มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2004

ปาฏิหาริย์และความลึกลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนมากที่สุด ฉียู่หรงรู้สึกว่าตนเองถูกหลัวซิวดึงดูดไปอย่างลึกซึ้งโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว

ในภาพจำของนาง หลัวซิวเป็นคนที่มีหลักการคนหนึ่ง เขาไม่เคยเมตตาใจอ่อนต่อศัตรูเลยแม้แต่น้อย โหดเหี้ยมไร้ความปราณี ฆ่าสังหารอย่างเด็ดเดี่ยว คนที่เสียชีวิตในกำมือเขามีไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

ทว่าเมื่อปฏิบัติต่อผู้คนที่อยู่รอบกาย เขากลับอ่อนโยนประดุจอาบน้ำในช่วงฤดูใบไม้ผล ใกล้ชิดมีอัธยาศัยดี เหมือนปฏิบัติต่อคนในครอบครัวตน

ฉียู่หรงกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่ในใจ แต่หลัวซิวที่เดินนำอยู่ข้างหน้ากลับหยุดเดินกะทันหัน จึงส่งผลให้นางไม่ทันได้ระวัง ชนเข้ากับแผ่นหลังของหลัวซิวทันที

“ศิษย์พี่เย่ ขอโทษเจ้าค่ะ”

หัวใจของฉียู่หรงยุ่งเหยิงเล็กน้อย แม้หลัวซิวจะเคยบอกชื่อที่แท้จริงของตนเองให้นางและหนิงหานยู่แล้ว แต่ฉียู่หรงกลับยังเรียกเขาว่าศิษย์พี่เย่อย่างเคยชินอยู่ดี

อย่างไรก็ตามนางกลับสังเกตเห็นว่าราวกับหลัวซิวไม่ได้ยินคำพูดนางอย่างไงอย่างนั้น สายตากำลังเหม่อมองไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

มองไปตามทิศทางสายตาของหลัวซิว ก่อนฉียู่หรงจะเห็นสตรีนางหนึ่ง ภายนอกของสตรีดังกล่าวดูอ่อนแอเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ณ วินาทีนี้บนใบหน้านางมีรอยฝ่ามือที่ชัดเจน และมีสตรีที่ดูเย่อหยิ่งจองหองถึงขีดสุดนางหนึ่งกำลังเอามือเท้าสะเอว ตำหนิว่ากล่าวนางอย่างโหด

“คุณหนู ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เจ้าค่ะ”สตรีที่ดูอ่อนแอพูดอย่างน้อยใจมาก

“นังทาสช่างกล้าดียิ่งนัก บังอาจต่อล้อต่อเถียงกับคุณหนูอย่างนั้นหรือ?”

ข้างกายของสตรีเย่อหยิ่งจองหองนั่น สตรีที่สภาพเหมือนคนใช้สาวคนหนึ่งหัวเราะอย่างเยือกเย็น ก่อนจะเดินขึ้นไปเตรียมพร้อมที่จะตบหน้าสตรีอ่อนแอนางนั้นอีกครั้ง

สตรีอ่อนแอน้ำตาคลอเบ้า แต่ทว่ากลับกล้ำกลืนฝืนทนต่อความอัปยศนี้ หลับตาลงปานยอมรับในชะตาชีวิต

นางไม่กล้าหลบหลีก เนื่องจากทันทีที่นางหลบหลีก ก็มีเพียงจะถูกทำร้ายรุนแรงมากยิ่งขึ้น

แต่ทว่าในเวลานี้เองกลับมีเงาดำร่างหนึ่งปรากฏข้างกายนางกะทันหัน ส่วนคนใช้สาวที่สภาพดูดุร้ายนั่นก็ถูกฝ่ามือข้างหนึ่งที่แข็งดุจคีมเหล็กจับข้อมือไว้

“เจ้าคือผู้ใด? บังอาจมายุ่งเรื่องคฤหัสถ์กุยห่ายของข้าอย่างนั้นหรือ?”คนใช้สาวนั่นตวาดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก แล้วออกแรงดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง

ไม่ว่านางจะออกแรงอย่างไร จากผลการฝึกตนแดนเทพมารกระจอก ๆ เขานาง จักหลุดพ้นจากฝ่ามือของหลัวซิวได้อย่างไรเล่า?

ในขณะเดียวกัน สตรีอ่อนแอนางนั้นก็มองไปทางผู้ที่อยู่ข้างกายตนอย่างอดไม่ได้เช่นกัน นางอยากบอกฝ่ายตรงข้ามมาก ๆ ว่าอำนาจของคฤหัสถ์กุยห่ายที่อยู่ในโลกะอิมเอี๊ยงยิ่งใหญ่มาก แม้นางจะรู้สึกซาบซึ้งในตัวผู้ที่มาช่วยเหลือตนมาก ๆ ทว่ากลับไม่อยากทำให้คนดีคนนี้เดือดร้อนไปด้วย

ในขณะเดียวกันภายในจิตใจนางก็รู้สึกทอดถอนใจอยู่เล็กน้อยเช่นกัน เกรงว่าคนใช้สาวนั่นที่อยู่ข้างกายคุณหนูคงไม่ปล่อยให้ตัวเองรอดไปได้ง่าย ๆ แล้วล่ะ

“นังทาสชั้นต่ำ มึงช่างกล้าดียิ่งนัก ไอ้ไก่อ่อนนี่คือชายชู้ของมึงสินะ ยังไม่รีบปล่อยมือกูอีกหรือ?”คนใช้สาวที่ใบหน้าดุร้ายน่ากลัวพบว่าตนสลัดมือหลัวซิวไม่ออก จึงรีบแหกปากอย่างหยิ่งผยองมากยิ่งขึ้น

“เสียงดังชะมัด!”

ใบหน้าหลัวซิวเย็นชา ในโลกามนุษย์ ๆ คนหนึ่งก็บังอาจทำตัวหยิ่งผยองต่อหน้าตนอย่างนั้นหรือ?

เห็นเพียงในขณะที่เขาตะคอกอย่างเยือกเย็น เขาก็ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทีหนึ่ง คนใช้สาวที่สภาพดุร้ายนั่นจึงถูกเขาโยนออกไปได้อย่างง่ายดาย และกลายเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ หายไปจากขอบฟ้าอันไกลโพ้น

ภายในเวลาชั่วขณะ เมื่อผู้คนที่เดินผ่านไปมาอยู่บนถนนเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ต่างก็ตกใจมากจนเบิกตากว้าง แม้คนใช้สาวนั่นจะเป็นเพียงเทพมารคนหนึ่ง แต่ทว่ากลับถูกโยนออกไปไกลไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ภายในทีเดียว เจ้าหมอนั่นคือผู้ใดกันแน่?

เมื่อสตรีอ่อนแอเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว นางก็ผงะไปกับที่เช่นกัน พลางคิดในใจว่าแย่แล้ว ทีนี้หากไม่ถูกคุณหนูกระทืบจนตาย ก็ต้องพิการแน่นอน

“นอกจากนังผู้หญิงชั้นต่ำคนเมื่อครู่นี้แล้ว ยังมีผู้ใดทำร้ายเจ้าอีก?”