บทที่ 1612 ไม่ยอมไกล่เกลี่ย

The king of War

บทที่ 1612 ไม่ยอมไกล่เกลี่ย

หลังจากมีดสั้นลอยไปทางหยางเฉิน และไม่ได้แทงเข้าร่างกายของเขา แต่ว่าถูกหยางเฉินกุมเอาไว้
ชั่วขณะนั้นที่มือเขากุมมีดสั้นไว้ กลิ่นอายอันมหาศาล ระเบิดออกจากบนตัวเขา
หยางเฉินมีภาพลวงตาบางอย่างขึ้นฉับพลัน มีดเล่มนี้เหมือนเดิมทีเป็นของตนเอง โดยเฉพาะยังมีความรู้สึกคุ้นเคยแบบน่าประหลาดใจ
“ฆ่า!”
เขาตะโกนขึ้นทีหนึ่ง โฉบตัวผ่านไป ชั่วพริบตาเดียว ก็ปรากฏตัวด้านหน้าของผู้แข็งแกร่งเพ้าดำแล้ว
เห็นเพียงมีดในมือของเขา กรีดเป็นเส้นโค้งที่สวยงามเส้นหนึ่งอยู่กลางอากาศ แล้วแทงเข้าไปยังบริเวณหัวใจของผู้แข็งแกร่งเพ้าดำโดยตรง
ลูกตาของผู้แข็งแกร่งเพ้าดำหดตัวลง ออกแรงที่เท้าอย่างฉับพลัน ร่างกายถอยออกไปด้านหลัง
แต่ว่า หยางกลับตามเข้าไปติดๆ มีดอยู่ห่างจากตำแหน่งหัวใจของผู้แข็งแกร่งเพ้าดำใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
หยางเฉินท่าทางดุร้าย ตอนที่มองทางผู้แข็งแกร่งเพ้าดำ ในสายตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาตอันดุเดือด
“ตายไปซะ!”
เขาตะโกนเสียงดัง มีดในมือปรากฏอยู่ที่ตำแหน่งหัวใจของผู้แข็งแกร่งเพ้าดำโดยตรง
“ป้าบ!”
ในชั่วเวลาพริบตาเดียว มีมือข้างหนึ่งปรากฏขึ้นกะทันหัน จับบนข้อมือของหยางเฉินไว้แล้ว
และเวลานี้ ระยะห่างของมีดกับตำแหน่งหัวใจของผู้แข็งแกร่งเพ้าดำ มีเพียงหนึ่งเซนติเมตรสุดท้าย ตามองเห็นว่าจะแทงเข้าร่างกายของเขา
“ปู่เหมียว!”
ตอนที่หยางเฉินมองเห็นผู้อาวุโสที่จับข้อมือตนเองไว้ ท่าทางตกใจ
ความโกรธบนตัวของเขา เลือนหายไปในชั่วพริบตา
เจ้าเมืองเหมียวมองทางหยางเฉินแบบยิ้มแย้มแล้วพยักหน้า “ในที่สุดก็กระตุ้นลายตระกูลได้แล้วนะ!”
หยางเฉินตะลึงครู่หนึ่ง ถึงถามว่า “ปู่เหมียวครับ ที่ท่านพูดมาหมายความว่าอะไรครับ?”
เจ้าเมืองเหมียวพูดจาแบบเบิกบาน “นายวางมีดลงมาก่อน”
หยางเฉินมึนงงพอสมควร ถึงแม้อยากจะแก้แค้นแทนพ่อแม่ตนเองให้สาสม แต่ว่าเจ้าเมืองเหมียวให้เขาวางมีดลงมา เขาไม่วางไม่ได้
หลังเห็นหยางเฉินวางมีดลง
เจ้าเมืองเหมียวถึงหัวเราะแล้วบอกว่า “ความจริง เขาคือเหมียวเจิ้นตงผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งที่อยู่ข้างกายฉันเอง และไม่ได้เป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ของนาย ไม่เพียงแค่นี้ ภายใต้การช่วยเหลือของเขา
นายยังกระตุ้นลายตระกูลอย่างราบรื่นอีกด้วย”
“ตอนนี้นายสัมผัสดูสักหน่อย สามารถรู้สึกได้ถึงความสามารถของตัวเองเพิ่มขึ้นฉับพลันหรือเปล่า?”
ฟังคำพูดของเจ้าเมืองเหมียวแล้ว หยางเฉินอึ้งอยู่ที่เดิมถึงที่สุด
ผู้แข็งแกร่งเพ้าดำที่เขาอยากฆ่าเมื่อสักครู่นี้ คาดไม่ถึงเป็นคนที่เจ้าเมืองเหมียวจัดเตรียมไว้?
เวลานี้ เหมียวเจิ้นตงถอดหน้ากากบนหน้าลงมา เผยใบหน้าที่แก่หง่อมออกมา
บนหน้ายังมีรอยยิ้มระดับหนึ่ง มองทางหยางเฉินบอกว่า “คุณหยาง ก่อนหน้านี้ล่วงเกินไปมากเลย
ขอท่านอภัยให้ด้วยครับ!”
หยางเฉินมองทางเจ้าเมืองเหมียวอย่างตกใจถามว่า “ปู่เหมียวครับ นี่สรุปมันเรื่องอะไรกันครับ?”
เจ้าเมืองเหมียวหัวเราะแล้วตอบว่า “ถึงแม้ในร่างกายนายจะครอบครองสายเลือดคลั่งไว้ แต่เพราะไม่มีทางกระตุ้นลายตระกูล ดังนั้นจึงไม่มีทางสำแดงสภาพแกร่งที่สุดของสายเลือดคลั่งออกมาได้”
“ส่วนฉันรู้วิธีกระตุ้นลายตระกูลมาพอดี ก็แค่ใช้ความโกรธแค้น
มากระตุ้นผู้ครอบครองสายเลือดคลั่ง มีเพียงนายเข้าสู่สภาพเดือดดาลถึงที่สุด
ถึงกระตุ้นลายตระกูลได้”
“มีเพียงกระตุ้นลายตระกูลขึ้นแล้ว ตอนที่กระตุ้นสายเลือดคลั่ง
ร่างกายถึงจะไม่แบกรับผลข้างเคียงใดๆ สำหรับนายนั้น
ตอนนี้พอใช้งานสายเลือดคลั่ง ก็จะไม่สร้างการบาดเจ็บให้แก่ร่างกายของนายอีกแล้ว”
ฟังคำพูดของเจ้าเมืองเหมียว
หยางเฉินถึงเข้าว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น พูดอย่างตกใจ “พูดมาแบบนี้ เรื่องทุกอย่างที่ผู้อาวุโสคนนั้นที่ต่อสู้กับผมพูดมาเมื่อกี้
ก็ไม่ใช่เรื่องจริง?”
เหมียวเจิ้นตงหัวเราะแบบขมขื่นแล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องจริงแน่นอนครับ เป็นเพียงเจ้าเมืองต้องการให้ผมยั่วโมโหคุณ ถึงต้องใช้แผนชั่วแบบนี้ครับ”
หยางเฉินถามอีกว่า “ลายตระกูลคืออะไรกันครับ? ฟังจากความหมายของปู่เหมียว ลายตระกูลของผมกระตุ้นขึ้นแล้ว?”
เจ้าเมืองเหมียวหัวเราะแล้วบอกว่า “ถูกต้อง
ต่อไปขอแค่นายกระตุ้นสายเลือดคลั่งแล้ว ลายตระกูลจะปรากฏขึ้นบนหน้าผากของนาย นายสามารถลองดูได้”
กระตุ้นเรียบร้อยแล้ว
หยางเฉินรีบเข้าสู่สภาพของสายเลือดคลั่ง
หยิบมือถือออกมาดู บนบริเวณหน้าผากของตนเอง ปรากฏลายที่เป็นสีเลือดอันหนึ่งออกมา
เป็นภาพที่ซับซ้อนอย่างมาก หยางเฉินมองอะไรไม่ออกทั้งสิ้น
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ก่อนหน้านี้ตอนที่เข้าสู่สภาพสายเลือดคลั่งแต่ละครั้ง
ร่างกายจะแบกรับแรงกดดันยิ่งใหญ่ไร้ที่เปรียบ รอสิ้นสุดแล้วหลังสภาพสายเลือดคลั่ง เขาสัมผัสได้อย่างแจ่มชัด
ถึงความรู้สึกไม่สบายตรงหัวใจตนเองมากๆ
แต่ว่าครั้งนี้ ไม่ได้รู้สึกถึงว่าตรงไหนไม่สบายตัว
ควบคู่กับการฝึกฝน เขารู้สึกว่านับวันสภาพความแข็งแรงของตนเองยิ่งดีขึ้น
กลับกัน
และพูดได้ว่า ตอนนี้เขาสามารถกระตุ้นสายเลือดคลั่งมาสู้รบได้แบบสบายใจแล้ว ไม่ต้องกังวลใดๆ
หลังตื่นเต้นเสร็จ หยางเฉินรีบกล่าวขอบคุณ “ปู่เหมียว ขอบคุณนะครับ!”
“ปู่เหมียวครับ มีดเล่มนี้ มันคืออะไรกันแน่ครับ?
เหมือนว่ามีดเล่มนี้ เดิมเป็นของผมอย่างนั้นเลย มีความรู้สึกแปลกประหลาดมาก”
ทำไมผมมีความรู้สึกคุ้นเคยมากๆ
เจ้าเมืองเหมียวบอกว่า
“นี่คือของล้ำค่าที่สุดชิ้นหนึ่งที่ฉันได้รับมาโดยบังเอิญตอนเป็นหนุ่ม ว่ากันว่าคือของล้ำค่าของตระกูลสายเลือดคลั่งนั้น ตอนนี้ถูกนายได้ไป
ดูแล้วเป็นเพราะสาเหตุของสายเลือดคลั่ง”
“สำหรับมีดเล่มนี้มีประโยชน์ต่อนายอย่างไรบ้างนั้น ได้เพียงอาศัยตัวนายเองเป็นคนศึกษาวิจัยแล้ว”
หยางเฉินถือมีดสั้นขึ้น
ตรงคมของมีด แหลมคมอย่างมาก ประกายแสงแวววาว
ความมันวาวของมีดสวยงามมาก ส่วนด้ามมีด ยังฝังไพลินขนาดใหญ่เม็ดหนึ่งไว้
กุมมีดไว้ในมือ รู้สึกคล่องมืออย่างมาก มีดเล่มนี้ เหมือนเป็นของที่ทำมาเพื่อเขาเป็นพิเศษ เหมาะสมอย่างมาก
หยางเฉินเก็บมีดเอาไว้แล้ว พูดด้วยท่าทางซาบซึ้งใจ “ปู่เหมียวครับ ขอขอบคุณท่านมากจริงๆ นะครับ!”
เขากับเจ้าเมืองเหมียวรู้จักกันได้ไม่นานนัก แต่ว่าหลายวันนี้ที่ทำความรู้จักกันมา เจ้าเมืองเหมียวช่วยเหลือเขาไม่หยุด ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากมาย
ไม่เพียงอาศัยเหล้าของเจ้าเมืองเหมียว ยังทำให้แดนวิถีบู๊ทะลวงถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด ปัจจุบันนี้ยังกระตุ้นลายตระกูลแล้ว แถมให้มีดที่เหมาะสมมากแก่เขาด้วย
หยางเฉินรู้สึกขอบคุณเจ้าเมืองเหมียวจากก้นบึ้งหัวใจ
ควบคู่กับการฝึกฝน เขารู้สึกว่านับวันสภาพความแข็งแรงของตนเองยิ่งดีขึ้น
และพูดได้ว่า ตอนนี้เขาสามารถกระตุ้นสายเลือดคลั่งมาสู้รบได้แบบสบายใจแล้ว ไม่ต้องกังวลใดๆ
เจ้าเมืองเหมียวหัวเราะแล้ว เวลานี้ คนรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา พูดอย่างเคราพนบนอบ “เจ้าเมืองครับ เจ้าแดนหวงมาแล้วครับ!”
“ได้!”
เจ้าเมืองเหมียวยิ้มมองทางหยางเฉินบอกว่า “ไป ฉันจะพานายไปเจอคนคนหนึ่ง!”
ไม่นาน หยางเฉินตามเจ้าเมืองเหมียวไป มาถึงโถงรับแขกแล้ว
เห็นเพียงใบหน้าที่คุ้นเคยใบหนึ่ง ปรากฏในเส้นสายตาของหยางเฉิน ชั่วขณะนั้นหยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมา เพราะเขารู้จักอีกฝ่าย เจ้าแดนของแดนที่เก้าแห่งเมืองเหมียว หวงจิ้น และเป็นศิษย์น้องของหลิวเหล่าก้วยที่โดนเขาฆ่าตาย
ตอนแรกที่หยางเฉินยังไม่ก้าวสู่แดนเหนือมนุษย์ ครั้งนั้นตอนที่เขาอยากฆ่าหลิวเหล่าก้วยทิ้ง ก็เป็นหวงจิ้นปรากฏตัวทันเวลา จากนั้นช่วยหลิวเหล่าก้วยหนีไป
ตอนที่หวงจิ้นมองเห็นหยางเฉิน ก็แปลกใจมากเหมือนกัน “คาดไม่ถึงจะเป็นนาย!”
หยางเฉินเยาะเย้ย “ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจอนายอยู่ที่นี่!”
เจ้าเมืองเหมียวหัวเราะแล้วพูดว่า “เป็นมิตรกันย่อมดีกว่าเป็นศัตรู วันนี้ที่ฉันเรียกพวกนายมาด้วยกัน คืออยากเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ดูว่าจะไกล่เกลี่ยความแค้นระหว่างพวกนายได้หรือไม่”
ชั่วขณะนั้นหยางเฉินเงียบงัน ถึงแม้เขาจะเป็นศัตรูกับหลิวเหล่าก้วย แต่ว่าหลิวเหล่าก้วยก็โดนเขาฆ่าตายแล้ว
ตอนนี้อยากจะดูหน่อยว่า หวงจิ้นจะปล่อยวางความแค้นลงได้หรือไม่
หลังจากหวงจิ้นเงียบงันครู่หนึ่ง ส่ายหน้าแล้ว มองทางเจ้าเมืองเหมียวบอกว่า “เจ้าเมืองครับ ขออภัยอย่างสูง! เขาฆ่าศิษย์พี่ของผมแล้ว ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง ผมคงไม่สบายใจแน่ครับ”