ตอนที่ 1899: โจมตี

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1899: โจมตี

เสียงของผู้พิทักษ์จากสำนักจิตวิญญาณปฐพีดังขึ้นไปทั่วเมืองหลัก

ในเวลานั้น คนนับไม่ถ้วนหยุดสิ่งที่เขาทำไม่ว่ามันจะสำคัญแค่ไหน พวกเขาจ้องมองไปยังท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจและมองไปรอบ ๆ เพื่อหาที่มาของเสียง

นับตั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินมอบความพ่ายแพ้ให้กับหยางไคจากตระกูลหยาง ตระกูลเทียนหยวนก็เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน แทนที่ตระกูลหยาง ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำตระกูลเทียนหยวนหรือเจี้ยนเฉินได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชียวชาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดภายใต้ขั้นราชาเทพในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน ไม่ต้องพูดถึงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน แต่เขาก็มีชื่อเสียงมากในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ใกล้เตียง ไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุเขา

อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่มีใครบางคนมายั่วยุเจี้ยนเฉินเพียงอย่างเดียว พวกเขายังพูดโดยไม่มีการแสดงความเมตตาใด ๆ พวกเขาสั่งเจี้ยนเฉินอย่างเย่อหยิ่ง ความกล้าหาญนั้นทำให้คนมากมายตกตะลึง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประโยคสุดท้ายที่พวกเขากล่าวว่าจะลบตระกูลเทียนหยวนออกไป ทำให้ทุกคนในเมืองต่างก็ตกใจ

“พวกเขาเป็นใครกัน ? พวกเขายโสขนาดนั้นเลย ? พวกเขาไม่เห็นหรือว่าตระกูลเทียนหยวนเป็นอย่างไร ? พวกเขาเป็นตระกูลเหนือเทพที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนตอนนี้”

“จักรวรรดิจันทราสวรรค์อยู่ที่ไหน ? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน และสำนักจิตวิญญาณปฐพีด้วย? พวกเขาดูทรงพลังมาก พวกเขาส่งผู้พิทักษ์มา 7 คนและดูถูกต่อผู้นำตระกูลเทียนหยวนอย่างชัดเจน”

“ตระกูลเทียนหยวนไม่สามารถทำให้โกรธแค้นได้ แม้ว่าข้าไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร แต่ข้าเชื่อว่าผู้นำตระกูลเทียนหยวนจะไม่ปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไป”

“ผู้นำตระกูลเทียนหยวนเป็นคนทรงพลังและเป็นคนฉุนเฉียว ข้าได้ยินมาว่าเขาฆ่าเหนือเทพ 3 คนจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้าในไม่กี่กระบวนท่า พวกเขามีพลังเทียบเท่าบรรพชนจากตระกูลโบราณขนาดใหญ่ พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน”

การพูดคุยกันเกิดขึ้นรอบ ๆ เมือง ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เชื่อว่าผู้นำตระกูลเทียนหยวนทรงพลังมาก มีหลายคนตั้งตารอที่จะเห็นผู้นำตระกูลเทียนหยวนที่จะสอนบทเรียนกับคนที่ปากมากและก่อปัญหา

หลายคนไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักจิตวิญญาณปฐพีและจักรวรรดิจันทราสวรรค์มาก่อน มีเพียงส่วนน้อยในขั้นเทพที่เคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักจิตวิญญาณปฐพีมาบ้าง พวกเขาเคร่งเครียดอย่างมากเพราะพวกเขาเป็นห่วงตระกูลเทียนหยวน

ขั้นเทพสองคนจากตระกูลวายเนอร์ได้ยินเสียงก้องทั่วทั้งเมืองและพวกเขาก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“ผู้พิทักษ์สำนักจิตวิญญาณปฐพีมาถึงแล้ว เสี่ยวหยานก็เป็นผู้พิทักษ์เช่นกัน พวกเขาควรจะเป็นศิษย์พี่-ศิษย์น้องของเขา เร็ว รีบติดต่อเสี่ยวหยาน”

“ผู้พิทักษ์สำนักจิตวิญญาณปฐพีมาเพื่อช่วยเหลือตระกูลวายเนอร์ มันยอดเยี่ยมและน่าทึ่งเป็นอย่างมาก วันนี้จะเป็นวันที่เราจะได้เงยหน้าอ้าปากได้”

ขั้นเทพ 2 คนที่ดูชราของตระกูลวายเนอร์รีบไปยังจุดที่วายเนอร์หยานบ่มเพาะโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของผู้พิทักษ์ มีแสงแห่งความชั่วร้ายวาบผ่านสายตาของเขา เขาทิ้งปรมาจารย์เฉิงหลงทันทีและพุ่งออกไปด้วยความเร็วแสง

เจี้ยนเฉินลอยอยู่เหนือกำแพงใหญ่ด้านนอกเมือง เขาจ้องมองไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วและไร้อารมณ์

ตรงหน้าของเขามีคนเจ็ดคนแต่งเครื่องแบบเดียวกัน พวกเขากอดอกและมองเจี้ยนเฉินอย่างเย่อหยิ่งราวกับว่าเขาไม่ได้เป็นตัวอะไรทั้งนั้น

มีผู้ชายทั้งหมด 5 คนจาก 7 คนและดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดจะมีอายุเข้าวัยกลางคน ริมฝีปากของพวกเขาม้วนขึ้นอย่างยิ้มเยาะ ขณะที่จ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด

มีสองคนในเจ็ดคนที่ทรงพลังที่สุด พวกเขาเป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลาย

ชายสามคนที่ยังคงดูอายุน้อย อยู่ในขั้นเหนือเทพช่วงต้นและขั้นเหนือเทพช่วงกลาง

สองคนสุดท้ายเป็นหญิงสาวที่ดูอายุประมาณ 20 ปี พวกนางสวมชุดยาวแสดงให้เห็นถึงรูปร่างที่สวยงามและเพรียวระหงส์ของพวกนาง พวกนางค่อนข้างงดงาม

หญิงสาวทั้งสองก็เป็นขั้นเหนือเทพช่วงกลาง

“ทันทีที่เราเรียกเจี้ยนเฉินจากตระกูลเทียนหยวน เจ้าก็ปรากฏขึ้นทันที เจ้าคือเจี้ยนเฉินจากตระกูลเทียนหยวนงั้นหรือ ? ” ชายขั้นเหนือเทพช่วงต้นกำลังพินิจเจี้ยนเฉิน เขากอดอกพูดอย่างสบาย ๆ ขณะที่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ

“ถูกต้อง ข้าเป็นผู้นำตระกูลเทียนหยวน เจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตามในแคว้นตงอันไม่ใช่ถิ่นของสำนักจิตวิญญาณปฐพี เพราะงั้นเลิกจองหองว่าเจ้ามาจากสำนักจิตวิญญาณปฐพี เมื่อเจ้ามาที่นี่” เจี้ยนเฉินพูดอย่างใจเย็น

ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินราวกับว่าเขากำลังท้าทายและพูดว่า “โอ้ เจ้ากำลังขู่พวกเรางั้นรึ แต่นั้นคือสิ่งที่พวกเราจะทำกับเจ้า เจ้าจะทำยังไง ? ”

“ศิษย์น้องตู่ หยุดพูดมากับเขา เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่ได้ยินที่เราพูดก่อนหน้านี้งั้นหรือ ? ทำไมเจ้าไม่คุกเข่าเมื่อพบพวกเรา ผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ด” ขั้นเหนือเทพช่วงต้นพูดอย่างโหดร้าย

ขั้นเหนือเทพอีก 5 คนลอยอยู่กลางอากาศขณะมองเจี้ยนเฉินอย่างเย็นชา พวกเขามองอย่างไร้อารมณ์และกอดอก สายตาของพวกเขาคุกคามราวกับว่าพวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะคุยกับเจี้ยนเฉินอย่างเย่อหยิ่ง

สายตาของเจี้ยนเฉินเย็นชา เมื่อเขาเผชิญหน้ากับการยั่วยุของผู้พิทักษ์ เขาพูดอย่างเยือกเย็น “แม้แต่มดกระจอก 2 ตัวยังกล้าที่จะสั่งให้ข้าคุกเข่า ? คนจากสำนักจิตวิญญาณปฐพีเป็นคนแบบนี้งั้นรึ ? ” เสียงของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความรังเกียจ

เขาไม่ได้พูดเกินจริงเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ขั้นเหนือเทพช่วงต้นก็เหมือนกับมดต่อหน้าเขา

อย่างไรก็ตามใบหน้าของขั้นเหนือเทพช่วงต้นก็มืดครึ้มลง จิตสังหารของเขาเต็มอยู่ในสายตา ขณะที่พูดอย่างเย็นชา “เจี้ยนเฉิน เจ้ารนหาที่ตาย ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าผู้พิทักษ์ของสำนักจิตวิญญาณปฐพีเป็นเช่นไร” จากนั้นทั้งสองก็หยิบวัตถุเซียนและโจมตีเจี้ยนเฉินทันที

“ปราณกระบี่ถล่มสวรรค์!”

ขั้นเหนือเทพช่วงต้น 2 คนตะโกนออกมา พวกเขาเหวี่ยงกระบี่พร้อมกับส่งพลังปราณพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วสูง

ผู้พิทักษ์อีก 5 คนต่างก็จ้องมองเจี้ยนเฉินขณะที่ทั้งสองพุ่งเข้าใส่ พวกเขาต้องการเห็นความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินผ่านสองคนนี้

พวกเขาเพิ่งออกจากสำนักจิตวิญญาณปฐพี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินเช่นกัน พวกเขารู้แค่ว่าวายเนอร์หยานศิษย์น้องของเขาได้พ่ายแพ้ต่อเจี้ยนเฉิน

อย่างไรก็ตามวายเนอร์หยานเป็นขั้นเหนือเทพช่วงต้น หลังจากเหตุการณ์นั้นเขาถึงให้ทั้งสองที่มีพลังพอ ๆ กันโจมตีเจี้ยนเฉินด้วยขั้นเหนือเทพช่วงต้นพร้อมกัน ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังใช้ทักษะลับของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงมีพลังมากกว่าขั้นเหนือเทพทั่วไป พวกเขาสามารถใช้มันต่อกรกับขั้นเหนือเทพช่วงกลางได้