ตอนที่ 1817 พิฆาตกึ่งจักรพรรดิ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

หมัดเดียวราวกับเทพพิชิตสุริยัน!

นี่คือพลังที่แท้จริงของระดับกึ่งจักรพรรดิ ยามที่พลังหมัดซัดออกไป ฟ้าหมุนดินเคลื่อน เสียงมรรคดุจฟ้าคำราม เสมือนอาทิตย์ดวงใหญ่กลางเวิ้งฟ้าถูกหมัดนี้ซัดสะเทือนแตกกระจุย

ร่างกายหลินสวินแข็งทื่อ ภายใต้แรงกระตุ้นส่อวิกฤตรุนแรง ก็สำแดงไพ่เด็ดออกมาโดยไม่ลังเล

สวบ!

แสงที่คลุมเครือเจิดจ้าพุ่งโฉบออกมาจากชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของเขา

ชั่วพริบตาฟ้าดินดุจดั่งหยุดชะงัก เวลานิ่งงัน หมัดที่พุ่งแหวกอากาศเข้ามาของชุยฝูยังเหมือนภาพวาดที่ค้างแข็ง ค้างเติ่งอย่างแปลกพิสดาร

อภินิหารต้นกำเนิด… หยุดเวลา!

แทบจะเวลาเดียวกัน เงาร่างของหลินสวินหายวับกลางอากาศ ครู่ต่อมาก็โผล่อยู่ตรงหน้าชุยฝูแล้ว ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตกลางฝ่ามือเล็งเข้าที่หน้าผากของชุยฝู

วู้ม!

ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งโฉบออกมา

ความคมของมันไร้ทัดเทียม ไม่อาจปัดป้อง ภายในบรรจุนัยเร้นลับนานัปการ

วิชาชั้นยอดชั่วชีวิตของจักรพรรดิสงครามอู๋ยาง… ไปไร้หวน!

เมื่อชุยฝูตื่นจากสภาพ ‘หยุดเวลา’ นั้น ในครรลองสายตาก็ถูกแสงกระบี่เจิดจ้าท่วมท้นไปทั้งแถบ

แย่แล้ว!

นัยน์ตาเขาหดรัดทันควัน ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช่นนี้ไม่อาจเบี่ยงหลบเลยสักนิด ได้แต่ฝืนเข้าปะทะ

ตูม…

ท่ามกลางเสียงอึกทึกสะเทือนหู เงาร่างชุยฝูถูกปราณกระบี่นับไม่ถ้วนท่วมท้น ถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างแรง พร้อมๆ กับเสียงร้องโหยหวนน่าสลดดังสนั่น ก้องสะเทือนสี่ทิศ

“อาจารย์ลุง!”

หลี่โผที่อยู่ไกลๆ ตกใจหน้าถอดสี จิตหลุดขวัญผวา เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เหตุใดจู่ๆ ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เตรียมตั้งรับเลยสักนิด นี่มันกะทันหันเกินไป!

จากระดับของหลี่โผ ไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่าอภินิหารหยุดเวลานั้นมีอานุภาพและน่าสะพรึงปานใด เกี่ยวโยงถึงการใช้กฎระเบียบเวลาสูงสุด ต่อให้เป็นพวกระดับจักรพรรดิ ส่วนใหญ่ชั่วชีวิตล้วนไม่อาจหยั่งถึง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหลี่โผเป็นแค่ราชันอริยะคนหนึ่ง

แต่ที่ทำให้หลินสวินแปลกใจคือ ถูกซัดโจมตีระดับนี้ ชุยฝูถึงกับยังรอดชีวิต!

ท่ามกลางปราณกระบี่คละคลุ้ง เงาร่างเขารุ่งริ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เนื้อหนังทั่วร่างล้วนถูกรอยดาบแต่งแต้มกรีดผ่าน เลือดสดๆ ชุ่มโชก โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกถูกผ่าแหวก เนื้อปริหนังเปิด มองเห็นกระดูกลึกๆ อวัยวะภายในล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังรอดชีวิตมาได้!

นี่ก็คือความแข็งแกร่งของระดับกึ่งจักรพรรดิหรือ

ในใจหลินสวินไม่สงบอย่างยิ่ง การโจมตีนี้เขาใช้อภินิหารหยุดเวลาเป็นผนึก เกือบจะกระตุ้นพลังทั้งหมดในร่าง จากนั้นใช้ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตเป็นตัวนำ ปลดปล่อยกระบวนท่า ‘ไปไร้หวน’ อานุภาพระดับนั้น ล้วนเพียงพอจะฆ่ามกุฎราชันอริยะคนใดในใต้หล้าได้อย่างง่ายดาย

แต่ยามที่ต่อกรกับกึ่งจักรพรรดิ กลับทำได้เพียงโจมตีเขาบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้หลินสวินตระหนักได้ทันที ว่าตนยังประเมินความน่ากลัวของระดับกึ่งจักรพรรดิต่ำไป

กึ่งจักรพรรดิ!

อยู่เหนือเหล่าอริยะ เฉียดใกล้ระดับจักรพรรดิ พลังมหามรรคที่ครอบครองก็โน้มเอียงไปทางกฎระเบียบระดับจักรพรรดิ ไม่ใช่คนที่พวกอริยมรรคจะเทียบชั้นได้อย่างแน่นอน

“เจ้าเหลือขอ ข้าจะทำให้เจ้าไม่อาจแม้แต่ร้องขอความตาย!”

ท่ามกลางเสียงคำรามลั่นที่อาฆาตมาดร้าย ชุยฝูพุ่งกระโจนโฉบเข้ามา สภาพของเขาเกรี้ยวกราดเดือดดาลอย่างสมบูรณ์ ประหนึ่งจอมมารกระหายเลือด กลิ่นอายโหดเหี้ยมอำมหิตไร้ที่เปรียบ

กึ่งจักรพรรดิเช่นเขา เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสปานนี้เสียเมื่อไหร่ หนำซ้ำยังถูกคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งลอบโจมตี นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่ชัดๆ

สวบ!

หลินสวินเบี่ยงตัวหลบโดยไม่ลังเล เงาร่างหายวับไปจากจุดเดิม

ชุยฝูในยามนี้เสียสติอย่างสิ้นเชิง เผยอาการโกรธเกรี้ยวเดือดดาล แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถ้าหากโหมฆ่าสุดแรงเกิด เช่นนั้นผลที่ตามมาก็ไม่อาจคาดคิด

ตูม!

ผืนแผ่นดินแตกร้าว ห้วงอากาศปั่นป่วน จุดที่หลินสวินยืนอยู่แต่เดิมถูกซัดอย่างจังกลายเป็นแอ่งขนาดมหึมา กลิ่นอายทำลายล้างพวยพุ่ง

“หนีหรือ ไม่มีทาง!”

ชุยฝูคำรามลั่น น้ำเสียงสะเทือนชั้นเมฆ เขาผมเผ้ายุ่งเหยิง เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ เริ่มทำการไล่ล่าสังหารหลินสวิน

เพียงชั่วอึดใจเดียวสถานการณ์ของหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นอันตรายหมิ่นเหม่ ภายใต้การปิดครอบของพลังกึ่งจักรพรรดิ ทำให้ยามเขาเคลื่อนย้ายหลบหนีราวกับตกอยู่ท่ามกลางมรสุมฝนกระหน่ำ พลังกดดันน่าสยดสยอง

“ฆ่าเขา ต้องฆ่าเขาให้ได้…”

ไกลออกไปสองหมัดของหลี่โผกำแน่น พลังต่อสู้และความสามารถแฝงที่หลินสวินสำแดงออกมาน่ากลัวเกินไป ถึงกับสามารถโจมตีกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งให้เจ็บหนักได้ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกถึงไอเย็นวาบอย่างบอกไม่ถูก มารชั่วเช่นนี้หากรอดชีวิตหนีไปได้ จะกลายเป็นเสี้ยนหนามใหญ่ตำใจ!

ตูม!

พร้อมๆ กับเสียงกึกก้องกัมปนาท ยามหลินสวินหลบหลีกก็ถูกสายฟ้าไพศาลถาโถมกวาดผ่าน กระดูกเลือดเนื้อบริเวณไหล่ล้วนถูกแหวกกระจุย ไหม้เกรียมทั้งแถบ

ริมฝีปากเขากระอักเลือด เพียงแต่สีหน้ายังคงเรียบนิ่งไม่หวั่นไหว

กึ่งจักรพรรดิ?

ก็ไม่พ้นแค่นี้จริงๆ!

ในชีวิตนี้หลินสวินผ่านประสบการเข่นฆ่านองเลือดมาไม่รู้เท่าไหร่ เห็นความเป็นตายทรมานมาจนชิน สถานการณ์วิกฤตตรงหน้านี้ไม่อาจส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตของเขาได้สักนิด

“ตาย!”

เสียงคำรามเดือดสะท้านฟ้าดังก้อง ชุยฝูที่อานุภาพเหมือนบ้าคลั่งพุ่งทะยานเข้ามา เกรี้ยวกราดโหดเหี้ยม ไอสังหารระฟ้า บริเวณที่มือใหญ่ปิดครอบ สายฟ้าดุจภูผา แสงสว่างวาบราวกับสายน้ำตก

การโจมตีนี้ชุยฝูมีแนวโน้มว่าจะชนะ!

เขาดูเหมือนเดือดดาล แต่ความจริงกลับรู้ดีว่าภายใต้สภาพเจ็บหนัก หากไม่รีบจัดการหลินสวิน ขอเพียงตนฝืนยืนหยัดไม่ไหว ศุภโชค ‘บรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์’ ครั้งนี้ก็จะหลุดลอยไปอย่างสิ้นเชิง

นี่คือสิ่งที่เขาไม่มีทางยอมได้เด็ดขาด

และพร้อมกันนั้นเงาร่างหลินสวินหยุดชะงักกลางอากาศ สำแดงอภินิหารหยุดเวลาอีกครั้ง

ภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคยปรากฏขึ้น ทั่วหล้าประหนึ่งจมสู่การหยุดนิ่งอย่างสิ้นเชิง

ส่วนหลินสวินทะยานขึ้นมาข้างหน้า เสียบดาบหักทะลุหลังคอของชุยฝูอย่างจัง

พรวด!

เลือดสดสาดกระเซ็น การโจมตีที่ระดมพลังทั้งหมดของหลินสวินนี้น่าสะพรึงปานใด ก็เห็นลำคอและศีรษะของชุยฝูถูกซัดกระจุยอย่างจัง

แม้แต่ร่างไร้หัวของเขายังถูกลอบโจมตีด้วยประกายคมของดาบหัก ระเบิดแตกทุกกระเบียด สาดพรมดุจน้ำตกเลือด

ไม่อาจไม่พูดพวกระดับกึ่งจักรพรรดิทรงพลังจนน่าตกใจ ถูกโจมตีระดับนี้ เสี้ยววิญญาณของชุยฝูถึงกับดิ้นรนออกไปได้

เขาสีหน้าสยดสยอง คล้ายตระหนึกถึงอะไรบางอย่าง “นี่… ที่แท้ก็คืออภินิหา…”

ตูม!

ไม่รอให้พูดจบเสี้ยววิญญาณนี้ของชุยฝูก็ถูกเขตแดนมรรคที่หลินสวินสำแดงออกมาปิดครอบ ดับทำลายทั้งอย่างนั้น

ชุยฝู กึ่งจักรพรรดิผู้หนึ่ง ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหอกระบี่ดาราเลิศ ตายแล้ว!

ภาพนองเลือดนั้นมาพร้อมแรงโจมตีสะท้านสะเทือน ทำให้หลี่โผที่อยู่ไกลๆ นิ่งงันอยู่ตรงนั้น ขวัญหายจิตตก พึมพำเสียงหลง

“ทำไมถูกฆ่าแล้ว… อาจารย์ลุงเขาเป็นถึงกึ่งจักรพรรดิเชียวนะ… ไม่… นี่ต้องไม่ใช่เรื่องจริง…”

กลางฟ้าดินควันลอยคลุ้ง กลิ่นเลือดปะทะจมูก

กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งร่วงหล่น เลือดสดๆ และกลิ่นอายของเขาทำให้พื้นที่ในรัศมีสามพันลี้แถบนี้ล้วนกลายเป็นแดนมรณะนองเลือดที่เสื่อมโทรม ไร้ซึ่งพลังชีวิต

ลมเย็นเยียบหวีดหวิวราวกับดาบ คร่ำครวญโหยหวนประหนึ่งร้องไห้หลั่งน้ำตา

เวลานี้หากมีผู้ฝึกปราณมุ่งหน้ามา จะต้องถูกภาพเบื้องหน้านี้ซัดสะเทือน หวาดผวาและสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน!

เสียงตุ้บดังหนึ่งครา หลินสวินทรุดร่วงจากห้วงอากาศนั่งลงกับพื้น

เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าซีดขาวราวกับโปร่งแสง เสื้อผ้าขาดวิ่น มุมปากเจือคราบเลือด กลิ่นอายทั้งตัวอ่อนแอถึงขีดสุด

ถึงแม้อภินิหารหยุดเวลาจะพลิกฟ้า แต่ทุกครั้งที่สำแดงก็จะผลาญพลังกว่าครึ่ง เหมือนแผดเผาพลังแหล่งกำเนิดของตน

ยามนี้สำแดงสองครั้ง ได้สูบพลังทั้งตัวหลินสวินไปอย่างสมบูรณ์ ร่างกายตกสู่สภาพอ่อนเพลียหาใดเปรียบ

“กึ่งจักรพรรดิ ก็แค่นี้เอง!”

เมื่อเทียบกับความอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงของร่างกาย ในใจหลินสวินกลับมีอารมณ์ปั่นป่วนฮึกเหิม

สามวันก่อนเขาทะลวงระดับ เข้าสู่ระดับมกุฎราชันอริยะ

วันนี้ซึ่งเป็นสามวันให้หลังเขาฆ่าเหล่าราชันอริยะ ฆ่าระดับเดียวกัน ฆ่ากึ่งจักรพรรดิ นี่ก็คือพลังต่อสู้ที่เขามีในยามนี้

เมื่อเค้นถึงขีดสุด ก็สามารถพิฆาตกึ่งจักรพรรดิ!

“หลินสวิน ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย เพื่อแก้แค้นให้อาจารย์ลุง!”

ไกลออกไปหลี่โผพุ่งปราดเข้ามา สีหน้าเย็นเยียบ นัยน์ตาแดงก่ำ ทั่วใบหน้าล้วนเปี่ยมแววเขียวคล้ำ

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าช่างเคารพครูบูชามรรคดีแท้ แต่จุดประสงค์เกรงว่าคงไม่ใช้แก้แค้น หากแต่อยากช่วงชิงวาสนาต่างหากกระมัง”

นัยน์ตาหลี่โผทอประกายเย็นเยียบ “ทำหนึ่งได้สอง มีอะไรไม่ได้ตรงไหน”

เขาก้าวเข้าใกล้ทีละก้าว กลิ่นอายทั่วร่างกระตุ้นเร้าถึงขีดสุด ดีชั่วอย่างไรก็เป็นราชันอริยะขั้นสมบูรณ์คนหนึ่ง ย่อมมีอานุภาพสะท้านฟ้าอยู่ในตัว

เพียงแต่ครั้งนี้ยามเผชิญหน้ากับหลินสวินที่อ่อนเพลียหาใดเปรียบ กลับเห็นได้ชัดว่าหลี่โผระแวดระวังเป็นพิเศษ ท่าทางเหมือนประจันหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

ก่อนหน้านี้ราชันอริยมรรคทั้งกลุ่มที่มาจากเก้าโลกใหญ่ล้วนถูกหลินสวินสยบฆ่า ขนาดกึ่งจักรพรรดิชุยฝูก็ยังร่วงหล่น ฝีมือการต่อสู้ระดับนี้สามารถทำให้ใครก็ตามในใต้หล้าต่างใจสะท้าน

หลี่โผในฐานะประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตรงหน้า อันที่จริงจิตใจก็สะเทือนนานแล้ว ฝังเมล็ดพันธุ์ความกริ่งเกรงและหวาดผวาเอาไว้

เพราะฉะนั้นต่อให้มั่นใจว่าหลินสวินแทบจะเป็นตะเกียงไร้น้ำมัน เขาก็ไม่กล้าเลินเล่อชะล่าใจสักเสี้ยว

หลินสวินนั่งอยู่บนพื้น มองดูหลี่โผที่เดินเข้ามาทีละก้าว อดเผยรอยยิ้มเยาะหยันออกมาไม่ได้ กล่าวว่า

“เจ้าเฒ่า เจ้าคิดว่าหากข้าใช้วิธีบรรลัยวายวอดกันทั้งสองฝ่ายมาสู้สุดชีวิตกับเจ้า เจ้ายังจะต้านไหวหรือไม่”

หางตาหลี่โผกระตุกวูบ ฝีเท้าก็หยุดชะงักเช่นเดียวกัน จากนั้นก็กล่าวเสียงอึมครึม “ใกล้ตายรอมร่อ ยังข่มขู่ข้าอีก ไม่รู้จักดีชั่ว”

พรึ่บ!

เขาพลันโบกแขนเสื้อ เรียกกระบี่มรรคสว่างไสวเล่มหนึ่งออกมา ฟันแหวกอากาศเข้าใส่หลินสวินที่อยู่ไกลๆ

ระยะห่างเท่านี้เหมาะแก่การลงมือเป็นที่สุด ต่อให้หลินสวินสู้สุดใจ เขาก็มั่นใจว่าจะเคลื่อนย้ายหลบหนีได้ทันเวลา

หากหลินสวินต้านกระบี่นี้ไม่อยู่ นั่นย่อมเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

น่าเสียดาย ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินล้วนไม่ได้ขยับเขยื้อน แค่มองดูเงียบๆ เช่นนั้น แววเยาะหยันทั่วใบหน้ายิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

ก็เหมือนกับมองดูหนอนน่าสสงสารที่ไม่รู้จักเป็นตายตัวหนึ่ง

สิ่งนี้ทำให้หลี่โผอึดอัดยิ่ง ภายในใจเดือดดาล แต่ครู่ต่อมาเขาก็อึ้งงัน

กระบี่มรรคเล่มนั้นที่ถูกเขาฟันออกไป ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งกำไว้กลางอากาศ สบายๆ ราวกับกำใบไม้ใบหนึ่งก็ไม่ปาน

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

เสียงแตกระเบิดชัดเจนดังขึ้น กระบี่มรรคที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าเล่มนั้น ถูกมือใหญ่นั่นคว้าทำลายดุจกระดาษเปื่อย กลายเป็นละอองแสงโปรยปรายลงมาจากง่ามนิ้ว

“นี่…”

หลี่โผราวกับถูกอสนีบาต นัยน์ตาเขาขยายกว้าง คราวนี้จึงเห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ในที่นั้นชายชราเงาร่างกำยำเลือนราง สวมชุดนักพรตคนหนึ่งปรากฏขึ้น

มองปราดเดียวหลี่โผก็รู้สึกเพียงว่าจิตมรรคแทบแตกสลาย บังเกิดความพรั่นพรึงยิ่งใหญ่ ร่างกายราวกับตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง จวนจะขาดอากาศหายใจ

“จะ… เจ้าเป็นใคร ถึงกับกล้าขวางหอกระบี่ดาราเลิศอย่างข้าไม่ให้ฆ่าศัตรู”

หลี่โผตะกุกตะกัก หัวสมองว่างเปล่า

“คนทั่วหล้าต่างเรียกข้าว่าจักรพรรดิดาบชิงหยาง”

ชายชราชุดนักพรตสีหน้าราบเรียบ เหลือบมองเขาปราดหนึ่ง

หลี่โผพังทลายในทันที

จักรพรรดิดาบชิงหยาง!

นี่เป็นถึงพวกในตำนานที่ชื่อเสียงก้องฟ้าดาราแต่นานมาคนหนึ่ง เป็นยักษ์ใหญ่ระดับจักรพรรดิผู้เป็นหนึ่งไม่มีสองในเขตแดนดาราจื่อเหิง!

เพียงแต่หลี่โผทุบหัวจนแตกก็คิดไม่ออก ว่าจักรพรรดิดาบชิงหยางที่หายสาบสูญไปอย่างประหลาดไม่รู้กี่ปี เหตุใดถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้

จู่ๆ หัวใจหลี่โผก็กระตุกวูบ โค้งคารวะอย่างนอบน้อม กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านก็มาเพราะศุภโชคบนตัวเจ้าหมอนั่นด้วยหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ผู้น้อยย่อมไม่กล้าคิดเข้าไปยุ่ง ขอตัวลาตรงนี้”

หลินสวินและอวี่ชิงหยางต่างอดยิ้มไม่ได้ สายตาเจือแววสมเพช เจ้าหมอนี่ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจสินะ