ศัตรูนั้น จะไม่รู้สึกขอบคุณสำหรับความเมตตา กระทั่งสามารถซ่อนมันเอาไว้ และกลับมาแว้งกัดอีกครั้งในช่วงเวลาที่สำคัญ

อีกทั้งนิสัยใจคอของหลัวซิวก็ไม่เคยมีความอ่อนโยนหรือใจอ่อนแต่อย่างใด หากเขารู้สึกว่าผู้นั้นสมควรตาย นั่นก็คือสมควรตาย ไม่มีสิ่งใจต้องเสียใจ!

จีเสี่ยวจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงอย่างไรนางก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ไม่ได้โหดเหี้ยมไร้ความปราณีเหมือนกับหลัวซิว

แต่นางก็ไม่อยากที่จะหักหลังปณิธานของหลัวซิว ดังนั้นหลังจากลังเลเล็กน้อย นางก็โจมตีต่อไป

ผุ! ผุ! ผุ! ……

อัสนีโลหิตมากมายแผ่กระจายไปทั่วพระราชวัง แม้ว่าหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนจะงดงามราวกับดอกไม้ก็ตาม แต่ในสายตาของหลัวซิว กลับไม่มีสิ่งใดแตกต่างกับโครงกระดูกสีแดงสีชมพูแม่แต่จุดเดียว

สีหน้าของเขาเย็นชา เฉยเมยต่อการตายของคนเหล่านี้ เพราะว่าหลัวซิวก็คือคนที่ปกป้อง ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องคนรอบข้างของเขา ก็จะต้องชดใช้!

ในชั่วพริบตา ผู้หญิงทุกคนในพระราชวังทั้งหมดกลายเป็นศพ ลานเต้นรำและบนพื้นของพระราชวัง เต็มไปด้วยเลือดอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ไม่ว่าผู้หญิงจะสวยสักเพียงใด หลังจากตายไป ก็ไม่หลงเหลือความสวยงามเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันกลับทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวเสียด้วยซ้ำ

เซวียนจิงหยุนตกตะลึงหวาดผวาไปในทันที เขาไม่รู้ว่าเขาไปทำให้ผู้ชายที่น่ากลัวผู้นี้ขุ่นเคืองตั้งแต่เมื่อใด จึงได้กล้าขึ้นมาสังหารคนถึงเขาเจี้ยนโหยว

“ศิษย์พี่ ข้า……”

เห็นซากศพนอนจมกองเลือดอยู่รอบ ๆ คิ้วเรียวงามของจีเสี่ยวจื่ออดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากันอีกครั้ง ราวกับว่านางอดทนไม่ได้

“เสี่ยวจื่อ ศิษย์พี่รู้ดีว่าเจ้าต้องการจะพูดสิ่งใด แต่เจ้าคงจะรู้ดี หากในตอนนั้นไม่ใช่ว่าสองพี่น้องยู่หรงรู้ตัวได้ทัน อาศัยของขลังที่ข้าทิ้งไว้ให้พวกนางหนีไปเสียก่อน เมื่อใดก็ตามที่ตกไปอยู่ในมือของผู้มักมากในกามตัณหาผู้นี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจุดจบจะเป็นเช่นไร?”

น้ำเสียงของหลัวซิวเย็นชาอย่างมาก พูดต่อด้วยท่าทีสงบ “หากมีใครต้องการดูถูกความบริสุทธิ์ของเจ้า ถึงขนาดอยากจะฆ่าเจ้าให้ตาย เจ้ายังจะกอดความใจบุญประเภทนั้นไว้ ไม่อยากจะสังหารอยู่อีกหรือไม่?”

“เป็นเรื่องปกติที่จะฆ่าคนบนเส้นทางแห่งโลกยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเส้นทางสู่การเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ของโลกยุทธ์ในวันข้างหน้า นักปราชญ์อัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วน โอรสสวรรค์ผู้โดดเด่น สามารถเป็นผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้ก็ต่อเมื่อ เจ้าผ่านสังหารไปจนสุดทางเท่านั้น”

“นักยุทธ์ในยุคของข้า การฆ่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตราบใดที่เจ้ามีจิตสำนึกที่ชัดเจน ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเจตจำนงของเจ้า”

“เช่นเดียวกับหญิงสาวเหล่านี้ที่เจ้าสังหารไป บางทีเจ้าอาจจะไม่รู้ ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงอำมากมายเพียงใดที่ถูกพวกนางทำร้าย เพื่อสังเวยให้กับเซวียนจิงหยุนผู้มักมากในกามตัณหาผู้นี้ เพียงเพื่อต้องการเอาใจเขา และได้รับสิ่งตอบแทนบางอย่างมาเป็นทรัพยากรฝึกตน”

“ความเฉยเมยเป็นของมนุษย์ โลกที่เย็นชา ความใจอ่อนไม่เป็นที่ต้องการ! ”

หลัวซิวน้อยมากที่จะพูดกับคนรอบข้างเกี่ยวกับหลักการใหญ่ที่น่าเบื่อเหล่านั้น แต่ถึงอย่างไรจีเสี่ยวจื่อก็ยังไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับโลกนี้มากนัก เขาก็ไม่อยากให้ศิษย์น้องตัวน้อยของเขาในวันข้างหน้าต้องพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ในเรื่องนี้

“ศิษย์พี่พูดถูกแล้ว เป็นข้าที่ใจอ่อนเกินไปเอง”

หลักการประเภทนี้ จีเสวียนคงก็เคยพูดกับนางมาก่อน เพียงแต่ว่าตอนนั้นนางไม่รู้สึกถึงความสำคัญแต่อย่างใด หลักการและคำสอนประเภทนี้ จึงทำได้แค่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเท่านั้น

แต่หลัวซิวปล่อยให้นางสัมผัสความรู้สึกนั้นด้วยตนเอง จากนั้นค่อยพูดให้นางฟังเกี่ยวกับหลักการเหล่านี้ นางกลับเข้าใจ อีกทั้งยังจำได้ขึ้นใจอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน เมื่อได้ยินสิ่งที่หลัวซิวเพิ่งพูด เซวียนจิงหยุนก็พลันเข้าใจขึ้นมาในทันที ทั้งสองคนนี้ มาที่นี่เพื่อผู้หญิงคนนั้นที่หนีไปยังเทือกเขาวายุเปราะ!

จากความชำนาญด้านข้อมูลของเขา ผู้หญิงที่หนีไปยังเทือกเขาวายุเปราะแต่เดิมแล้วไม่มีภูมิหลังเลย