บทที่ 2605 ร้องไห้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร + ตอนที่ 2606 ตอนนี้ยังหย่าไม่ได้

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2605 ร้องไห้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร

ฉีฉีเก๋อกอดลูกสาวเป่ารื่อน่านั่งอยู่บนโซฟาไม่ปริเสียงพูดสักคำ เป่ารื่อน่าวัยเดียวกับเล่อเล่อแต่อายุน้อยกว่าสองเดือน  เธอเป็นเด็กน้อยน่ารักเพราะได้จุดเด่นของฉีฉีเก๋อและฉางชิงซานมาทั้งหมดจึงสวยน่ารักและเป็นเด็กดีมากคนหนึ่งซึ่งใครเห็นใครก็ชอบ

แม้เป่ารื่อน่าจะอายุยังน้อยแต่กลับประสาทสัมผัสไวมาก คล้ายเธอจะรู้ว่าคุณพ่อกับคุณย่าไม่ชอบตนเวลาพูดจาหรือทำอะไรก็คอยระวังตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาฉางชิงซานอยู่บ้านเธอยิ่งไม่พูดอะไรเลย ต่อให้บังเอิญพูดประโยคหนึ่งก็จะเงยหน้าคอยสังเกตสีหน้าฉางชิงซาน เป็นเด็กดีเสียจนน่าปวดใจ

เป่ารื่อน่าเบิกตาโตมองเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าทำไมพวกเธอถึงตึงเครียดกันขนาดนี้ ยายหนูน้อยรู้สึกได้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แล้วก็ยิ่งไม่กล้าพูดอะไรเรื่อยเปื่อย

“เป่ารื่อน่าไปดูทีวีตรงนู้นเถอะ แม่มีเรื่องจะคุยกับแม่บุญธรรมแล้วก็คุณน้า”

ฉีฉีเก๋อวางลูกสาวลงแล้วไล่ให้เธอไปดูโทรทัศน์คนเดียว

“อื้ม แม่ไม่เป็นไรนะ…เป่าเพี้ยง ๆ!”

เป่ารื่อน่าเป็นเด็กรู้ความมาก เธอไม่รีบร้อนไปเล่นแต่ใช้มือเล็กนวดแก้มฉีฉีเก๋อไปมาแล้วยังดูดลมเข้าปากเป่าใส่หลายที ฉีฉีเก๋อตาแดงก่ำในฉับพลันแล้วน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมา เธอจึงรีบเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าลูกสาว

“คุณแม่…”

เป่ารื่อน่าตกใจเฮือกใหญ่หลงคิดว่าเพราะเธอถึงทำให้คุณแม่เสียใจจึงได้แต่หันไปมองพวกเหมยเหมยอย่างทำตัวไม่ถูกแล้วกัดนิ้วด้วยความประหม่า ใบหน้าเล็กยู่เข้าหากันเช่นเดียวกับตาที่เริ่มแดงก่ำ

เหมยเหมยถอนหายใจทีหนึ่ง เดินไปอุ้มเจ้าหนูตัวน้อยขึ้นมา ทั้งนุ่มทั้งเบาที่ดูแล้วเหมือนอายุน้อยกว่าเล่อเล่อหลายเดือนทีเดียว

“เป่ารื่อน่าเด็กดี แม่ไม่เป็นอะไร หนูจะไปเล่นกับพวกพี่ ๆที่บ้านคุณน้าไหม?”

“ไป…”

เป่ารื่อน่าดวงตาเป็นประกาย เธอไม่ได้เจอพี่เล่อเล่อตั้งนานแล้ว!

“เด็กดี!”

เหมยเหมยหอมแก้มเป่ารื่อน่าฟอดใหญ่แล้วโทรบอกลุงเหลามารับเจ้าหนูน้อยไปที่บ้านเธอ เล่อเล่อกับเสี่ยวเป่ากำลังเล่นอยู่ที่บ้านพอดี หากมีเพื่อนมาเพิ่มอีกคนพวกเขาต้องดีใจมากแน่ ๆ

ไม่นานลุงเหลาก็มาถึง เมื่อก่อนเป่ารื่อน่าไปบ้านเหมยเหมยประจำจึงรู้จักมักจี่กับลุงเหลาเป็นอย่างดี ฉะนั้นเลยไม่มีท่าทีหวาดกลัวอะไรพลางเดินตามลุงเหลาไปต้อย ๆ ก่อนไปเธอยังหอมแก้มฉีฉีเก๋อหลายทีอย่างเอาใจใส่

หลังจากเป่ารื่อน่าไปแล้วฉีฉีเก๋อก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วปล่อยให้มันไหลรินออกมา

ไม่ใช่ปล่อยโฮเสียงดังฟูมฟายแต่เป็นการร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยนจนทำเอาคนฟังรู้สึกจุกอกและโกรธเหลือเกิน!

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น มองฉีฉีเก๋อที่ยิ่งร้องก็ยิ่งเสียใจอย่างหงุดหงิด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ทำสีหน้าเดียวกัน โมโหกับนิสัยยอมคนแต่เห็นใจกับความโชคร้ายที่ได้พบเจอ!

ไม่ว่าอย่างไรพวกเธอก็คิดไม่ถึงว่าหลังแต่งงานฉีฉีเก๋อจะมีนิสัยอ่อนแอขนาดนี้ สาวน้อยที่อดีตร่าเริงตรงไปตรงมาขนาดนั้น แต่ตอนนี้…หมดคำจะพูดจริง ๆ!

มิน่าถึงบอกว่าการแต่งงานเปรียบดั่งการเกิดใหม่ที่เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของผู้หญิง ถ้าเลือกถูกคนผู้หญิงจะสวยวันสวยคืนและดูอ่อนเยาว์มากขึ้นเรื่อย ๆ หากเลือกผิดคน…จะเป็นอย่างฉีฉีเก๋อ ทั้งที่เป็นสาวน้อยร่าเริงแจ่มใสตอนนี้ดันกลายเป็นคนอ่อนแอขี้เกรงใจไปเสียได้…

“มีอะไรน่าร้องไห้กัน เธอเป็นคนดึงดันจะแต่งงานให้ได้เอง ชีวิตจะข่มหรือหวานเธอก็ต้องกล้ำกลืนมันลงไป ร้องไห้แล้วมีประโยชน์อะไร กำเงินไว้ในมือให้ได้ต่างหากถึงถูกต้อง!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหงุดหงิดสุดฤทธิ์

ฉีฉีเก๋อดึงกระดาษทิชชูจากบนโต๊ะเตี้ยมาไม่กี่แผ่นแล้วซับน้ำตาจนแห้ง ลูกตาปูดบวมเหมือนลูกวอลนัตซึ่งดูท่าทางผ่านการร้องไห้มาทั้งคืนแล้ว มิน่าเป่ารื่อน่าถึงตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร

“ตอนนี้เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเราก็ต้องหาทางคว้าผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุดและห้ามเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียว ฉางชิงซานเป็นฝ่ายผิด ขอแค่รวบรวมหลักฐานให้ครบ การจะให้เขาไปตัวเปล่าไม่ใช่ปัญหาเลย!” เหมยเหมยเอ่ยปลอบใจเสียงเรียบ

…………………………..

ตอนที่ 2606 ตอนนี้ยังหย่าไม่ได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเสียงดัง “ใช่ ต้องให้ไอ้สารเลวนี่ไปตัวเปล่า เงิน บ้าน รถและเป่ารื่อน่าเธอห้ามปล่อยไปแม้แต่อย่างเดียว อ้อ เมื่อก่อนฉันเคยบอกให้เธอถือเงินไว้ เธอทำตามหรือเปล่า?”

ภายใต้การปลอบโยนของเพื่อนสนิททำให้ฉีฉีเก๋อสงบลงอย่างมาก เธอพยักหน้าแต่ก็ทำท่าลังเล “เงินที่ชิงซานให้ฉันมาฉันเก็บไว้หมด แล้วก็โฉนดบ้าน แต่…ทุกเดือนฉางชิงซานให้ฉันแค่ห้าพันหยวน หักค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกับเงินไปโรงเรียนของเป่ารื่อน่าก็เหลือไม่เท่าไรแล้ว”

“ห้าพันหยวน? โอ้โฮ…ไอ้สารเลวนี่เดือนหนึ่งให้เธอแค่ห้าพันหยวนเหรอ? เขาถ่ายหนังแค่ส่วนแบ่งก็ได้เหยียบล้านแล้ว เงินพวกนี้ให้เธอหรือยัง?” แค่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ฟังก็รู้ว่าแย่แล้วแต่ก็อยากถามให้รู้เรื่องเพราะหวังว่าเธอจะคิดผิดไปเอง

ฉีฉีเก๋อมองเธออย่างงงงัน “ถ่ายหนังได้เงินเยอะขนาดนั้นเชียวเหรอ? ฉางชิงซานบอกว่าเขาได้แค่เงินเดือนปกติ เงินที่ได้จากการถ่ายทำเป็นของโปรดิวเซอร์ทั้งหมด”

“เธอ…เธอ…จะทำให้ฉันโมโหตายให้ได้หรือไง หมูยังฉลาดกว่าเธออีก เธอไม่รู้แล้วไม่หัดถามฉันกับเหมยเหมยล่ะ? ตอนนี้ผู้กำกับคนไหนยังจะรับแค่เงินเดือนบ้าง? ได้ส่วนแบ่งจากยอดขายทั้งนั้น หนังไม่กี่เรื่องของฉางชิงซานขายดีไม่น้อย รวม ๆแล้วต้องได้เงินสามสี่ล้านหยวน นี่แค่ขั้นต่ำนะ…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหราวกับเงินของเธอถูกคนอื่นแย่งไปอย่างไรอย่างนั้น ตาแทบลุกเป็นไฟแล้วถลึงตามองฉีฉีเก๋ออย่างเจ็บใจ

“ฉันถามแล้ว แต่เขาบอกแต่ว่าไม่มี อีกอย่าง…ฉันคิดว่าครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกกันชัดเจนขนาดนั้น…” ฉีฉีเก๋อยิ่งพูดเสียงยิ่งเบา เพราะไฟโทสะในตาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทบจะทะลุร่างเธอไปอยู่แล้ว

“ครอบครัวเดียวกัน? เธอเห็นฉางชิงซานเป็นครอบครัวเดียวกันแต่เขากลับเห็นเธอเป็นคนนอก เธอดู…ดูสิ…นังจิ้งจอกนั่นอาศัยอยู่ในราชวังสองร้อยตารางเมตร แต่เธอที่เป็นเมียหลวงกลับอยู่วังเย็นไม่ถึงร้อยตารางเมตร…

เมียน้อยอย่างเขาใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมดิออร์ชาแนล…เธอใส่อะไร? เสื้อผ้าโรงงานตามท้องตลาดร้อยหยวน…เสื้อผ้าทั้งชุดรวมชุดชั้นในของเธอยังเทียบราคาเสื้อซับในตัวเดียวของเขาไม่ได้เลย…เธอนี่ใช้ชีวิตสู้เมียน้อยไม่ได้ด้วยซ้ำ…น่าโมโหเป็นบ้า…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองเหยียดฉีฉีเก๋อตั้งแต่หัวจรดเท้าหนึ่งรอบ ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหจึงวิ่งไปกรอกน้ำเข้าปากสองแก้วใหญ่ถึงรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง

ฉีฉีเก๋อตาแดงอีกรอบ เธอไม่อยากได้ยินชื่อนังจิ้งจอกนั่นสักนิด เพราะมันเหมือนมีดที่ปักลงกลางหัวใจเธอให้เลือดสดไหลริน

เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่น ฉีฉีเก๋อไม่ได้มีเงินในมือเท่าไร เห็นทีฉางชิงซานคงวางแผนสำรองไว้ตั้งแต่แรกแล้วจึงแอบเก็บเงินไว้คนเดียวแถมยังเก็บไว้ไม่น้อยด้วย ไม่อย่างนั้นจะยอมซื้อบ้านหลังโตขนาดนั้นได้อย่างไร ชุมชนนั้นราคาบ้านไม่ใช่ถูก ๆ ถ้าไม่มีขั้นต่ำล้านหนึ่งไม่มีทางซื้อไหวหรอก

ตอนนี้เกรงว่าฉางชิงซานอยากให้ฉีฉีเก๋อเป็นฝ่ายขอหย่าอยู่ด้วยซ้ำ!

ฉีฉีเก๋อสูดจมูกตอบเสียงสะอื้น “ฉันจะขอหย่าเดี๋ยวนี้เลย ฉันอยู่กับฉางชิงซานต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉันเลี้ยงเป่ารื่อน่าเอง!”

“เหลวไหล ชายโฉดเหมือนห้องส้วมสาธารณะแบบนี้ถ้าเธอยังอยู่กับเขาต่อได้ ฉันก็ไม่มีเพื่อนอย่างเธอหรอกนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่า

“ฉันจะโทรหาทนายให้เขาร่างข้อตกลงเรื่องการหย่า!” ฉีฉีเก๋อในตอนนี้กลับมีความเด็ดเดี่ยวและฉลาดเหมือนสมัยเรียนเล็กน้อย

เหมยเหมยห้าม “อย่าเพิ่งรีบร้อนจะหย่า ยังหย่าตอนนี้ไม่ได้!”

“ทำไมล่ะ?” ฉีฉีเก๋อทำหน้างง ก่อนหน้านี้โน้มน้าวให้เธอหย่ามาตลอดไม่ใช่หรือ?

ทว่าตอนนี้ดันบอกอย่าเพิ่งรีบร้อนที่จะหย่า มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

………………