มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2000

ทันทีที่ปล่อยให้อาจารย์ษศิษย์จีเสวียนคงทั้งสองหนีไปได้ละก็ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องมีจิตใจที่ระแวดระวังอย่างแน่นอน การที่จะหาโอกาสจัดการพวกเขาอีกครั้งนั้น ก็จะทำได้ยากมาก ๆ แล้ว

แม้ผลการฝึกตนของจีเสวียนคงจะเป็นจักรพรรดิเทพขั้นปฐมภูมิ แต่เนื่องจากสิ่งที่เขาฝึกคือกฎชีวิต ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องการเอาชีวิตรอดและป้องกันมากที่สุด การที่อยากสังหารคนประเภทนี้นั้น จำเป็นต้องมีศักยภาพที่เกะกะระรานเพื่อข่มฝ่ายตรงข้ามให้ได้อย่างแน่นอน มิเช่นนั้นต่อให้มหาจักรพรรดิยุทธ์ลงมือเอง ไม่แน่จีเสวียนคงก็สามารถอาศัยกฎชีวิตมีชีวิตรอดต่อไปได้

ตลอดสิบล้านปีที่ผ่านมาจีเสวียนคงล้วนไปไหนมาไหนคนเดียวมาโดยตลอด วิชาการกลั่นยาของเขาเป็นสิ่งที่คนจำนวนมากต้องการ แต่เขากลับสามารถมีชีวิตอย่างสุขสบายมาจนถึงทุกวันนี้ได้ จึงไม่มีทางใช่คนกระจอกอยู่แล้ว มิเช่นนั้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาไม่มีทางทำให้แม้แต่หอยอดอัมพรยังเกรงกลัวและไม่ยอมรุกรานง่าย ๆ ได้แน่นอน

“ข้าเป็นคนแรกที่ทราบตัวตนที่แท้จริงของดาวร้ายชุดคลุมยาวดำ แต่เกรงว่าอีกไม่นาน ผู้อื่นก็สามารถค้นหาตามเส้นสนกลในจนเจอเบาะแสนี้เช่นกัน หากไม่รีบลงมือให้เร็วที่สุดละก็ ไม่แน่อาจทำให้พลาดโอกาสอันดีนี้ไปได้!”

เจ้าหอยอดอัมพรค่อย ๆ ลุกตัวขึ้น เดินวนไปมาในตำหนักที่สง่างาม ขมวดคิ้วแน่นพลางครุ่นคิด

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีความตัดเยื่อใยปรากฏในแววตาเขา จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากตำหนักที่สง่างาม กลายเป็นแสงกลรุ้งยาวหายไปจากขอบฟ้า

……

ตู้ม!

บนดารายอดอัมพร หอโอสถเสวียนคงจมหายไปในออร่ากฎที่มากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้ กลายเป็นซากปรักหักพังภายในพริบตา

เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งทั้งหลายในเมือง สายตาและตัวสำนึกของทุกคนล้วนเพ่งเล็งไปบนนภาสูง ก่อนจะพบเงาดำสามร่างลอยอยู่กลางอากาศ มีอำนาจบารมีที่เกะกะระรานอย่างยิ่งแผ่กระจายออกมา

ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพ!

เห็นได้ชัดเจนเลยว่าทั้งสามท่านที่อยู่กลางนภาสูงต่างเป็นจักรพรรดิเทพ อำนาจบารมีดุจสวรรค์ กฎดั่งกระแสน้ำ ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองตรง ๆ

ซึ่งคนที่อยู่ตรงกลางก็คือผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของมหาโลกายอดอัมพร เจ้าหอยอดอัมพร สองคนที่อยู่ข้างกายเขา คนหนึ่งคือบรรพอาจารย์จักรพรรดิเทพของสำนักเซียนเทียนหยุน ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือบรรพอาจารย์แห่งตระกูลมู่

สาเหตุที่เชื้อเชิญทั้งสองคนนี้นั้น เป็นเพราะเจ้าหอยอดอัมพรเข้าใจดีมาก ๆ ว่าแค่อาศัยศักยภาพของหอยอดอัมพร ยากที่จะกำราบตาแก่จีเสวียนคงนั่น แต่หากมีการร่วมมือจากสำนักเซียนเทียนหยุนและตระกูลมู่ จากพลานุภาพของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพทั้งสามที่ร่วมมือกัน เช่นนั้นก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ แล้ว

เมื่อดูจากภาพภายนอก ผู้ที่ปรากฏอยู่ฝั่งหอโอสถเสวียนคงมีจักรพรรดิเทพสามคนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงกลางอนัตตาบริเวณรอบ ๆ คูเมืองแห่งนี้ยังมีจักรพรรดิเทพอำพรางอยู่สี่คน ทันทีที่จีเสวียนคงปรากฏตัว จักรพรรดิเทพทั้งสี่คนนั้นก็จะลงมือด้วยอำนาจที่ดุดันปานสายฟ้าเช่นกัน

ขอเพียงสามารถสยบจีเสวียนคงได้ ก็จะไม่มีผู้ใดสามารถคุ้มกันหลัวซิวนั่น จากอำนาจของหอยอดอัมพรและแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง การจะจับกุมตัวผู้น้อยคนหนึ่งนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายดังปอกกล้วยเข้าปาก

“จีเสวียนคงไม่อยู่!”

หอโอสถถูกกวาดล้างจนกลายเป็นพื้นที่เรียบแล้ว ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกทำลาย แต่ทว่ากลับไม่พบพลังออร่าของจีเสวียนคง

บรรพอาจารย์ตระกูลมู่ไม่ตายใจ จึงใช้ตัวสำนึกแผ่กระจายครอบคลุมทั้งคูเมือง แต่ก็ไม่พบเบาะแสใด ๆ อยู่ดี

“จากข่าวกรองที่เรายึดกุม หลังกลับมาจากแดนเทวนิรันกาลแล้ว อาจารย์ศิษย์จีเสวียนคงก็ย้อนกลับมาที่นี่แล้ว”

“หลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อผู้น้อยทั้งสองไปจินเฮ่าซิง แต่จีเสวียนคงกลับไม่อยู่ที่นี่ หรือว่าพวกมันได้เตรียมการป้องกันล่วงหน้าแล้ว?”

ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพทั้งสามสบตากันครั้งหนึ่ง สีหน้าต่างหม่นหมองถึงขีดสุด

ไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกจีเสวียนคง วินาทีนี้พวกเขาได้ทำลายล้างหอโอสถไปแล้ว มาตรแม้นว่าจีเสวียนคงไม่อยู่ที่แห่งนี้ เขาก็ต้องทราบเรื่องแล้วอย่างแน่นอน ตราบใดที่ยังสยบจีเสวียนคงไม่ได้ ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพอย่างพวกเขาก็ไม่กล้าออกจากดารายอดอัมพรง่าย ๆ เนื่องจากรากฐานสำนักจักรพรรดิและแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ล้วนอยู่บนดารายอดอัมพร