ตอนที่ 3499

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3499 : เผ่ตงอวี่

 

 ถังซานเป่าเป็นคนแรกในกลุ่มของต้วนหลิงเทียนที่เปิดเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา

 

  ก่อนที่ถังซานเป่าจะเปิดเผยพลังฝีมือออกมา อย่าว่าแต่คนอื่นๆที่ไม่รู้จักถังซานเป่าเลย กระทั่งพวกต้วนหลิงเทียนที่นั่งข้างๆถังซานเป่ามาสักพัก ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถังซานเป่ามันร้ายกาจขนาดนี้

 

  ในสายตาของพวกต้วนหลิงเทียน ถังซานเป่าก็เป็นคนช่างจ้อคนหนึ่ง กระทั่งหากไม่มีใครคุยด้วยก็พูดคนเดียวไปเรื่อย ถึงแม้กับคนอื่นมันจะไม่พูดด้วยเพราะไม่มีใครุดกับมัน แต่พออยู่กับพวกต้วนหลิงเทียนคำพูดก็พรั่งพรูออกมาไม่หยุด

 

  หลังถังซานเป่าแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เป็นคนที่ 2 ในกลุ่มที่เปิดเผยพลังฝีมือออกมา

 

  ต้วนหลิงเทียนนั้น อัจฉริยะทุกคนล้วนเคยได้ยินชื่อมานานแล้ว นั่นเพราะบนหัวต้วนหลิงเทียนเสมือนมีรัศมีสีทองผ่องอำไพอย่างไรอย่างนั้น…

 

  ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง!

 

  ระนาบเทวโลกมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นเก้าเก้า 81 ระนาบ โดยปกติแล้วจักรพรรดิสวรรค์ของแต่ละระนาบก็มีรับศิษย์บ้างไม่มากก็น้อย ทว่าฟงชิงหยางนั้นเป็นคนเดียวที่ทุกคนทราบดีว่าไม่เคยรับศิษย์อย่างเป็นทางการมาก่อนเลย…นับประสาอะไรกับศิษย์ที่แท้จริง!

 

  เช่นนั้นพอมีข่าวเรื่องที่ฟงชิงหยางรับศิษย์ที่แท้จริงแพร่ออกมา คนที่ได้รู้ข่าวก็ตกใจกันไม่น้อย

 

  สำหรับจักรพรรดิสวรรค์คนอื่น ต่อให้เป็น จักรพรรดิสวรรค์อันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์รับศิษย์ที่แท้จริง ก็คงไม่น่าตกใจเท่าเรื่องที่ฟงชิงหยางรับศิษย์ ถึงแม้ตอนที่รับศิษย์ ฟงชิงหยางจะยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพก็ตามที

 

  ทั้งหมดเกิดจากการไม่ฝักฝ่ายฝ่ายใดของฟงชิงหยาง ซึ่งแตกต่างจากจักรพรรดิสวรรค์คนอื่นๆมาก

 

  กระทั่ง กงซุนซวนหยวน จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกับฟงชิงหยาง ยังรับศิษย์อย่างเป็นทางการมากมาย และมีศิษย์ที่แท้จริงถึง 4 คน

 

  ทำให้ต้วนหลิงเทียนเป็นจุดสนใจของผู้คนอย่างมาก ตั้งแต่ศึกอัจฉริยะสวรรค์ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ

 

  อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกๆผู้คนในศึกอัจฉริยะสวรรค์รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนเพียงโชคดีเท่านั้นที่ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง จนกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว

 

  จนเมื่อต้วนหลิงเทียนลงมือครั้งแล้วครั้งเล่าในศึกอัจฉริยะสวรรค์ จวบจนเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา…

 

  จังหวะนี้ต่อให้ผู้ที่ไม่เชื่อแค่ไหนว่าต้วนหลิงเทียนได้เป็นศิษย์ของฟงชิงหยางเพราความสามารถ ก็ไม่อาจไม่เชื่อ!

 

  พวกมันลองไถ่ถามตัวเองดูว่าตอนที่มีอายุเท่าต้วนหลิงเทียนพวกมันทำได้อย่างต้วนหลิงเทียนไหม ก็บอกได้คำเดียวว่าไม่…เพราะกระทั่งตอนนี้ที่พวกมันแก่กว่าต้วนหลิงเทียนเป็นร้อยๆปี พวกมันยังไม่ได้เสี้ยวต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ!

 

  อัจฉริยะที่ท้าทายสวรรค์เกินผู้คนแบบนี้ เห็นทีจะมีแต่จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานของจี้เมี่ยเทียนเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นอาจารย์ได้

 

  “หากต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ฝึกตนไร้สังกัดใหญ่ๆอันใดและไร้ซึ่งอาจารย์ล่ะก็…ข้าเชื่อว่าแม้แต่จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้ฟ่านเทียนที่รั้งอยู่ในอันดับ 1 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์มานาน ก็เกรงว่าคงจะนิ่งเฉยไม่ไหว และต้องกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้ต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์แน่ และต้องได้เป็นศิษย์ที่แท้จริงเป็นอย่างต่ำ!”

 

  “จริง พรสวรรค์ของมันน่าทึ่งเกินไป”

 

  “เหอะๆ มันอายุได้ 600 ปีเศษ แต่บรรลุถึงระดับเทพสงคราม 5 ดาราแล้ว แถมบัดนี้ยังได้เป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางอีก วันหน้าหากเติบโตขึ้นไป ไม่พ้นพลังสามารถต้องสะท้านสะเทือนแดนสวรรค์ทั้งมวล!”

 

  “นับประสาอะไรกับแดนสวรรค์เล่า ระดับมันต่อให้ไปอยู่ในแดนเทพก็สร้างชื่อเสียงให้เลื่องลือได้แน่”

 

  …

 

  ขณะมองไปยังต้วนหลิงเทียน เหล่าอัจฉริยะหลายคนก็อดกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจไม่ได้

 

  จงกุ้ยอวี่ อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่อ้างตัวว่าเป็นศิษย์น้องของ ฉือหย่าชี กับต้วนหลิงเทียนวันก่อน อัจฉริยะอันเป็นผู้ฝึกตนไร้สังกัดที่เผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาแล้ว บัดนี้ก็เหม่อมองต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รู้ตัว

 

  “ดูเหมือนว่าศิษย์พี่หญิงจะไม่ได้หลอกข้า…ความสามารถของเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าจริงๆ”

 

  “อย่างไรก็ตาม หากพลังฝีมือทั้งหมดของมันมีเท่าที่เปิดเผยออกมา มันก็ยังไม่ใช่คู่มือของข้า!”

 

  “เว้นเสียแต่…มันจะยังปกปิดพลังฝีมือเอาไว้อยู่”

 

  ถึงแม้ปากจะพึมพำกล่าวไปแบบนั้น แต่จงกุ้ยอวี่ก็เชื่อไปในใจตามสามัญสำนึกว่าต้วนหลิงเทียนสมควรยังด้อยกว่าตัวเอง เพราะไม่มีทางที่คนอายุไม่ถึง 700 ปี จะมีพลังฝีมือมากกว่าที่เปิดเผยออกมาได้ เพราะเท่านี้ก็น่ากลัวถึงขั้นท้าทายสวรรค์แล้ว

 

  ไม่ต้องกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลกทั้งมวลที่ไม่เคยปรากฏตัวตนเช่นนี้มาก่อนเลย ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือที่บัดนี้สมควรกลายเป็นตัวตนที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดในสวรรค์และโลก ตราบใดที่เป็นคนจากระนาบเทวโลก มันก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าครั้งยังเยาว์ก็สามารถประสบผลสำเร็จเลิศล้ำเช่นนี้ได้

 

  มันเองก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่พักหนึ่ง…

 

  ว่าในบรรดาระนาบเทพทั้งหลาย ใช่มีรุ่นเยาว์อัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมาก่อนหรือไม่

 

  อาจจะมี…

 

  ท้ายที่สุดแล้ว อัจฉริยะที่เป็นชนพื้นเมืองของระนาบเทพ ก็เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด และเกิดมาก็มีพรสรรค์เด่นล้ำสุดที่อัจฉระในระนาบเทวโลกจะทาบติด

 

  แต่ก็ไม่แน่

 

  เพราะสุดท้ายแล้วไม่เพียงแต่อายุไม่ถึง 600 ปีเศษทว่าบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 5 ดารา ต้องไม่ลืมว่าต้วนหลิงเทียนเข้าถึง 2 ในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกแล้ว! สิ่งนี้นับว่าท้าทายสวรรค์มากเกินไป!!

 

  “ว่าแต่ พวกเจ้ามีใครรู้ความเป็นมาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นบ้าง?”

 

  ในขณะที่หลายๆคนให้ความสนใจต้วนหลิงเทียนกับถังซานเป่า ก็มีบางคนที่รู้สึกสนใจหลิงเจวี๋ยอวิ๋น เพราะพวกมันประทับใจการลงมืออำมหิตของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่น้อย นับว่าอีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะที่มีความเป็นมาลึกลับและดุดันทรงพลังของจริง

 

  “ไม่รู้สิ ไม่ทราบเจ้านั่นที่แท้ผุดออกมาจากไหนกันแน่…ข้าถามคนอื่นๆแล้ว ก็ไม่มีใครรู้จักอัจฉริยะเช่นมันสักคน”

 

  “ทุกคนคาดว่าเจ้านั่นน่าจะเป็นศิษย์หรือทายาทของเหล่ายอดฝีมือที่เร้นกายจากโลกหล้า หรือไม่ก็บังเอิญได้รับสืบทอดมรดกเลิศล้ำท้าทายสวรรค์อะไรมา…”

 

  “มรดกเลิศล้ำท้าทายสวรรค์? ข้าว่าคงมีแต่มรดกของเหล่าตัวตนระดับเทพแล้วล่ะ ถึงเพาะสร้างรุ่นเยาว์มากสามารถขนาดนี้ออกมาได้!”

 

  …

 

  ในปัจจุบันกระทั่งซูหลี่เองก็ยังเป็นเป้าความสนใจของผู้คนมากมาย ถึงแม้จะไม่ใช่เทพสงคราม 5 ดาราก็ตามที เพียงแค่อายุของซูหลี่ก็ถือว่าน้อยเกินไป และน้อยจนทำให้หลายๆคนตกใจจริงๆ

 

  ถึงแม้ว่าซูหลี่จะด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนอย่างเห็นได้ชัด

 

  อย่างไรก็ตาม นอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว ให้ไปเทียบกับอัจฉริยะคนไหน ซูหลี่ก็ไม่ด้อยกว่าแม้แต่นิดเดียว

 

  แน่นอนว่าที่ทุกคนพากันคิดไปแบบนี้ เพราะพวกมันไม่รู้ว่าที่จริงแล้วอายุของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ไม่ได้ต่างไปจากต้วนหลิงเทียนกับซูหลี่มากนัก

 

  “พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ว่าแต่ปีนี้ท่านอายุเท่าไหร่แล้วรึ?”

 

  ทันใดนั้นเอง อยู่ๆถังซานเป่าก็หันไปกล่าวถามหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดื้อๆ

 

  บางทีอาจเป็นเพราะมันได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของผู้คนรอบๆ

 

  หรือบางทีมันอาจมีเจตนาส่วนตัวอะไร

 

  ได้ยินคำถามของถังซานเป่า หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเพียงเหลือบมามองมันด้วยความไร้แยแส ไม่ได้สนใจจะตอบคำ ทำให้ถังซานเป่าคลี่ยิ้มสดใส กล่าวออกมาอย่างรู้มากทันที “ฮ่าๆๆ พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นท่านน่าจะอายุใกล้พันแล้วกระมัง? ดูเหมือนในบรรดาพวกเราท่านจะเป็นพี่ใหญ่!”

 

  การกระทำของถังซานเป่า เห็นได้ชัดว่าคิดใช้ลูกล่อลูกชนกระตุ้นให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคายความจริงออกมา แต่น่าเสียดายที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย ทำให้มันอดไม้ได้ที่จะฮึดฮัดอยู่บ้าง

 

  “เจ้านี่ก็อายุพอๆกับข้าและซูหลี่นั่นล่ะ”

 

  ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกล่าวออกมา ถึงแม้ตัวเขาเองจะไม่รู้อายุของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น แต่เขากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นรู้จักกันมานานแล้ว แถมจิตวิญญาณกระบี่ หวงเอ้อ จิตวิญญาณกระบี่ของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ก็รู้จักหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดีจนไม่อาจรู้จักดีไปกว่านี้ได้แล้ว

 

  “อะไร? อายุน้อยกว่า 700 ปีรึ!?”

 

  ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน สองตาถังซานเป่าก็ทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง โพล่งถามออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

  “ถูก”

 

  พอเห็นต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ ถังซานเป่าก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็กวาดตามองพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 พลางกล่าว “พวกเจ้ามันล้วนแล้วแต่เป็นตัวประหลาดน้อย!!”

 

  “อย่างไรก็ตาม ในเมื่อพวกเจ้ายังละอ่อนขนาดนี้ ถึงกับอ่อนกว่าข้าเป็นร้อยๆปี เช่นนั้นไม่ใช่พวกเจ้าต้องเรียกข้าว่า พี่ใหญ่ถัง หรือไร? มาๆไหนเรียก ‘พี่ใหญ่ถัง’ ให้ฟังหน่อยเร็ว!”

 

  สีหน้าผิดปกติของถังซานเป่าหายไปเร็วไวราวกับละอองไฟวาบดับ แทนที่ด้วยความทะเล้นขี้เล่นเหมือนเคย

 

  และคำพูดมันรอบนี้ ไม่เพียงแต่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเท่านั้น กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังคร้านจะสนใจมัน

 

  สำหรับซูหลี่ ถึงกับส่ายหัวไปมาพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

  ฉากดังกล่าวทำให้ถังซานเป่ามองตาปริบๆอยู่บ้าง “พวกเจ้า…”

 

  …

 

  หลังจากที่พวกต้วนหลิงเทียนนั่งลงบนอัฒจันทร์ที่เดิมแล้ว ร่างบางน่าดูหนึ่งก็เหินมาถึง ดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย “เฮ่! เย่ตงอวี่มาถึงแล้ว!”

 

  เย่ตงอวี่ ถึงแม้จะแลดูธรรมดาไม่ถึงขั้นสะคราญโฉม แต่ด้วยหน้าตาไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ขาวกระจ่างแลดูหมดจด ให้บอกว่าแลดูสบายตาคนหนึ่งก็ไม่ผิด หากทว่าด้วยความแข็งแกร่งระดับเทพสงคราม 5 ดาราของนาง ก็มากพอจะทำให้นางกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนได้ง่ายๆ

 

  นางเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่เผยให้เห็นพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้

 

  แต่เป็นธรรมดาว่านางไม่ใช่สตรีเพียงคนเดียวที่ผ่านมาถึงรอบสุดท้าย ก็แค่นางแข็งแกร่งเหนือสตรีคนอื่นๆเท่านั้น

 

  สำหรับสตรีอีก 4 คนที่เหลือ แม้ในแง่รูปโฉมแล้ว 3 คนในนั้นจะเหนือกว่าเย่ตงลี่เสียอีก แต่ก็ไม่มีใครน่าสนใจเท่าเย่ตงอวี่

 

  “เย่ตงอวี่ นามนี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย…เทพสงคราม 5 ดาราหญิงอายุไม่ถึงพัน นางนับเป็นตัวตนที่ยากจะพานพบในระนาบเทวโลกนัก!”

 

  หลายคนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

 

  “ใช่ ถึงแม้อาจจะมีเทพสงคราม 5 ดาราหญิงอายุไม่ถึงพันปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์ระนาบเทวโลกอยู่บ้าง แต่ก็น้อยนิดยากพานพบไม่ต่างอะไรกับเขากิเลนขนหงส์…”

 

  “เย่ตงอวี่คนนี้แม้จะไม่ใช่โฉมสะคราญล่มเมืองอันใด แต่หากได้นางมาเป็นคู่ร่วมชีวิต ก็สมควรเป็นดั่งพรประเสริฐในชีวิตแล้ว!”

 

  “เหอะๆสหาย ตื่นๆ…หากเจ้าอยากได้นางมาตบแต่ง อย่างน้อยๆเจ้าต้องแข็งแกร่งเหนือกว่านางเสียก่อน”

 

  …

 

  เมื่อเย่ตงอวี่มาถึงพื้นที่สนามประลอง เรียกว่านางก็เป็นจุดสนใจไม่น้อยไปกว่าต้วนหลิงเทียนเลย

 

  กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็อดมองพินิจเย่ตงอวี่ไม่ได้ ถึงแม้นางจะไม่งดงามอะไรมาก ถึงขั้นห่างชั้นกับบรรดาสตรีรอบกายเขาหลายโยชน์ แต่ในเมื่อนางเป็นถึงเทพสงคราม 5 ดารา ก็ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย

 

  ใต้หล้านับว่ามีพยัคฆ์ซุ่มมังกรซ่อนอยู่จริงๆ!

 

  ในอดีตก่อนที่ศึกอัจฉริยะสวรรค์จะเริ่มต้นขึ้น เขาลองถามอาจารย์เขาฟงชิงหยางดูแล้ว ว่ามีเซียนอมตะที่เป็นสตรีทำผลงานเลิศล้ำในศึกอัจฉริยะสวรรค์ได้บ้างหรือไม่?

 

  ตอนนั้นอาจารย์เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

 

  แม้แต่เทพสงคราม 5 ดาราหญิงเอง ในศึกอัจฉริยะสวรรค์หลายครั้งที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีปรากฏตัวออกมาเลยสักคน

 

  ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงอดชมมองนางไม่ได้

 

  “ฮั่นแน่! พี่น้องต้วน พี่น้องซูหลี่ มองแม่นางเย่ตงอวี่ไม่วางตาเลยนะ คงไม่ใช่ว่าชอบนางเข้าแล้วกระมัง?”

 

  ตอนนี้เองเสียงยียวนของถังซานเป่าพลันดังขึ้นด้านหลังต้วนหลิงเทียนกับซูหลี่อย่างประจวบเหมาะ “พี่น้องเอย…ข้าขอเตือนพี่น้องท่านสักคำ…สตรีเช่นนี้ไม่ต่างใดกับกุหลาบที่มีหนามแหลมคม”

 

  “หากพี่น้องคิดจะสยบนางให้เชื่องเหมือนลูกแมวน้อยล่ะก็…พี่น้องต้องมีพลังเหนือกว่านางเสียก่อน”

 

  “เช่นนั้นขอพี่น้องซูหลี่อย่าพึ่งฝันไกลเลย…แต่สำหรับพี่น้องต้วนอืม…ก็พอมีลุ้นอยู่บ้าง”

 

  ถังซานเป่ากล่าวแซวออกมาอย่างสนุกสนาน

 

  “เจ้ารู้จักนางงั้นรึ?”

 

  ต้วนหลิงเทียนหันไปหยีตามองจ้องถังซานเป่าด้วยสายตาสืบสวนทันที พอเห็นถังซานเป่าสะดุ้งเล็กน้อย ก็จี้ถามสืบต่อ “หืม? นี่เจ้ารู้จักนางจริงๆ…ใช่สนิทกันหรือไม่เล่า?”

 

  แววตาพิกลของถังซานเป่าเรืองขึ้นวาบหนึ่งก่อนจะหายไป จากนั้นก็คลี่ยิ้มโง่งมกลบเกลื่อน กล่าวว่า “ใช้คำว่าสนิทคงไม่ได้หรอก…แค่เคยเห็นนางมาก่อนเท่านั้น”

 

  “อาจารย์ของนางเป็นตัวตนขอบเขตเทพอันแข็งแกร่ง”

 

  “อาจารย์ของข้า ตาแก่ นั่น ยามพบเจออาจารย์ของนางยังต้องเรียกหาว่า ‘อาจารย์อา’ ด้วยซ้ำ”

 

  นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆได้ยินเรื่องดังกล่าวจากถังซานเป่า