ตอนที่ 3481

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3481 : วิถีควบคุม

 

       ต้วนหลิงเทียนนั้น ในรอบที่ 3 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ ก็ได้ลงมือกำจัดเทพสงคราม 2 ดาราได้ในกระบวนท่าเดียว โดยอาศัยมรรคากระบี่มิติ

 

  หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครกล้าท้าต้วนหลิงเทียนประลองอีกเลย

 

  กล่าวได้ว่า ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังจะลงประลองเป็นนัดที่ 2

 

  “คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนเรียกว่า โจวเส้าคุน…ว่าแต่โจวเส้าคุนมันเป็นผู้ใดกันล่ะ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย จะใช่ผู้ฝึกตนเร้นกายหรือไม่?”

 

  หลายคนพอเห็นว่าคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนอย่างโจวเส้าคุนชื่อไม่คุ้นหู ก็อดคิดถึงถังซานเป่ากับจงกุ้ยอวี่ขึ้นมาไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะถังซานเป่าหรือจงกุ้ยอวี่ ก่อนจะลงมือก็ไม่มีใครรู้จักทั้งสิ้น แต่พอลงมือก็ทำให้ผู้คนตกใจกันยกใหญ่

 

  เพราะทั้งคู่ได้เผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา!

 

  ตอนนี้พอเห็นว่าคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนก็เป็นผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนามเหมือนกัน พวกมันก็เลยอดคิดไปแบบนั้นไม่ได้

 

  อย่างไรก็ตามความคิดวาดหวังของพวกมันก็มีอันต้องทลายลงในพริบตา เพราะมีบางคนเอ่ยขึ้นมาว่า “โจวเส้าคุนนั่นมันเป็นนายน้อยของนิกายอมตะเทียนคุน ขุมกำลังระดับสวรรค์ของอวี่ฮั่วเทียน พลังฝีมือบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 2 ดาราตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อน อย่างไรก็ตามในรอบที่ 2 มันก็ยังเปิดเผยพลังฝีมือออกมาแค่ระดับเทพสงคราม 2 ดาราเท่านั้น”

 

  โจวเส้าคุนนั้น สำหรับระนาบอวี่ฮั่วเทียนแล้วนับว่ามีชื่อเสียงไม่น้อย

 

  ทว่าในระนาบเทวโลกทั้งมวล มันก็ไม่ถือว่าโด่งดังอะไรมากมาย หากไม่ใช่ผู้ที่แวะเวียนไปอวี้ฮั่วเทียนบ่อยๆก็คงไม่รู้จัก

 

  อย่างไรก็ตามพอมีคนของอวี้ฮั่วเทียนกล่าวแนะนำตัวตนของโจวเส้าคุนออกมา หลายๆคนก็เริ่มส่ายหัว “วิหารเฟิงฮ่าวตั้งใจดูแลต้วนหลิงเทียนหรือไร…เห็นได้ชัดว่าจงใจจัดคนที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ให้ต้วนหลิงเทียนชัดๆ”

 

  “เจ้าพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก…หากในอดีตโจวเส้าคุนผู้นั้นมันซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้เล่า? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอยู่ๆพวกระเบิดพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาเหมือนจงอุ้ยอวี่กับถังซานเป่า? แถมไม่ต้องพูดถึงเทพสงคราม 5 ดาราด้วยซ้ำ ขอแค่มันเป็นเทพสงคราม 4 ดารา ก็ไม่แน่ว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นคู่มือของมันได้!”

 

  “ใช่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะมีม้ามืด 2 ตัวที่น่าทึ่งอย่างถังซานเป่ากับจงกุ้ยอวี่ปรากฏขึ้นในศึกอัจฉริยะสวรรค์…แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีม้ามืดโผล่ออกมาติดๆหรอก ถึงแม้ว่าจะมีก็ไม่น่าจะเป็นดั่งสัตว์ประหลาดเยี่ยง 2 คนนั่น! สำหรับโจวเส้าคุนที่ว่า ดูทรงแล้วข้าเองก็ไม่คิดว่ามันจะมีพลังฝีมือซ่อนเร้นอะไรมากมายหรอก”

 

  …

 

  ท่ามกลางเสียงออกความเห็นดังระงม ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเหินร่างออกจากอัฒจันทร์ที่นั่ง อีก 9 คนที่มีชื่อปรากฏขึ้นเหมือนกัน ก็พากันเหินร่างแยกย้ายเข้าสู่สังเวียนของตัวเช่นกัน

 

  และโจวเส้าคุนคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียน ก็เป็นชายหนุ่มมาในชุดคลุมขนสัตว์แลดูหรูหราสง่างามบอกี่ห้อคุณชานายน้อยจ๋า แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของมันจะแลดูธรรมดา เรียกว่ายากจะหาตัวมันพบอีกครั้งหลังปล่อยให้ปะปนไปกับฝูงชนก็ตามที…

 

  “ต้วนหลิงเทียน”

 

  โจวเส้าคุนเมื่อมาถึงสังเวียน ก็มองต้วนหลิงเทียนครู่หนึ่ง จากนั้นสายตาที่สงบของมันก็เผยความเร่าร้อนขึ้น “ข้ารู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเลย…แต่ข้าก็อยากเห็นฝีมือของเจ้า”

 

  “อ่า”

 

  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

  อีก 8 คนที่อยู่ในสังเวียนข้างๆ เดิมทีคิดว่าจะรอดูชมการประลองระหว่างต้วนหลิงเทียนกับโจวเส้าคุนก่อนค่อยประลองกันเอง เพราะไม่แน่อาจจะเป็นศึกอันดุเดือดระหว่างพยัคฆ์มังกร แต่พอมาได้ยินวาจาดังกล่าวของโจวเส้าคุน แต่ละคนก็รู้สึกเสียศูนย์อยู่บ้าง!

 

  โจวเส้าคุนผู้นี้…พวกล่อกล่าวคำยอมแพ้ออกมาก่อนจะทันได้เริ่มสู้ด้วยซ้ำ!

 

  “เช่นนั้นข้าขอลงมือก่อนแล้ว”

 

  หลังโจวเส้าคุนกล่าวกับต้วนหลิงเทียนจบคำ ทั่วร่างมันก็ปรากฏพลังสีมรกตลุกโชนขึ้นมาปานเพลิงไฟ จากนั้นมวลพลังรอบกายก็สั่นไหว ก่อนอุบัติเถาวัลย์สีเขียวทิ่มแทงออกมาจากความว่างเปล่า พุ่งจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยสภาวะราวงูเหลือมตัวเขื่องพิโรธ!

 

  อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนที่เผชิญหน้ากับการจู่โจมเข้าใส่ของโจวเส้าคุนนั้น อาศัยการเคลื่อนย้ายข้ามมิติเล็กน้อย ก็สามารถหลบการจู่โจมของโจวเส้าคุนได้ไม่ยาก แถมยังไปผุดโผลด้านหลังจุดอับสายตาของมันอีกด้วย

 

  ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!

 

  …

 

  อย่างไรก็ตามโจวเส้าคุนคล้ายมองเห็นอนาคตว่าต้วนหลิงเทียนจะหลบเช่นนี้แต่แรก ทันทีที่ร่างต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง เถาวัลย์ก็ทิ่มแทงออกมาจากความว่างเปล่าฉับไว และพุ่งทะลวงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างแม่นยำปานมีดวงตางอกเงย!

 

  ‘พังให้ข้า’

 

  ต้วนหลิงเทียนคราวนี้ไม่คิดหลีกหลบอะไร เพียงกล่าวในใจอย่างเงียบงัน จากนั้นความว่างเปล่ารอบตัวเขาก็เริ่มสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลาย!

 

  ทันใดนั้นเถาวัลย์ที่ทิ่มแทงเข้าใส่ ก็ถูกพลังมิติอันร้ายกาจบดขยี้ทำลายจนเริ่มแหลกเป็นชิ้นๆ! เรียกว่าตอนนี้คล้ายพื้นที่รอบตัวต้วนหลิงเทียนเป็นสถานที่ต้องห้าม! ยกเว้นต้วนหลิงเทียน…ไม่ว่าใครก็ตามไม่ได้รับอนุญาตให้เฉียดใกล้!!

 

  “นั่นมันพลังอะไรกัน…”

 

  โจวเส้าคุนย่อมไม่ทราบว่าบัดนี้ ต้วนหลิงเทียนกำลังลองใช้วิถีควบคุมที่บรรลุความเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้น มันคิดเพียงว่าต้วนหลิงเทียนกำลังใช้พลังจากการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติอันแปลกประหลาด

 

  “ต้วนหลิงเทียน หากการโจมตีกระบวนท่านี้ของข้า เจ้ายังสามารถรับไว้ได้อีก ข้าจะลงจากสังเวียนเอง”

 

  โจวเส้าคุนกล่าวคำด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากนั้นในมือก็ปรากฏไม้พลองแลดูไม่ธรรมดาขึ้น หลังถ่ายทอดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลงไป ตัวพลองก็ระเบิดพลังอำนาจของกฏแห่งไม้ออกมาอย่างรุนแรง จากนั้นตัวพลองที่คล้ายทำจากไม้ชนิดหนึ่งก็เสมือนลับกลายเป็นมีชีวิตขึ้นมา มันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต จากนั้นก็มีเถาวัลย์ไม้เลื้อยงอกเงยออกมาอย่างมหาศาลในฉับพลัน!

 

  ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!

 

  …

 

  เถาวัลย์นับสิบนับร้อยสายที่งอกเงยออกมาจากไม้พลองของโจวเส้าคุน ก็เริ่มสานถักกันอย่างแน่นหนา จนกลับกลายเป็นดั่งเสามหึมาต้นหนึ่ง จากนั้นก็ปรากฏพลังมหาศาลเจิดจ้าขึ้นมาจากตัวพลอง ฟาดทุบเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนตรงๆ!!

 

  ปง!!

 

  ซู่มมมม!!

 

  …

 

  เถาวัลย์นับสิบนับร้อยที่สานถักจนกลายเป็นเสามหึมา ไม่ทราบอัดแน่นไปด้วยพลังเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่! ตัวเสาอันเขื่องสูงใหญ่ปานจะค้ำฟ้า ฟาดแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงจนห้วงอากาศแตกระเบิดสนั่น! สภาวะประหนึ่งจะฟาดทุบทำลายขุนเขา จี้เข้าใส่ศีรษะต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย!!

 

  อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญหน้ากับเสาไม้มหึมาที่ฟาดทุบมาด้วยสภาวะพลังแกร่งกล้า ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

 

  ฉากเรื่องราวดังกล่าว ยังทำให้ผู้ที่ชมดูอยู่อดแปลกใจไม่ได้

 

  “การโจมตีท่านี้ของโจวเส้าคุน เห็นได้ชัดว่ามันรวมรั้งพลังทั้งหมดเอาไว้แล้ว จากอานุภาพพลังเห็นได้ชัดว่าถึงขีดสุดของพลังระดับเทพสงคราม 2 ดาราแน่นอน…แต่ต้วนหลิงเทียนนั่น กระทั่งโจวเส้าคุนมันทุบฟาดมาเต็มเหนี่ยวขนาดนี้ กลับไม่คิดจะหลบบ้างหรือไร?”

 

  “นั่นสิ พลองนี้ของโจวเส้าคุนต่อให้เป็นเทพสงคราม 3 ดารา หากจะรับตรงๆอย่างน้อยก็ต้องเร่งเร้าพลังเต็มที่ หรือไม่ก็ต้องเลือกที่จะหลีกหลบ…แล้วต้วนหลิงเทียนนั่นมันคิดทำอะไรกันแน่?”

 

  …

 

  ท่ามกลางสายตาของทุกคน เสาไม้มหึมาที่เกิดจากการสานถักของเถาวัลย์นับสิบนับร้อยของโจวเส้าคุน บัดนี้ก็ได้แหวกฟ้าลงมาห่างศีรษะต้วนหลิงเทียนไม่ถึง 10 หมี่แล้ว และระยะดังกล่าวเรียกว่าเสี้ยวของเสี้ยวพริบตาก็คงบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียนแน่นอน!

 

  เรียกว่าด้วยระยะสั้นๆดังกล่าว ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะเป็นเทพสงคราม 3 ดาราชนชั้นสุดยอดฝีมือ แต่หากจะหลบก็หลบไม่ทันแน่นอน! เพราะมันสายเกินกว่าจะหลบแล้ว!!

 

  “ที่แท้ต้วนหลิงเทียนคิดทำอะไรกันแน่!?”

 

  จังหวะนี้หลายคนอดไม่ได้ที่จะสงสัยกับการนิ่งเฉยของต้วนหลิงเทียน ด้วยไม่ทราบว่าไฉนป่านนี้แล้วต้วนหลิงเทียนยังไม่เร่งเร้าพลังต้านทาน หรือแม้แต่จะคิดหลบหนีอะไรเลย

 

  อย่างไรก็ตาม เสี้ยวพริบตาต่อมา ฉากเรื่องราวที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ก็เป็นต้วนหลิงเทียนทำให้พวกมันต้องตกตะลึงกันอีกครั้ง

 

  เพราะพวกมันเห็นว่า เมื่อเสาไม้อันเขื่องนั่นห่างจากศีรษะต้วนหลิงเทียนราว 5 หมี่ ก็คล้ายมันล่วงล้ำเข้าสู่เขตหวงห้าม ที่ทรงพลังอำนาจเกินต้านทาน! เสาไม้มหึมาที่รวมรั้งพลังทั้งหมดของโจวเส้าคุนมิคาดคล้ายกระบองแก้วเปราะบาง เริ่มแตกสลายกลายเป็นละอองธุลี! ราวกับรัศมี 5 หมี่รอบตัวต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยพลังป่นทำลายอันน่าสะพรึงกลัว!!

 

  และหากใครสังเกตให้ดีจะพบว่า

 

  พลังอำนาจที่ทำลายเสาไม้อันเขื่องนั้นช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน มันเป็นการทับซ้อนสั่นไหวของห้วงมิติ เรียกว่าห้วงมิตินั้นกำลังบิดพับทับซ้อนเป็นทบๆด้วยความเร็วที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า หากไม่สังเกตให้ดีก็คงยากจะพบเห็น

 

  พริบตาต่อมาเสาไม้อันเขื่องก็สลายหายไปสิ้น ไม่แม้แต่จะได้แตะถูกชายเสื้อต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ

 

  “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

  “นั่นมันวิธีการอันใด? ความลึกซึ้งของกฏมิติทำอะไรเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?”

 

  …

 

  เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายที่ชมดูเรื่องราวอยู่พากันตกตะลึงงด้วยความไม่เข้าใจ

 

  อย่างไรก็ตามจักรพรรดิสวรรค์บางคน รวมถึงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาต่างๆที่นั่งชมดูอยู่ ก็ถึงกับลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียง! เพราะพวกมันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาแต่ละคนพากันมองจ้องไปยังร่างในชุดสีม่วงที่ลอยล่องอยู่ด้วยความตกใจ!!

 

  ฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักที่กำกับดูแลการประลองในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ก็ถึงกับมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเบิกกว้าง!

 

  เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายมองไม่ออกว่าต้วนหลิงเทียนลงมืออย่างไร แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะมองไม่ออกไปด้วย!

 

  “วิถีควบคุม! เป็นวิถีแห่งการควบคุม!!”

 

  “สวรรค์!! ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ไม่เพียงเข้าใจมรรคากระบี่มิติจากมรรคากระบี่ทำลายล้าง…แต่ยังเข้าใจวิถีควบคุมด้วยงั้นหรือ!?”

 

  “ปีศาจน้อยอันร้ายกาจนัก! มันจะร้ายกาจผิดมนุษย์มนาไปหน่อยแล้ว!!”

 

  “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมีวาสนาได้รับศิษย์เช่นนี้ ช่างโชคดีเหลือเกิน!”

 

  “ให้ตายเถอะ ยังไม่ทันบรรลุถึงขอบเขตเทพกลับเข้าใจ 2 วิถีแล้ว…แม้จะเข้าใจแค่วิถีเดียว แต่เรื่องที่จะกลายเป็นเทพก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ทว่านี่ยังไม่ทันบรรลุเทพกลับเข้าใจได้ถึง 2 วิถี! ตัวตนเช่นนี้หลังบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วต้องร้ายกาจจนน่ากลัว!!”

 

  …

 

  ในสายตาของเหล่าจักรพรรดิสวรรค์และคนของวิหารเฟิงฮ่าว ขอเพียงต้วนหลิงเทียนไม่ตกตายเสียกลางทาง ด้วยศักยภาพพรสวรรค์ระดับนี้ ย่อมบรรลุถึงขอบเขตเทพได้แน่นอน!

 

  อีกทั้งความเข้าใจของต้วนหลิงเทียนนั่น กระทั่งแพะชราที่อยู่มานานนับแสนนับล้านปียังต้องอิจฉา!

 

  “วิถีควบคุม?”

 

  จังหวะนี้กระทั่งฟงชิงหยางเองก็ต้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ มันเองก็พึ่งรู้บัดเดี๋ยวนี้ว่าที่แท้ศิษย์ของตัวเองกลับเข้าใจวิถีควบคุมด้วย เพียงอาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิดก็ควบคุมห้วงมิติรอบกายได้อย่างเลิศล้ำ ทำให้รัศมีรอบกายเป็นดั่งสถานที่พำนักอันศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจให้ใครล่วงล้ำ

 

  “น้องฟงท่าน…หรือท่านเองก็ไม่ทราบว่าศิษย์หลานต้วนเชี่ยวชาญวิถีควบคุมด้วย?”

 

  ติงฟู่ จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนที่เห็นท่าทีของฟงชิงหยาง ก็เดาได้ไม่ยาก

 

  “อืม”

 

  ฟงชิงหยางพยักหน้า

 

  “ท่านได้รับศิษย์ประเสริฐโดยแท้”

 

  ติงฟู่กล่าวด้วยความชื่นชม “ดูจากวิถีควบคุมที่ศิษย์หลานต้วนสำแดงออกมา…ข้ารู้สึกว่าความเข้าใจในวิถีควบคุมของศิษย์หลานต้วน มันไม่ได้ด้อยไปกว่าความเข้าใจในวิถีกลืนกินของข้าเลย?”

 

  “ตอนนี้ข้าอดสงสัยไม่ได้จริงๆ…ว่าหลังจากศิษย์หลานต้วนบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว พลังอำนาจจะร้ายกาจก้าวไกลไปได้ถึงขั้นใด?”

 

  ในสวรรค์และโลกนั้นมีจตุรวิถี พลังอำนาจก็ขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณของผู้ใช้

 

  หลังจากบรรลุถึงงขอบเขตแล้ว จิตวิญญาณก็จะบังเกิดความเปลี่ยนแปลงอันสะท้านสะเทือนแดนดิน กลับกลายเป็นจิตวิญญาณเทพ และการใช้จิตวิญญาณเทพขับเคลื่อนจตุรวิถีในสวรรค์และโลก พลังอำนาจของมันก็จะทรงพลังเหนือล้ำสุดที่การขับเคลื่อนจตุรวิถีในสวรรค์และโลกด้วยจิตวิญญาณเซียนอมตะจะเทียบได้

 

  “วิถีควบคุม…”

 

  ในสถานที่จัดการประลองศึกอัจฉริยะ ก็มีอัจริยะรุ่นเยาว์ 2-3 คนที่สามารถมองการลงมือของต้วนหลิงเทียนได้ออก ว่าเป็นวิธีการอันใด หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเองก็เป็นหนึ่งในนั้น มันเองก็ถึงกับลุกขึ้นยืนดังพรวด สายตาที่มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนฉายแววซับซ้อนนัก!

 

  มรรคากระบี่มิติ!

 

  วิถีควบคุม!

 

  แม้จะพึ่งสำเร็จในขั้นตอนเบื้องต้น แต่การที่สามารถเข้าถึง 2 วิถีได้ตั้งแต่ยังไม่บรรลุขอบเขตเทพ ตัวตนเช่นนี้ต่อให้เป็นในระนาบเทพเอง ก็เรียกว่ายากจะพบเจอในประวัติศาสตร์อันยาวนานของระนาบเทพด้วยซ้ำ!

 

  และบรรดาผู้ที่มีความสามารถถึงระดับนี้ ไร้ซึ่งข้อยกเว้นใดๆล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เกิดในระนาบเทพ เรียกว่าเป็นคนของระนาบเทพพื้นเมืองทั้งสิ้น!

 

  มันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าในระนาบเทวโลก จะมีผู้ใดสามารถบรรลุความเข้าใจของ 2 วิถีได้ก่อนบรรลุถึงขอบเขตเทพ!

 

  เพราะนี่คือ จตุรวิถีในสวรรค์และโลก! พลังอำนาจที่ลี้ลับยากหยั่งถึงที่สุดในสวรรค์และโลก!

 

  ยังเป็น ‘เกณฑ์’ ในการบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด!