แต่ทว่าหอยอดอัมพรและแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองกลับส่งผู้อาวุโสจ้าวมหาเทพหลายคนมุ่งหน้าไปยังซินเฮ่าซิง พลางคิดว่าผู้น้อยสองคนนั้นไม่มีทางหนีไปจากเงื้อมมือของพวกเขาได้แน่นอน

ขอเพียงสามารถจับกุมตัวหลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อเอาไว้ ต่อให้จีเสวียนคงจะหลบซ่อนได้แนบเนียนมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน ถึงครานั้นพวกเขาก็จะถูกกวาดล้างจนไม่เหลือซากอยู่ดี

ณ ส่วนที่ลึกที่สุดของเทือกเขาวายุเปราะ พลังแห่งกฎอัสนีวายที่ตลบฟุ้งอยู่รอบกายหลัวซิวบรรลุถึงระดับที่สามารถเทียบทัดกฎขั้น 7 แล้ว

ระดับความบ้าระห่ำของกฎอัสนีวายขั้น 7 เพียงพอที่จะสามารถฉีกกระชากผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงปลายให้แหลกสลายเป็นชิ้น ๆ แต่หลัวซิวกลับกำลังฝืนทนอยู่กลางลมพายุที่บ้าระห่ำ

ร่างเนื้อแปรเปลี่ยนการพิชิตกฎดั้งเดิมแล้วสร้างกฎใหม่ขึ้นมา ไม่สามารถใช้อุบายมาต้านทานกำลังภายนอก มีเพียงทำให้ร่างกายถูกทำลายจนถึงขีดสุด ถึงจะสามารถเข้าสู่สภาวะใกล้ตาย และบรรลุเป้าหมายพิชิตกฎดั้งเดิมเพื่อสร้างกฎใหม่ขึ้นมา

ในระหว่างนี้ จีเสี่ยวจื่อขัดเกลากฎของตัวเองอยู่ในเทือกเขาวายุเปราะมาโดยตลอด ปัจจุบันมาตรแม้นว่าอยู่กลางกฎอัสนีวายที่บ้าระห่ำ นางก็สามารถใช้สอยกฎปริภูมิได้อย่างประณีตสวยวิจิตร ลดทอนผลกระทบที่ตนได้รับลงไปให้ได้มากที่สุด

ฉียู่หรงและหนิงหานยู่ก็ต่างได้สติกลับมาจากการเป็นลมแล้ว มีกฎชีวิตที่หลัวซิวร่ายไว้คอยคุ้มกัน พวกนางจึงไม่ต้องกังวลความปลอดภัยและอันตรายของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ภายใต้การขัดเกลาจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย ผลการฝึกตนก็เพิ่มทวีขึ้นทุกวัน

“จุดที่ 18 เปิด!”

วันนี้ มีออร่ากฎที่มากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้ปะทุออกมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของเทือกเขาวายุเปราะ ถัดจากนั้นห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลแต่ละห้วงก็ปรากฏกลางนภาสูง ดารา 36 ดวงที่ลอยอยู่ด้านบนและดารา 36 ดวงที่ลอยอยู่ด้านล่าง โอบล้อมวัฏสงสารที่ท่วงทำนองโบราณและเรียบง่าย ราวกับวัฏสงสารฟ้าดินในยุคโบราณได้กำเนิดใหม่อีกครั้ง

ภาพดังกล่าวคือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นขณะหลัวซิวบรรลุ ซึ่งหมายความว่าแดนของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าและเคล็ดวิชาจุดลมปราณของเขาก้าวเข้าสู่แดนบริบูรณ์แล้ว

พลังแห่งโลกาจุดลมปราณทั้ง 36 จุดปลุกเสกร่างเนื้อ หลัวซิวรู้สึกว่าทุกพลังที่ตัวเองปลดปล่อยออกไปล้วนสามารถเทียบทัดมกุฎเทพช่วงปลาย ความแข็งแรงและการป้องกันของร่างยุทธ์ร่างเนื้อสามารถต้านรับการโจมตีจากศัตราวุธราชาชั้นสูงได้โดยที่ตนจะไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย

หากแผดเผาพลังและเลือดเพิ่มอีกละก็ กำลังรบของเขายังสามารถพุ่งพรวดได้อีกหนึ่งเท่าตัว พลังอมตะที่ปลดปล่อยออกมาโดยพลังแห่งเกณฑ์ยิ่งสามารถทำให้กึ่งจ้าวมหาเทพหวาดหวั่น!

เทพฟ้าบริบูรณ์ใหญ่ก็สามารถเรียกว่ากึ่งราชาเทพได้เช่นกัน ซึ่งแตกต่างจากกึ่งจ้าวมหาเทพสองแดนใหญ่เชียวนะ!

ในอดีต กำลังรบของหลัวซิวสามารถก้าวข้ามหนึ่งแดนใหญ่ ปัจจุบันกลับสามารถก้าวข้ามสองแดนใหญ่ กำลังรบเช่นนี้เรียกได้เลยว่าน่าสยดสยองอย่างยิ่ง!

แต่ทว่าหลัวซิวกลับไม่ได้เย่อหยิ่งอวดดีเพราะสิ่งนี้ เนื่องจากโลกทัศน์และสิ่งที่เขาได้พบเห็นรู้จักในปัจจุบันได้บุกเบิกถึงระดับที่เหลือเชื่อมาก ๆ แล้ว จึงเข้าใจอยู่ว่าสาเหตุที่ตัวเองสามารถก้าวข้ามสองแดนใหญ่สังหารศัตรูในจักรวาลโลกาพันสามได้นั้น เป็นเพราะมาตรฐานการฝึกยุทธ์ในจักรวาลโลกาพันสามค่อนข้างต่ำ หากมองในโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปด ศักยภาพของเขา ณ ปัจจุบันเทียบเท่าเทพมารระดับสาม

การแบ่งระดับยุทธ์ของโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปดแตกต่างจากมหาโลกาพันสาม เทพมารระดับหนึ่งถึงสามสามารถโค่นล้มมกุฎเทพจำนวนมากในมหาโลกาพันสาม หากเป็นเทพมารระดับสี่ก็สามารถโค่นล้มจ้าวมหาเทพได้แล้ว ในส่วนของเทพมารระดับห้านั้น ก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่เทียบทัดจักรพรรดิเทพ

ส่วนเทพมารระดับหกนั้นคือมหาจักรพรรดิยุทธ์!

เทพมารทั้งเก้าระดับ ปัจจุบันเขาเป็นเพียงเทพมารระดับสามเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น หลัวซิวรู้สึกว่าศักยภาพ ณ ปัจจุบันของตนไม่มีอะไรน่าหยิ่งผยอง

เคล็ดวิชาจุดลมปราณของเขาเพิ่งฝึกถึงบริบูรณ์ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา ก่อนจะพลิกมือหยิบม้วนหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของ

ในม้วนหยก เขาได้รับข่าวที่ส่งอาจารย์อาจารย์จีเสวียนคง เจ้าหอยอดอัมพร บรรพอาจารย์เทียนหยุนและบรรพอาจารย์ตระกูลมู่ได้ลงมือแล้ว!

“เร็วขนาดนี้เลยหรือ?”

หลัวซิวหรี่ตาลง กองกำลังทั้งสามฝ่ายลงมือ ต้องเป็นเพราะทราบว่าดาวร้ายชุดคลุมยาวดำคือเขาแน่นอน การที่ตัวตนถูกเปิดเผยเร็วเช่นนี้นั้นทำให้หลัวซิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยจริง ๆ