ตอนที่ 3468 : จบรอบ 3
“ครั้งเดียว”
ต้วนหลิงเทียนตอบหลิงเจวิ๋ยอวิ๋น
และคําตอบเขาก็ทําให้หลิงเจวิ๋ยอวิ๋นมีนงงอยู่บ้าง “ครึ่งเดียว?”
“มรรคากระบี่มิติของข้า มีพื้นฐานมาจากมรรคากระบี่ทําลายล้างที่ท่านอาจารย์สอน…หากไม่มีมรรคากระบี่ทําลายล้างของที่อาจารย์ชี้แนะ ข้าก็คงไม่อาจเข้าใจมรรคากระบี่มิติของข้าได้”
สําหรับหลิงเจวิ๋ยอวิ๋นต้วนหลิงเทียนไม่คิดปิดบังอะไร จึงกล่าวออกมาตามตรง
“อาจารย์เจ้า…ยอดมาก”
หลังหลิงเจวิ๋ยอวิ๋นระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเฮือกหนึ่ง มันก็หันไปมองฟงชิงหยางที่นั่งข้างๆจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ด้วยสาตาแฝงความชื่นชม “คนอย่างอาจารย์เจ้า หาได้ยากนัก”
“กระทั่งในระนาบเทพเอง แต่คนเช่นอาจารย์เจ้าก็มีน้อยนัก”
“เพราะคนเช่นนี้หากไม่ตกตายไปกลางคัน ปลายทางก็อาจบบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด”
“กล่าวไปผู้แข็งแกร่งที่สุดกว่าครึ่ง ก็เป็นเช่นเดียวกับอาจารย์เจ้า”
สําหรับเรื่องระนาบเทพ รวมถึงเรื่องผู้แข็งแกร่งที่สุด ในที่นี้คงมีน้อยยคนนักที่เข้าใจละเอียด เท่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋น เพราะอย่างไรหลิงเจวิ๋ยอวิ๋นก็เป็นผู้ที่เกิดในระนาบเทพ!
เหตุผลที่ไฉนมาอยู่ที่ระนาบเทวโลก ก็เพื่อหลบภัยเท่านั้น
“อาจารย์เจ้า หากสามารถเดินไปถึงปลายทางได้ อนาคตก็ไร้ขอบเขต”
หลิงเจวิ๋ยอวิ๋นกล่าว
“ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน”
หลังได้ยินคําพูดของหลิงเจวิ๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองฟงชิงหยางอาจารย์ของเขา ตั้งแต่ตอนที่ได้รับมรดกของฟงชิงหยางอย่างยอดใจกระบี่ ต้วนหลิงเทียนก็ตกใจไม่น้อย เพราะพลังอํานาจของมันร้ายกาจเหลือเกิน
ยอดใจกระบี่ เรียกว่าได้ก้าวข้ามขอบเขตของระนาบโลกียะไปแล้ว กล่าวไปในระดับหนึ่งมันทัดเทียมกับเวทย์พลังบนสวรรค์ด้วยซ้ํา
และเพราะมียอดใจกระบี่ ทําให้ตอนเขาอยู่ในระนาบเทวโลก ในด่านพลังเดียวกันหรือเหนือกว่าไม่มากก็ไม่มีใครสู้เขาได้เลย
เว้นเสียแต่จะพบเจอผู้ที่มีพลังเหนือกว่าเขามากจริงๆ นอกนั้นเขารับมือได้หมด
เรียกว่าตอนอยู่บนระนาโลกียะ ตั้งแต่มียอดใจกระบี่ คําไร้พ่ายในด่านพลังเดียวกันนั้นแทบไร้ความหมาย เพราะเขาไร้พ่ายแม้จะมีด่านพลังต่ํากว่าอีกฝ่ายเป็นขั้นๆด้วยซ้ํา สิ่งนี้เพราะพลังของยอดใจกระบี่มันน่ากลัวเกินไป!
มาบัดนี้ที่เขาสามารถเข้าใจมรรคากระบี่มิติ การทําความเข้าใจรอยกระบี่ 100 ปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นส่วนเล็กๆเท่านั้น
เหตุผลส่วนใหญ่มันเป็นเพราะ ยอดใจกระบี่ ที่เขาเคยเชี่ยวชาญในอดีต
ยอดใจกระบี่นี้ จะอย่างไรก็ถูกสร้างขึ้นโดยฟงชิงหยางอาจารย์ของเขา กล่าวได้ว่ามรรคากระบี่ทําลายล้างของฟงชิงหยางเองก็มาจากยอดใจกระบี่ด้วยเหตุนี้หลังจากอาศัยยอดใจกระบี่เป็นรากฐาน ถึงแม้จะทิ้งร้างไม่แตะมันนาน แต่สําหรับการทําความเข้าใจมรรคากระบี่มิติแล้ว มันประหนึ่งความช่วยเหลือจากฟ้าที่เดียว!
ควบคู่ไปกับผลึกสํานึกผู้แข็งแกร่งที่สุดในมือ เขาไม่เคยเกิดปัญหาในการทําความเข้าใจกฏมิติเลย ทุกอย่างเสมือนราบรื่นไปหมด ทําให้เขาเปิดประตูสู่มรรคากระบี่มิติได้ในที่สุด
และตอนนี้เขาก็สามารถรวมความลึกซึ้งหลายประการของกฏมิติเข้ากับวิถีกระบี่ของเขาได้ ซึ่งพลังอานุภาพของมันเหนือกว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองมาก!
“ข้าหลงคิดว่าพลังของเจ้าตอนนี้น่าจะด้อยกว่าข้า…แต่ดูจากตอนนี้ ทําให้ข้าตั้งหน้าตั้งตารอจริงๆ”
หลิงเจวิ๋ยอวิ๋นมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตากระหายการต่อสู้ ไม่ได้แลดูหวาดกลัวแม้แต่น้อย ถึงจะพบว่าต้วนหลิงเทียนค้นพบมรรคากระบี่ของตัว จนอาจมีความสําเร็จเหนือมันแล้วก็ตาม
“ดูเหมือนว่าหลายปีที่ผ่านมาเจ้าเองก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยทีเดียว…”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความมั่นใจของหลิงเจวิ๋ยอวิ๋น สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาเช่นกัน “ดูเหมือนในรอบหลังๆ ข้าคงได้สู้กับเจ้าถึงใจแน่”
“ตามนั้น”
ใบหน้ามาดขรึมเย็นชาของหลิงเจวิ๋ยอวิ๋น บัดนี้คลี่กางรอยยิ้มสดใสอันหาดูได้ยากออกมา
ถังซานเปาที่ปกติแล้วมักจ้อคําสนุกปาก บัดนี้ก็นิ่งเงียบไปอย่างผิดวิสัย มันมองจ้องแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตางุนงง และครู่ต่อมาในแววตาก็ฉายชัดถึงจิตต่อสู้อันฮึกเหิม
ปฏิกิริยาดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าเกิดจากการลงมืออันน่าพึ่งของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่
“ต้วนหลิงเทียน”
ทันใดนั้นเอง เสียงผ่านพลังของ ฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก และยังเป็นผู้ดําเนินศึกอัจฉริยะครั้งนี้พลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน
“เจ้าคิดจะแบ่งปันมรรคากระบี่ทําลายล้างที่ฟงชิงหยางชี้แนะเจ้าให้กับวิหารเฟิงฮาวหรือไม่ หากเจ้ายินดีแบ่งปัน วิหารเฟิงฮ่าวเราจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม และช่วยให้เจ้าประสบความก้าวหน้าอย่างดีที่สุด”
ฉีคงไห่กล่าวกับต้วนหลิงเทียนต่อว่า “นอกจากนี้ข้ารับประกันให้เจ้าได้เลยว่าเวลาที่วิหารเฟิงฮ่าวเราจะเปิดให้เจ้าเข้าใช้ห้องลับแห่งกฎ จะมากดุจเดียวกับตัวตนระดับรองเจ้าวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักขึ้นไป”
เสียงผ่านพลังของอีคงไม่ทําให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามฟังคําพูดมันแล้ว ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่ถูกล่อลวง กระทั่งสี่ห้ายังเปลี่ยนเป็นอึมครึม ต่อมาก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “รองจ้าววิหารฉี ขอท่านอย่าได้กล่าวถึงเรื่องนี้อีก”
“ต่อให้ข้าต้วนหลิงเทียนต้องตาย ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขายมรรคากระบี่ทําลายล้างของท่านอาจารย์”
มรรคากระบี่ทําลายล้างของอาจารย์เขา มันเกิดจากการหล่อหลอมฝึกปรือกระบี่มานับพันๆปี ผ่านการลองผิดลองถูกมาก็มากมาย นับเป็นสิ่งที่ล้ําค่าที่สุดและเป็นดั่งมรดกชั่วชีวิตของอาจารย์เขา ถึงแม้ต่อให้ได้เคล็ดกระบี่ทําลายล้างไปก็ไม่อาจฝึกปรือได้เพราะไม่อาจจะเข้าใจอะไรได้เลย แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีวันเอามันมาขายเด็ดขาด
“ช่างเป็นศิษย์ประเสริฐนัก”
ฉีตงไห่ยังคงส่งเสียงผ่านพลังมาสืบต่อ เสียงกล่าวยังแฝงความทอดถอนใจทั้งเสียดายอยู่บ้าง “ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการ วิหารเฟิงฮ่าวเราก็ไม่คิดฝืนใจเจ้าเป็นธรรมดา
หลังจากนั้นฉีคงไห้ก็เลิกสนใจต้วนหลิงเทียน และหันมาจดจ่อกับการประลองต่อ
หลังผ่านไปราวๆ 2 เค่อ ในที่สุดจางเทียนโย่วที่นั่งอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนก็ถูกคนอื่นท้าทายเช่นกัน และผู้ที่ท้าก็เป็นเทพสงคราม 1 ดารา พลังฝีมือถือว่าค่อนข้างดี ทว่าสุดท้ายก็ทําได้แค่เสมอกับจางเทียนโย่ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อผลออกมาเสมอก็ถือว่าไม่แพ้ ทําให้จางเทียนโย่วยังไม่ถูกคัดออก
แต่กระนั้นการประลองครั้งนี้ก็เปิดเผยพลังฝีมือของจางเทียนโย่วหมดไส้หมดพุง เช่นนั้นหลัง ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็มีคนท้าทายจางเทียนโย่วอีกรอบ และคราวนี้จางเทียนโย่วก็พ่ายแพ้ ถูกผู้ท้าชิงแทนที่ไปอย่างช่วยไม่ได้
กล่าวได้ว่าตั้งแต่วินาทีที่พ่ายแพ้ จางเทียนโย่วก็หลุดโผ 300 รายชื่อที่จะได้เข้าสู่รอบที่ 4 ทันที
เป็นธรรมดาว่ามันยังมีโอกาสกลับมาได้ อนิจจาแต่ดูทรงแล้วเรื่องนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน
และหลังจากที่จางเทียนโย่วถูกคัดออก ไม่นานนักก็ถึงตาซูหลี่ถูกคนท้าประลองบ้าง และคนที่ท้าดังกล่าวก็เป็นเทพสงคราม 2 ดารา…ซึ่งไม่แปลกอะไร เพราะเริ่มปรากฏตัวตนระดับเทพสงคราม 1-2 ดาราออกมาท้าผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าเทพสงคราม 2 ดาราที่เผชิญหน้ากับซูหลี ก็ถูกซูหลีอาศัยหนึ่งกระบี่สยบสิ้น!
เป็นธรรมดาว่าเพลงกระบี่ของซูหลี่ก็แฝงความลึกซึ้งของกฎทําลายล้างเอาไว้
“ซูหลี่ผู้นั้นอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพสงคราม 3 ดารา!”
ถึงแม้ว่าคู่ต่อสู้ของซูหลี่จะเป็นแค่เทพสงคราม 2 ดาราธรรมดาๆ แต่หลายคนก็คาดเดากันว่า ซูหลีที่สามารถเอาชนะอีกฝ่าได้อย่างง่ายดายนั้น…ต่อให้เป็นชนชั้นยอดฝีมือของเทพสงคราม 2 ดาราก็คงไม่อาจกระทําได้!
“ฮ่าๆๆ ซูหลี่ เจ้าร้ายกาจมาก!”
หลังจากซูหลี่กลับมานั่ง ถังซานเปาก็หัวเราะกล่าวพลางยกนิ้วให้
จากนั้นมันก็พูดด้วยความผิดหวังว่า “ไฉนไม่มีคนท้าประลองข้าบ้างเลยเล่า…บางทีข้าอาจเป็นพลับสุกนุ่มนิ่มก็ได้”
พอถังชานเปาพูดมาแบบนี้ ซูหลี่ก็อดยิ้มไม่ได้ “ในพวกเราไม่ใช่แค่เจ้าแต่หลิงเจวิ๋ยอวิ๋นก็ยังไม่ถูกใครท้าสําหรับหลิงเจวิ๋ยอวิ๋นที่ไม่มีใครท้านั้นเป็นเพราะพลังฝีมืออันแข็งแกร่งที่ทุกคนสมควร เห็นกันชัดเจนถึงขั้นเข้าสู่รอบที่ 4 ได้อย่างง่ายดาย”
“ต่อให้มั่นใจว่าจะสู้ได้ แต่ถึงคิดจะสู้ ก็เกรงว่าคงเลือกจะสู้กันในรอบหลังๆมากกว่า”
“เช่นนั้นจึงเป็นปกติที่จะไม่มีใครท้าหลิงเจวิ๋ยอวิ๋น”
“ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มั่นใจว่าจะสู้หลิงเจวิ๋ยอวิ๋นได้ พูดกันตามตรง ก่อนหน้านี้มันไม่มีทางตกรอบแน่นอน”
“ต่อให้เป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในรอบที่แล้ว ข้าก็เชื่อว่าคงไม่มีใครที่เป็นถึงเทพสงคราม 3 ดารา อย่างมากก็เป็นแค่เทพสงคราม 2 ดาราทั่วๆไปเท่านั้น”
“ส่วนเจ้าอย่างไรก็เป็นคนที่วิหารเฟิงฮ่าวประเมินว่าสมควรเป็นเทพสงคราม 2 ดาราขึ้นไป เช่นนั้นเว้นเสียแต่ไม่มีทางเลือกแล้วหรือคิดหยั่งตื้นลึกหนาบางเจ้า ปกติก็ไม่มีใครคิดจะท้าเจ้าหรอก”
ซูหลี่ยิ้ม
ถึงแม้ความเป็นมาของถังซานเปาจะลึกลับ แต่ข้อมูลที่ทางวิหารเฟิงฮ่าวเปิดเผยออกมา มันก็คือผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นเทพสงคราม 2 ดาราขึ้นไป
“เฮ่อ งั้นพวกมันก็สมควรมาทดสอบข้าบ้างไม่ใช่หรือไงให้นั่งเฉยๆอยู่แบบนี้ข้าก็เบื่อ เป็นนะ”
ถังซานเปายักไหล่ “ที่พวกเจ้ายังมีคนมาทดสอบเลย ไฉนไม่มีใครมาทดสอบข้าบ้างนะ”
สุดท้ายจวบจนจบรอบที่ 3 ถังซานเปาก็ได้แต่ผิดหวัง
รอบที่ 3 ของศึกอัจฉริยะกินเวลานานกว่า 10 วัน ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา มีหลายคนที่แพ้พ่ายถูกคัดออกแต่สามารถท้าทายเอาชนะและผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ได้สําเร็จ
และมีบางคนที่แพ้พ่ายแล้วแต่ท้าทายเอาชนะได้ ทว่ายังโดนผู้อื่นท้าจนแพ้ไปอีก สุดท้ายจึงหมดโอกาสผ่านเข้าสู่รอบที่ 4
ด้านต้วนหลิงเทียนกับซูหลี่ หลังจากที่โดนท้าไปวันแรกแล้ว ต่อมาก็ไม่มีใครคิดจะท้าทั้งคู่อีกเลย
หลิงเจวิ๋ยอวิ๋นก็เหมือนกัน
ถังซานเปาก็ไม่มีใครท้า
ที่ต้องกล่าวก็คือจางเทียนโย่วนั้น สามารถท้าทายเอาชนะผู้อื่นและกลับเข้าสู่ 300 อันดับได้อีกครั้ง อนิจจามันไม่ทันได้ดีใจนานนัก ก็ถูกผู้อื่นจัดการจนสิ้นวาสนากับรอบที่ 4. ว่างถึงเองก็ถูกเขี่ยตกรอบเช่นกัน
รอบที่ 3 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ จําต้องพึ่งพากําลังตัวเองถ่ายเดียว ไร้โชคและความบังเอิญอันใด
300 คนที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ได้ ไม่ว่าใครก็ล้วนเป็นผู้มีความสามารถทั้งสิ้น
เมื่อผลลัพธ์ออกมา จํานวนเทพสงคราม 1 ดาราที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ได้ ก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย..นี่จึงเป็นเหตุผลว่าไฉนวนหลิงเทียนกับซูหลี่ถึงไม่โดนท้าอีกเลย
ตอนแรกคนที่ท้าพวกเขา อาจจะแค่ทดสอบเท่านั้น
แต่พอเผยพลังฝีมือออกมาแล้ว ก็ไม่มีใครโง่พอจะเสียสิทธิ์ท้าท้ายอันมีค่าไปกับการท้าประลองทั้ง 2 แน่นอน
“พวกเราทุกคนล้วนตกรอบหมดแล้วหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้วล่ะ”
ว่างถึงถอนหายใจพลางกล่าว
และคําพูดของนางก็พูดกับต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ หลิงเจวิ๋ยอวิ๋นและถังซานเปา
หลังจากที่ได้นั่งด้วยกันและคุยกันหลานวัน ทุกคนก็รู้จักกันในระดับหนึ่ง
“เจ้าศิษย์คนที่ 4 ของจักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนเทียนนั่น ไม่แม้แต่จะผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ได้ ด้วยซ้ํา!”
จางเทียนโย่วเหลือบมองชาหนุ่มร่างกํายําที่พึ่งแพ้พ่ายกลับที่นั่งไปด้วยท่าที่ซึมเซาด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ทราบจริงๆ ว่าในกาลก่อนมันไปเอาความกล้ามาแต่ที่ใด ถึงได้ห้าวคิดท้าทายต้วนหลิงเทียน…”
ชายหนุ่งร่างกํายําที่กลับไปนั่งที่อย่างเหงาๆ ก็คือศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 4 ของจักรพรรดิสวรรค์ ซวนหยวนเทียน ถงถู
ตอนนี้จางเทียนโย่วหัวเราะกับความโชคร้ายของถงถูอย่างสนุกสนาน และราวกับมันลืมเลือนไปหมดแล้วว่าก่อนที่จะเดินทางมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน เดิมที่มันก็ประเมินต้วนหลิงเทียนต่ําไป ยังกล่าวกับว่างถึงว่าจะประลองกับต้วนหลิงเทียนสักครา