาคมสีฟ้าในมือของเขาเปล่งแสงสดใส ค่ายกลขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นและครอบคลุมตัวพวกเขา

การต่อสู้ครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นแล้ว !

อย่างไรก็ตามตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองเปลี่ยนไปและพวกเขาก็มองไปในทิศทางเดียวกัน

ในวินาทีต่อมา ความกดดันต่อสัมผัสทั้งเจ็ดก็แผ่ออกมา มันครอบคลุมไปทั้งแคว้นตงอันอย่างโหดเหี้ยม การปรากฏตัวของขั้นเหนือเทพและมีขั้นเหนือเทพช่วงปลายน้อยมากในหมู่พวกเขา

“ผู้พิทักษ์สูงสุดทั้งเจ็ดจากสำนักจิตวิญญาณของจักรวรรดิจันทราสวรรค์มาถึงแล้ว ใครเป็นผู้นำตระกูลเทียนหยวน ? ทำไมถึงไม่มาต้อนรับเรา ? ”

“ผู้นำตระกูลเทียนหยวน ประมุขเจี้ยนเฉิน ? ออกมาคุกเข่าต่อหน้าเรา”

“ถูกต้อง คุกเข่าซะ”

“เจ้าควรมาให้เร็ว อย่าทำให้เรารอหรืออย่าโทษพวกเราหากว่าพวกเรากวาดล้างตระกูลเทียนหยวนออกไป”

เสียงดังกังวานขึ้นมาและสามารถได้ยินจากทุกมุมของเมือง น้ำเสียงของพวกเขาทั้งเย่อหยิ่งและถือตัว