ตอนที่ 1816 ประมือกับกึ่งจักรพรรดิเป็นครั้งแรก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

หลังจากสังหารหญิงชุดงามหรูแล้ว ภายในร่างหลินสวินก็มีกระแสพลังมหามรรคอันผสมปนเปสายแล้วสายเล่า การหยั่งรู้อันยุ่งเหยิงนานาชนิดรวมตัวอยู่ภายใน

หลินสวินโคจรพลังปราณกำราบสิ่งเหล่านั้นทีละอย่าง ไม่ได้หลอมไปในทันที พลังมหามรรคเหล่านี้บ้างมีประโยชน์บ้างไร้ประโยชน์ ต้องใช้ความคิดแยกแยะ

สายตาของเขามองไปอีกทางหนึ่ง

ที่นั่นมีหลี่โผ ผู้อาวุโสของหอกระบี่ดาราเลิศที่แต่ชุดเขียวทั้งตัวยืนอยู่ ก่อนหน้านี้เขาหนีไปอย่างเสียขวัญ แต่ขณะนี้กลับหยุดอยู่ตรงนั้นอย่างผิดปกติ

แม้แต่สีหน้ายังไม่มีแววตื่นตระหนกแต่อย่างใด

“ดูท่าเจ้าจะมีแผนการซ่อนเร้นอยู่อีก”

ตาดำหลินสวินลุ่มลึก ไม่ได้ลงมือทันที

ก็เห็นว่าหลี่โผยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่เหมือนพวกเขา มั่นใจนักว่าเจ้าก็คือหลินสวิน”

“มั่นใจได้อย่างไร”

หลินสวินเลิกคิ้ว

หลี่โผชี้ที่ศีรษะของตน “สัญชาตญาณ บุคคลชั้นยอดบนโลกนี้มีไม่มาก พวกที่โด่งดังก็มีชื่อสะท้านทางเดินโบราณฟ้าดาราไปแล้ว มีเพียงเจ้าหลินเต้ายวน อย่างกับปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ด้วยพลังต่อสู้ที่เจ้ามีสมัยอยู่ระดับมกุฎมหาอริยะก่อนหน้านี้ก็มีชื่อสะท้านใต้หล้าได้แล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือคนอื่นกลับไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามาก่อน เรื่องนี้ผิดปกตินัก”

หลินสวินเอ่ย “เจ้าว่าต่อสิ”

หลี่โผดูเยือกเย็นนัก ยิ้มพูดว่า “แต่ตามที่ข้ารู้มา บนโลกนี้มีคนผู้หนึ่งที่ตัวตนลึกลับไม่อยากถูกพบเห็นเหมือนกับเจ้า นั่นก็คือหลินสวินที่อยู่อันดับหนึ่งบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ถ้ามองพวกเจ้าสองคนเป็นคนเดียวกัน เช่นนั้นหลายเรื่องก็เข้าใจได้ง่ายแล้ว”

หลินสวินพูด “มีอีกไหม”

หลี่โผยิ้มอย่างนึกสนุก “มีอยู่แล้ว คราวนี้ยังต้องขอบคุณเจ้ายิ่งนักที่ลงมือช่วยข้ากำจัดเหล่าคู่ต่อสู้ของหอกระบี่ดาราเลิศของข้า ตอนนี้ใครก็รู้ว่าพวกเขาตายด้วยน้ำมือหลินสวิน ส่วนข้าก็ไม่อาจเป็นศัตรูของเจ้าได้ ดังนั้น…”

หลินสวินคล้ายเข้าใจขึ้นมา เอ่ยว่า “ดังนั้นถ้าข้าตายที่นี่ ก็จะตายโดยไม่มีหลักฐาน ส่วนเจ้าก็ชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวข้าไปได้ ต่อให้รอดชีวิตออกไปจากที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคนอื่นสงสัยในตัวเจ้า ใช่ไหม”

หลี่โผชมเชย “สหายน้อยฉลาดหลักแหลมจริงๆ”

หลินสวินเอ่ยอย่างไม่เข้าใจว่า “แต่ในเมื่อเจ้ารู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แล้วไยถึง…”

พูดถึงตรงนี้ตาดำหลินสวินก็หดเกร็ง กล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”

เพิ่งพูดจบ

ขวับ!

เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบกลางอากาศ แต่งกายด้วยชุดนักพรต สวมเกี้ยวเหล็กบนศีรษะ ที่กรามไว้เคราสามด้าน รูปลักษณ์โดดเด่นดั่งเซียน

แต่พอหลินสวินได้เห็นคนผู้นี้เป็นครั้งแรก ก็ดูออกว่านี่คือกึ่งจักรพรรดิผู้หนึ่ง!

หลินสวินเคยเห็นคนใหญ่คนโตระดับกึ่งจักรพรรดิมาไม่รู้เท่าไร ตั้งแต่สมัยอยู่ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิของดินแดนรกร้างโบราณ ไม่มีทางดูผิดไปแน่

“เจ้าเข้าใจช้าไปหน่อยแล้ว”

ชายชุดนักพรตเอ่ยเฉื่อยชา เงาร่างของเขายืนเรื่อยเปื่อยอยู่ก็มีความน่าเกรงขามไร้รูปเหมือนเจ้าเหนือหัวผู้หนึ่ง

“คารวะอาจารย์ลุง”

หลี่โผก้าวออกมา ก้มตัวคารวะ

คนผู้นี้ก็คือชุยฝู อาจารย์ลุงของหลี่โผ ผู้อาวุโสสำนักหอกระบี่ดาราเลิศ สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งจักรพรรดิที่เร้นตัวจากโลกมานานแล้วผู้หนึ่ง!

“มิน่าถึงมั่นใจเช่นนี้ ที่แท้ก็มีแผนการซ่อนเร้นไว้ก่อนแล้วตามคาด”

หลินสวินทอดถอนใจ “ถ้าพูดเช่นนี้ ตอนนี้ข่าวในแดนลับต้าอวี่แห่งนี้ถูกปิดไปนานแล้วใช่ไหม”

หลี่โผสุขุมเยือกเย็น ยิ้มเอ่ยว่า “สหายน้อย เจ้ามีฐานะพิเศษ ฆ่าเจ้าเรื่องเล็ก แต่หากให้คนอื่นรู้ว่าวาสนาที่อยู่กับตัวเจ้าถูกพวกเราหอกระบี่ดาราเลิศได้ไป เช่นนั้นก็จะเป็นภัยยิ่งใหญ่ ยังดีที่ถึงอย่างไรหอกระบี่ดาราเลิศของข้าก็เป็นสำนักอันดับหนึ่งในโลกต้าอวี่ แค่ปิดข่าวบางอย่างย่อมสบายมาก”

“เหอะๆ น่าสนใจ”

หลินสวินก็ยิ้มขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเบื้องหลังการเข่นฆ่าครั้งนี้ถึงกับมีความลึกลับมากมายเช่นนี้อยู่

“ช่วยไม่ได้ วาสนาบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ชิ้นหนึ่งเชียวนะ เพียงพอจะทำให้ไม่ว่าสำนักไหนล้วนต้องการเข้าไปช่วงชิงโดยไม่เสียดายค่าตอบแทนทั้งหมด…”

หลี่โผทอดถอนใจ แววตาเจือความบ้าคลั่ง

หลินสวินหุบยิ้ม ดวงตาดำลุ่มลึก เอ่ยเสียงเรียบว่า “แต่พวกเจ้าแน่ใจจริงๆ หรือว่ากึ่งจักรพรรดิคนเดียวก็จะรั้งข้าได้”

หลี่โผนิ่วหน้า จากนั้นก็คลายสีหน้าลงพูดเย้าแหย่ว่า “สหายน้อย เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าเพิ่งบรรลุระดับก็จะข้ามหนึ่งระดับใหญ่ไปต้านกึ่งจักรพรรดิได้แล้ว”

พอพูดจบตัวเขาเองยังส่ายหน้าหัวเราะหยันขึ้นมา

กึ่งจักรพรรดิ!

ในโลกต้าอวี่แห่งนี้ก็ประดุจดั่งทวยเทพ แม้แต่มกุฎราชันอริยะก็ทำได้เพียงก้มหัวให้!

“คุยโวไม่ละลาย”

ชุยฝูในชุดนักพรตก็ยิ้มแล้ว เพียงแต่รอยยิ้มมีแต่ความเย้ยหยัน

เขาผลักฝ่ามือหนึ่งออกไป

โครม!

ประทับฝ่ามือมิดฟ้าแทรกสอดพลังอันคลุมเครือของระดับกึ่งจักรพรรดิ ปกคลุมลงไป

ความรู้สึกที่มอบให้ก็เหมือนฟ้าดินภูผาธาราแถบนี้แปรเปลี่ยนเป็นเล็กจ้อยลงเบื้องหน้าฝ่ามือนี้

นี่ก็คือกึ่งจักรพรรดิ ประหนึ่งจอมสวรรค์เยือนโลกา!

นัยน์ตาหลินสวินหดรัดลงเล็กน้อย พลังปราณทั้งร่างโคจรถึงจุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว ต้นแบบเขตแดนมรรคสะท้อนขึ้นเหนือหัวเขา ไอขุ่นมัวไหลเวียนพร่าเลือน

ปัง!

พอฝ่ามือนี้ตบลงมา เขตแดนมรรคพลันสั่นสะเทือน แต่กลับบดทำลายพลังฝ่ามืออันน่ากลัวไร้สิ้นสุดนั้นทุกกระเบียดได้ในที่สุด

แต่หลินสวินก็ไม่ได้สบายนัก เลือดลมทั้งกายปั่นป่วน

ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นกึ่งจักรพรรดิผู้หนึ่ง และตอนนี้พลังปราณมกุฎราชันอริยะขั้นต้นของเขาก็มีระดับต่างกันมากเกินไป

แต่หลินสวินไม่ท้อใจสักนิด กลับใจเต้นระส่ำ!

เมื่อก่อนสมัยอยู่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ คราอยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิ เขาแทบจะไร้พลังตั้งกระบวนท่า มองพวกเขาเป็นทวยเทพบนสวรรค์ ส่วนตัวเองเล็กจ้อยดุจมด

ทว่าตอนนี้ เขามีรากฐานพลังที่สามารถต้านระดับกึ่งจักรพรรดิได้แล้ว!

“หืม?”

ชุยฝูเผยสีหน้าประหลาดใจ “เพิ่งเป็นแค่ต้นแบบก็มหัศจรรย์ปานนี้แล้ว ถ้าให้เวลาเจ้าขัดเกลาอีกหน่อย เกรงว่าจะควบรวมเป็นเขตแดนมรรคที่มีคุณลักษณะล้ำเลิศแห่งหนึ่งได้แน่”

“อาจารย์ลุง ไม่ต้องไปพูดพร่ำทำเพลงกับเจ้านี่หรอก รีบๆ ฆ่ามันถึงจะเหมาะนะขอรับ”

หลี่โผเตือนอยู่ข้างๆ หลินสวินถึงกับประจันหน้ากับการโจมตีของชุยฝูได้ นี่ทำให้ใจเขาไม่สงบนัก ศีรษะชาหนึบ ไม่กล้าคาดเดาว่าถ้าให้หลินสวินเติบโตในระดับมกุฎราชันอริยะขึ้นมาจะน่ากลัวได้ปานไหน

แต่ไม่ทันรอให้ชุยฝูลงมืออีกครั้ง เงาร่างของหลินสวินก็หายลับไปกลางอากาศ ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวต่อหน้าชุยฝู แกว่งหมัดจู่โจมแล้ว

ตูม!

พลังที่เพิ่งถือเป็นต้นแบบเขตแดนมรรคเท่านั้นรวมตัวอยู่ในพลังหมัดของเขา สะท้อนปรากฏการณ์ประหลาดอัศจรรย์คล้ายเตาหลอมก็ไม่ใช่ เหมือนหุบเหวก็ไม่เชิง

ชุยฝูสีหน้าเฉยเมย อานุภาพอัศจรรย์บนร่างซัดสาด ชั่วพริบตาก็ประหนึ่งแปลงกายเป็นเทพอันสูงใหญ่ไร้สิ้นสุดองค์หนึ่ง ยื่นมือแกว่งออกไป

พลังทั้งสองปะทะกัน ฟ้าดินสั่นระรัว กระแสพลังอันไร้สิ่งใดเทียบเทียมปะทุออกดั่งภูเขาไฟ ม้วนตลบไปสิบทิศ

หลี่โผที่อยู่ใกล้กันยังถูกสะเทือนจนโซเซ แทบถูกซัดกระเด็นออกไป!

ในขณะเดียวกันเงาร่างหลินสวินก็ถูกสั่นโคลงจนถอยไปสองสามก้าว เลือดลมปั่นป่วน เพียงแต่ดวงตาดำของเขาเปล่งประกาย เลือดลมเดือดพล่าน จิตต่อสู้กลับยิ่งแกร่งกล้า

มีพลังถึงระดับอย่างเขา จะไปหวั่นกลัวกึ่งจักรพรรดิได้อย่างไร

“สู้!”

เงาร่างของเขาส่องแสง พลังดั่งรุ้งเทพผ่านฟ้า แกว่งหมัดจู่โจม มีความสง่างามเชื่อมั่นในตัวเองว่าไร้ศัตรูเทียบเทียมอยู่กลายๆ ต่อให้ราชันสวรรค์อยู่ตรงหน้า ก็ต้องฝ่าท่วงท่าไม่ครั่นคร้ามชนิดพลิกฟ้าคว่ำดินของเขาไปก่อน

ชุยฝูนิ่วหน้าเล็กน้อย

ในการเผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ หากเป็นราชันอริยะทั่วไปคงถูกฝ่ามือเดียวของเขาตบจนแหลกละเอียด แต่หลินสวินแค่ถอยหลังไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น

นี่ทำให้เขาหวาดหวั่นใจไปครู่หนึ่ง จะต้องมีมรรควิถีที่แกร่งกล้าปานใดกัน ถึงทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าเช่นนี้ในระดับนี้ได้

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ไม่ลังเลอีก เหยียบย่างออกไปในอากาศ

ตูม!

พอเขาก้าวเดิน ฟ้าดินสั่นโคลง หมู่ภูผาพังทลาย แสงเทพไร้สิ้นสุดแผ่กระจายออกมาจากร่างเขาไปด้วย

“กำราบ!”

เขาเปล่งเสียงมรรค นิ้วมือทำมุทราตวัดไปในห้วงอากาศ หลินสวินที่พุ่งฝ่ามาเหมือนถูกปราการสวรรค์ขวางต้าน ร่างกายถูกกระแทกลอยออกไปเสียงดังปึง

เขากลับเหมือนไม่เป็นอะไร ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “เจ้าเฒ่า กึ่งจักรพรรดิไม่ได้ความอย่างเจ้า เกรงว่าบนโลกนี้คงมีไม่กี่คน”

ท่ามกลางเสียงดูแคลน หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง โคจรพลังทั้งร่างถึงขีดสุด ตัวเขาคล้ายเปลี่ยนเป็นหุบเหวลึกเหวหนึ่ง เคลื่อนกวาดที่แห่งนั้น บดขยี้ห้วงอากาศสิบทิศ

เพราะถูกหลินสวินโจมตีตอบโต้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ใบหน้าชราของชุยฝูมีแววอับอายเล็กน้อย เขาส่งเสียงหึหยันครั้งหนึ่ง คว้าไปในห้วงอากาศ

เปรี้ยง!

กลางอากาศพลันมีสายฟ้านับหมื่นพันผ่าลงมา ทุกสายล้วนหนาเท่าถังน้ำ สีสันพร่างพราวตระการตาหาใดเทียบ กลิ่นอายทำลายล้างน่าครั่นคร้ามหลั่งไหลออกมา

มรรคอสนี มีพลังพิฆาตสูงสุด!

มิหนำซ้ำยังเป็นกึ่งจักรพรรดิผู้หนึ่งลงมือ สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไปแล้วพลังเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับอสนีเคราะห์ทัณฑ์สวรรค์แล้ว

ชั่วพริบตาหลินสวินก็ถูกฟาดกระเด็น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าขาดวิ่น แต่เขากลับยังหัวเราะหยัน “เป็นแบบนี้ต่อไป จะกลายเป็นตัวตลกในหมู่ผู้มากความสามารถแน่”

ไอสังหารดุร้ายปรากฏขึ้นกลางหว่างคิ้วชุยฝู เงาร่างฉายวาบ ควบคุมกฎเกณฑ์วายุอสนี ชักนำปรากฏการณ์ประหลาดทั่วหล้า สายฟ้าฟาดถล่ม อสนีบาตเริงระบำ

ตูม เปรี้ยงๆ!

ชั่วขณะเดียวฟ้าดินก็ปั่นป่วนขึ้นมา

ด้านหลินสวินก็เหมือนเรือเดียวดายที่อยู่ในพายุฝนอันบ้าคลั่ง ถูกกดข่มจนเงยหน้าไม่ขึ้น เงาร่างโซเซ ยับเยินถึงที่สุด

แต่ไม่ว่าชุยฝูจะโจมตีเช่นไร กลับไม่อาจสังหารเขาได้ในเวลาสั้นๆ

กระทั่งว่าแม้แต่อาการบาดเจ็บบนตัวหลินสวินยังฟื้นฟูขึ้นมาในระหว่างการห้ำหั่นครั้งแล้วครั้งเล่า

ประหนึ่งไร้มรณะไม่เสื่อมสลาย!

พลังอันแกร่งกล้าหาใดเทียบนั้นทำให้ชุยฝูหางตากระตุก ไอสังหารในใจยิ่งโชติช่วง หากสัตว์ประหลาดตัวจ้อยเช่นนี้รอดไป เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเภทภัยไร้สิ้นสุดในภายหลัง

ตูม!

อานุภาพของเขาซัดสาด ใช้กระบวนท่าพิฆาต ภูผาธารากว้างใหญ่ต่างปกคลุมไปด้วยอสนี สายฟ้าฟาดแน่นขนัดกระจัดกระจาย พลานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาทำให้หลี่โผที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ยังรู้สึกหายใจไม่ออก ตกตะลึงหัวใจจะวาย

แต่ที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือ ภายใต้การโจมตีเช่นนี้ต่อให้หลินสวินยับเยินหาใดเทียบ แต่กลับแบกรับไว้ได้คล้ายศิลากล้าก้อนหนึ่ง!

“เจ้าวิปริตนี่มาจากไหนกันแน่”

หลี่โผตกตะลึงอ้าปากค้าง สบถออกมาแล้ว

“เจ้าเฒ่า ตกลงเจ้าไหวหรือเปล่า”

หลินสวินกระอักเลือดไม่หยุด สีหน้าก็ซีดเผือดขึ้นมา แต่ดวงตาดำของเขาเปล่งประกายดั่งดวงดารา จิตต่อสู้ทั้งร่างทะลุเมฆ ดูโอหังได้ปานนั้น

กึ่งจักรพรรดิหรือ

ดูเหมือนจะไม่เท่าไรนะ…

“สวะตัวจ้อย!”

ชุยฝูเส้นเอ็นหน้าผากปูดโปน ถูกคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งดูถูกซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ทำให้เขาไฟโทสะคับอก โกรธจนเลือดขึ้นหน้า

โครม!

มือทั้งสองของเขาโอบอากาศราวกับกอดความว่างเปล่า เบื้องหลังเขามีรูปจำลองน่าตกตะลึงองค์หนึ่งอุบัติขึ้น คล้ายจอมเทพมหามรรค สุริยันจันทราขึ้นลง หมื่นดาราโคจร รูปลักษณ์น่าเกรงขาม ร่างกายมีแสงอนันต์ผุดออกมา

“เทพพิชิตสุริยัน!”

ชุยฝูตะคอกลั่น เสียงดังกึกก้องประหนึ่งวสันต์อสนี

ส่วนรูปจำลองดั่งจอมเทพที่อยู่เบื้องหลังเขาก็พลันแกว่งหมัด ซัดแสงเทพไร้สิ้นสุดกระแทกเข้าใส่หลินสวิน

หลินสวินนัยน์ตาหดรัดทันควัน

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ต่อสู้มาที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันตรายถึงขีดสุด ดั่งดาบแทงกระดูก

——