มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2003

ช่วงนี้สถานภาพบนจินเฮ่าซิงไม่สงบแต่อย่างใด เขาเจี้ยนโหยวที่แข็งแกร่งถูกคนทำลายล้าง กองกำลังทั้งเล็กและใหญ่จึงทำการแก่งแย่งทรัพย์สมบัติจำนวนมากที่เขาเจี้ยนโหยวเคยทิ้งไว้

นี่จึงทำให้กองกำลังทั้งหลายต่างรู้สึกว่ามีอันตราย

หลัวซิวไม่ได้สนใจตัวสำนึกจำนวนมากที่แผ่สำรวจมา เนื่องจากเกราะป้องกันนอกเรือรบสามารถกีดกั้นการสำรวจจากตัวสำนึกได้

“เรือรบของขลังระดับจ้าวมหาเทพ!”

ตัวสำนึกทั้งหลายที่แผ่สำรวจมาต่างพากันถดถอยอย่างเงียบ ๆ บนจินเฮ่าซิง มกุฎเทพช่วงปลายก็ถือเป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอดแล้ว ที่นี่ของขลังระดับจ้าวมหาเทพก็เหมือนสิ่งของในตำนาน ผู้ที่สามารถควบคุมเรือรบระดับนี้ได้นั้น เป็นผู้ที่พวกเขาไม่สามารถรุกรานได้อย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ หลัวซิวจึงบินออกไปจากจินเฮ่าซิงได้อย่างราบรื่น และหลบหนีเข้าไปในดาราจักรวาลอย่างรวดเร็ว

ห้วงดารากว้างใหญ่ไพศาล กว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด ถึงแม้ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพอยากตามหาเขาที่นี่ มันก็เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ความเร็วของเรือรบทองคำเร็วกว่าที่หลัวซิวคาดการณ์เอาไว้เล็กน้อย ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี เขาก็มาถึงพิภพธาตุดาราแห่งหนึ่งของโลกามนุษย์ ซึ่งมีนามว่าโลกะอิมเอี๊ยง

โลกะอิมเอี๊ยงนี้ก็เป็นธาตุดาราที่บุกเบิกโดยผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพเช่นกัน การเดินทางในจักรวาลที่จืดชืดทำให้จีเสี่ยวจื่อสตรีทั้งสามนางรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย ภายใต้การอ้อนวอนอย่างรุนแรงของพวกนาง หลัวซิวจึงควบคุมเรือรบมุ่งหน้าไปยังโลกะธาตุดาวแห่งนี้ วางแผนที่จะหยุดพักชั่วคราว

ไม่นานนัก หลัวซิวและสตรีทั้งสามนางก็ย่างกรายมาถึงนอกคูเมืองแห่งหนึ่งบนโลกะอิมเอี๊ยง คูเมืองแห่งนี้มีนามว่าเมืองอิมเอี๊ยงเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลกะธาตุดาวแห่งนี้

ที่นี่คือโลกามนุษย์ ไม่ใช่โลกาชั้นฟ้า หลัวซิวยืนมองอยู่หน้าคูเมืองที่สูงตระหง่านแห่งนี้นานมาก แต่ก็ไม่เห็นผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพปรากฏเลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่ผลการฝึกตนมกุฎเทพก็หาพบได้น้อยมาก ๆ มกุฎเทพที่อยู่ในกองกำลังชั้นยอดล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับบรรพอาจารย์เลย

ราชาเทพคือยอดฝีมือ มกุฎเทพคือผู้แข็งแกร่ง นักยุทธ์ส่วนมากคือเทพฟ้าและราชาเทพเป็นหลัก ซึ่งจุดนี้ไม่ค่อยต่างอะไรจากโลกะอัมพรเทวและโลกะดาราคุนหลุน

ผลการฝึกตนของหลัวซิวคือเทพฟ้าขั้น 9 เมื่ออยู่ที่นี่เขาไม่จำเป็นต้องปิดบังออร่าผลการฝึกตนของตนเองเลยด้วยซ้ำ และจะไม่ถูกผู้อื่นให้ความสนใจเช่นกัน

ในส่วนของพวกจีเสี่ยวจื่อนั้น กลับปิดบังออร่าผลการฝึกตนที่แท้จริงของตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่นมากเกินไป

เนื่องจากผลการฝึกตนของจีเสี่ยวจื่อสูงที่สุด มาตรแม้นว่าใช้เคล็ดวิชาปิดบังออร่าผลการฝึกตนไปแล้ว ออร่าที่แผ่กระจายออกมาโดยไม่ตั้งใจก็สามารถเทียบทัดราชาเทพช่วงปลายแล้ว ซึ่งนักยุทธ์ประเภทนี้ในโลกามนุษย์ เพียงพอที่จะได้รับความเคารพที่ควรได้รับแล้ว ดังนั้นในขณะที่เดินเข้าเมือง องครักษ์ตรงทางเข้าเมืองจึงทำตัวเคารพนอบน้อมอย่างมาก

ที่นี่ไม่ต้องระมัดระวังใด ๆ เลย เนื่องจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกาจ้าวมหาเทพใบหนึ่งในโลกามนุษย์ ก็แค่กึ่งจ้าวมหาเทพ ดังนั้นทันทีที่เดินเข้าเมือง จีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่ที่มีอุปนิสัยกระปรี้กระเปร่าจึงอดกลั้นต่อไปไม่ค่อยไหวแล้ว

อุปนิสัยของจีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ดังนั้นทันทีที่คบค้าสมาคมกัน ทั้งสองจึงสนิทกันอย่างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับยัยหนูทั้งสองที่นิสัยค่อนข้างกระปรี้กระเปร่า ฉียู่หรงกลับดูเงียบสงบอย่างเห็นได้ชัดมาก เหมือนดั่งเทพธิดาที่เงียบสงบ

“เจ้าไม่ไปเล่นสนุกกับพวกนางหรือ?”หลัวซิวมองฉียู่หรงรอบหนึ่ง ยัยหนูบ้าบอสองนางนั่นหนีหายไปแล้ว ทว่านางกลับยังเดินตามอยู่ด้านหลังตน

“ไม่ละเจ้าค่ะ ข้าอยู่กับศิษย์พี่เย่ดีกว่า”ฉียู่หรงอมยิ้ม แต่ทว่าความคิดที่แท้จริงของนางกลับถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดวงตาที่งดงามคู่นั้น

อัศวินรักโฉมงาม โฉมงามรักอัศวิน นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ สำหรับฉียู่หรงแล้ว หลัวซิวเทียบเท่าบุคคลในตำนานอย่างแน่นอน เรื่องราวที่เหลือเชื่อต่าง ๆ ล้วนเคยเกิดขึ้นบนตัวเขา