ตอนที่ 3500 : จับฉลากหาคู่ประลอง
หลังถังซานเป่าพูดจบคำ จางเทียนโย่วที่นั่งอยู่ข้างๆมันก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “มิน่าล่ะ ข้าถึงรู้สึกเหมือนเย่ตงอวี่ผู้นั้นกำลังมองมาทางนี้…เดิมทีข้าคิดว่านางมองต้วนหลิงเทียนเสียอีก ที่แท้สมควรมองท่านมากกว่า”
“มองต้วนหลิงเทียน? ทำไมต้องมองต้วนหลิงเทียนล่ะ?”
ถังซานเป่าแปลกใจ เรื่องนี้ไม่ชัดเจนหรือไร? สตรีนางนั้นเห็นชัดว่ามองมาที่มันหลายรอบชัดเจน
อย่างไรก็ตามถังซานเป่าอดทอดถอนในใจไม่ได้ สตรีเพศนับเป็นสิ่งมีชีวิตที่เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ
พบกันครั้งหนึ่งแต่มีเรื่องเข้าใจผิดกัน ผ่านไปเป็นร้อยปีแล้ว นางยังจดจำไม่มีลืมอีกหรือ?
“ก็เพราะต้วนหลิงเทียนหล่อเหลายิ่ง”
จางเทียนโย่วกล่าวออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “หากไม่เข้าข้างตัวเอง ในบรรดาพวกเราทั้งหมด ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนหล่อเหลา และน่าจะเป็นที่สนใจของสตรีมากที่สุดหรือไร?”
“เพ่ยตาเจ้ายังใช้การได้หรือไม่ หรือที่แท้มีปัญหาอะไรกันแน่?”
ถังซานเป่าโพล่งออกมาพลางยื่นมือมาลูบคางปั้นหน้าเข้ม “ข้าว่าเจ้ามีปัญหาเรื่องสายตามองชมความหล่อแล้วล่ะ เพราะเห็นกันอยู่ชัดๆว่าข้าหล่อเข้มยิ่งกว่าพี่น้องต้วนเสียอีก แต่เจ้ากลับบอกว่าพี่น้องต้วนหล่อสุด…บอกมาเร็ว พี่น้องต้วนลอบจ่ายให้เจ้าเท่าใด หากไม่มากนักกข้ายินดีจ่ายให้เป็นสองเท่าเลยเอ้า!”
คำพูดของถังซานเป่าไม่เพียงทำให้จางเทียนโย่วกลอกตามองบน กระทั่งว่างถิงที่นั่งข้างๆยังอดหันศีรษะไปหัวเราะเบาๆไม่ได้ ถังซานเป่าผู้นี้จะไม่หลงตัวเองไปหน่อยหรือไร?
แม้ถังซานเป่าจะไม่ขี้เหร่ แต่ก็ห่างไกลกับคำว่าหล่อเหลาอยู่มาก
อย่างดีก็ใช้คำว่าดูแล้วไม่ขัดตาเท่านั้น
“จะเริ่มแล้ว”
ตอนนี้เอง เหอเจี้ยนอวี่พลันเอ่ออกมาเสียงหนัก
ครู่ต่อมา ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็พบว่า รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ฉีคงไห่ ผุ้ที่รับผิดชอบในการควบคุมกำกับการประลองศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ก็ได้วูบร่างมาปรากฏเหนือฟ้ากลางสังเวียนประลองในพริบตา จากนั้นมันก็กวาดตามองไปยังอัฒจันทร์ที่นั่งรอบทิศ กล่าวออกมาเสียงดังฟังชัดว่า “ข้าขอประกาศว่า บัดนี้…ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบสุดท้ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!”
ถึงแม้จะรู้แต่แรกว่าอย่างไรฉีคงไห่ก็ต้องปรากฏตัวออกมากล่าวเริ่ม และช่วงแรกในรอบสุดท้ายของศึกอัจฉริยะสวรรค์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น แต่พอได้ยินฉีคงไห่พูดออกมาจริงๆ เหล่าอัจฉริยะที่เฝ้ารอทั้งหลายก็อดตื่นเต้นไม่ได
มาแล้ว!
ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงแล้ว!
การรอคอย 3 เดือนของพวกมันไม่สูญเปล่า!
“ในรอบสุดท้ายของศึกอัจฉริยะสวรรค์ ทางวิหารเฟิงฮ่าวเราจักมิได้เป็นผู้จับคู่ประลองอีกต่อไป ทุกอย่างจะถูกตัดสินโดยการจับฉลาก…ฉลากที่พวกเจ้าจับได้จักเป็นตัวกำหนดคู่ต่อสู้ของพวกเจ้า”
เรื่องที่ฉีคงไห่พูด อัจฉริยะหลายคนรู้ดีแต่แรก เพราะสุดท้ายศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งที่ผ่านๆมา ก็ดำเนินไปในลักษณะดังกล่าว คราวนี้จึงไม่มีข้อยกเว้น เหล่าอัจฉริยะที่ผ่านเข้ารอบมาได้ จะจับฉลากเพื่อตัดสินว่าใครจะได้ประลองกับใคร
“พวกเจ้าว่า…ในช่วงแรกของรอบสุดท้าย จะมีอัจฉริยะคู่ใดในบรรดา 30 คนที่เป็นเทพสงคราม 5 ดาราแล้วพบกันแต่แรกเลยหรือไม่?”
หลายคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยนัก
“เท่าที่เปิดเผยมาตอนนี้ ในบรรดาอัจฉริยะทั้ง 30 คน ก็มีเทพสงครามไปแล้วถึง 8…กล่าวได้ว่าแทบจะเป็น 1 ใน 3 เลยก็ว่าได้ เช่นนั้นโอกาสที่จะพบเจอกันเองก็มีสูงอยู่”
“แต่ข้ากลับหวังว่าการประลองระหว่างเทพสงคราม 5 ดาราจะไม่เกิดขึ้นเร็วนัก สิ่งนี้สมควรเป็นทีเด็ดช่วงท้ายๆ…”
…
ในขณะที่เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายกำลังกระซิบกระซาบคุยกันอย่างออกรส ฉีคงไห่ก็ได้เรียกกล่องหยกใบหนึ่งที่มีช่องเปิดด้าบช่องเดียวออกมา “ในกล่องหยกใบนี้มีฉลากหยกทั้งสิ้น 30 ชิ้น และฉลากหยกแต่ละชิ้นก็แกะสลักตัวเลข 1-30 เอาไว้…”
“ผู้ที่ได้รับหมายเลข 1 จะประลองกับผู้ที่ได้รับหมายเลข 2 จากนั้นผู้ที่ได้หมายเลข 3 จะประลองกับหมายเลข 4 เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ…”
“เอาล่ะ ตอนนี้ขอให้อัจฉริยะทั้ง 30 คนที่ผ่านเข้ารอบ ออกมารวมกันเบื้องหน้าข้าและจับฉลากทีละคน”
“และข้าขอเตือนพวกเจ้าไว้ก่อน ว่าอย่าได้คิดใช้สำนึกเทวะเพื่อตรวจสอบตัวเลขด้านในกล่องเด็ดขาด หาไม่แล้วเจ้าก็ต้องแบกรับความเสี่ยงเอาเอง!”
ว่ากันว่าในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งหนึ่ง มีบางคนที่เข้ามาถึงรอบสุดท้าย คิดใช้สำนึกเทวะเพื่อตรวจสอบหมายเลข เพื่อที่จะจับฉลากหยกให้ได้คู่ประลองที่อ่อนด้อยกว่า สุดท้ายก็ส่งผลให้ประธานที่กำกับดูแลการประลองทำลายสำนึกเทวะที่ล่วงล้ำเข้ามาในกล่องหยกของพวกมันจนพินาศสิ้น ยังผลให้จิตวิญญาณเกิดการบาดเจ็บ สุดท้ายก็ไม่อาจใช้พลังเต็มที่ในรอบสุดท้ายของศึกอัจฉริยะสวรรค์ได้อีกต่อไป
หลังจากนั้นก็ไม่มีคิดกล้าละเมิดคำเตือนอีกเลย
และเมื่อเสียงของฉีคงไห่ดังจบคำ อัจฉริยะทั้ง 30 คนรวมถึงต้วนหลิงเทียนกับบพวกที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้ ก็ทยอยกันเหินร่างขึ้นไปบนฟ้าทีละคนๆ
จากนั้นท่ามกลางสาตาของทุกคน อัจฉริยะก็ออกไปทยอยกันจับฉลากทีละคนๆ
ไม่นานนักแต่ละคนก็ได้รับฉลากหยกของตัวเอง
“พี่น้องทั้งหลายพวกท่านได้หมายเลขอะไรหรือ?”
ถังซานเป่าพอได้ฉลากหยกมาแล้ว มันก็มองเลขที่สลักบนฉลากหยกของตัวเองก่อน ค่อยหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆ
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ได้พูดอะไร เพียงหงายฉลากหยกที่สลักเลข 5 เอาไว้ให้เห็นชัดๆ กล่าวได้ว่าคู่ต่อสู้ในช่วงแรกของมันก็คือหมายเลข 6 ซึ่งไม่ใช่คู่ประลองของถังซานเป่า มันจึงหันไปมองถามคนรอบๆว่า “เฮ่ ผู้ใดจับได้หมายเลข 6 หรือ?”
อนิจจาไม่มีใครคิดจะตอบมัน
“ไม่ต้องถามแล้วถังซานเป่า”
ตอนนี้ซูหลี่พลันคลี่ยื้มขื่นขมพลางกล่าว “ข้าได้หมายเลข 6”
เรียกว่าการประลองนัดแรกของรอบสุดท้ายของซูหลี่ คู่ต่อสู้ของมันก็คือหลิงเจวี๋ยอวิ๋น…
จังหวะนี้กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังอดอึ้งไปไม่ได้ ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าซูหลี่กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะพบกันเองในช่วงแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบสุดท้าย
“พี่น้องต้วนแล้วท่านเล่า พวกเราคงไม่ได้เจอกันเองหรอกนะ?”
ถังซานเป่าหันไปเอ่ยถามต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงหงายหมายเลข 12 ให้ทุกคนเห็นกันชัดๆ
“อัยยะ ดูเหมือนพวกเรายังไม่มีชะตาต้องมาพบกัน”
ขณะที่ถังซานเป่ากล่าวตอบ มันก็หงาฉลากหยกในมือให้ทุกคนเห็นเลข 26 ชัดๆ และคู่ต่อสู้ของมันก็คือผู้ที่ได้รับหมายเลข 25
“ตอนนี้นอกจากผู้ที่จับได้หมายเลข 1 และ 2 ขอให้ทุกกคนย้อนกลับไปที่นั่งของตัวเอง”
เสียงของฉีคงไห่ดังขึ้นอีกครั้ง
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนและอัจฉริยะคนอื่นๆก็พากันเหินร่างกลับอัฒจัทร์ที่นั่ง หลงเหลือเพียงร่าง 2 ร่างที่ยังคงลอยค้างกลางหาว แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียยนและคนอื่นๆก็หันไปชมดูว่าเหลือใครที่ไม่เหินร่างกลับมาเช่นกัน จึงพบว่า หนึ่งในผู้ที่ยังลอยร่างไม่ไปไหนก็คือ จงกุ้ยอวี่
จงกุ้ยอวี่ เซียนอมตะไร้สังกัด ได้เผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาแล้ว
มันเคยอ้างว่าเป็นศิษย์น้องของฉือหย่าชีกับต้วนหลิงเทียน
สำหรับอีกคนที่เหลืออยู่และเป็นคู่ต่อสู้ของจงกุ้ยอวี่ จนถึงตอนนี้ก็เพีงเปิดเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 4 ดาราออกมาเท่านั้น
พอต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆกลับมาถึงอัฒจันทร์ที่นั่ง ไม่ทันที่ฉีคงไห่จะประกาศให้เริ่มต้นการประลองนัดแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบสุดท้าย คู่ต่อสู้ของจงกุ้ยอวี่ที่เป็นเพียงเทพสงคราม 4 ดารา ก็เอ่ยคำยอมแพ้ออกมาเสียก่อน ทำให้จงกุ้ยอวี่ชนะโดยไม่ต้องสู้
“การประลองนัดแรก หมายเลข 2 จงกุ้ยอวี่ชนะ1”
ฉีคงไห่ก็กล่าวประกาศชัยชนะของจงกุ้ยอวี่ทันที จากนั้นก็พูดต่อว่า “ผู้ที่ได้รับหมายเลข 3 กับ 4 ออกมา”
และคู่ประลองนัดที่ 2 นั้น ก็ไม่มีใครเป็นเทพสงคราม 8 ดารา ทั้งคู่เพียงเปิดเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 4 ดาราออกมาเท่านั้น และหนึ่งในนั้นยังกระตุ้นความสนใจของต้วนหลิงเทียนอีกด้วย
หงหยวน!
อีกฝ่ายเคยเอาชนะซูหลี่ได้อย่างง่าดายมาก่อน และซูหลี่รู้สึกว่าอีกฝ่ายยังคงปกปิดพลังฝีมือของตัวเองเอาไว้ และน่าจะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 5 ดารา
ต้วนหลิงเทียนเองก็สงสัยว่าหากไม่ใช่มัน ก็น่าจะเป็นซือหม่ารุ่ย ที่อาจจะเป็น ‘ไพ่ตาย’ ที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารเฟิงฮ่าว
“หงหยวน…”
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนหันไปจับตามองหงหยวนทันทีที่มันลอยร่างออกมาเผชิญหน้าคู่ต่อสู้
“หงหยวน เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ได้รับการฝึกฝนจากวิหารเฟิงฮ่าว…ส่วนคู่ต่อสู้ของมันคราวนี้ไม่ถือว่าเด่นดังอะไร และก่อนหน้าแทบไม่มีผู้ใดรู้จักด้วยซ้ำ ทว่าพลังฝีมือของมันกลับทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เพราะบรรลุถึงระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 4 ดาราแล้ว”
สายตาของเหล่าอัจฉริยะทั้งหลาย จับจ้องไปยัง 2 ร่างที่เผชิญหน้ากันกลางหาวด้วยความสนใจ
“ทั้ง 2 มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน…คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกมันพบเจอ ล้วนเป็นเทพสงคราม 4 ดาราทั่วไปทั้งสิ้น”
“ข้าว่า…พวกมันคนใดคนหนึ่งต้องเป็นเทพสงคราม 5 ดาราแน่ เพียงแค่ยังไม่เจอใครที่บีบให้พวกมันสำแดงพลังที่แท้จริงออกมา…แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่พวกมันทั้งคู่จะเป็นเทพสงคราม 5 ดารา หรือไม่ใช่เลยทั้ง 2 คนเช่นกัน”
“จะใช่หรือไม่ใช่เดี๋ยวก็รู้!”
…
ท่ามกลางสายตาคาดหวังของทุกคน ในที่สุด หงหยวนกับคู่ต่อสู้ก็เริ่มประมือกัน
จากนั้นก็เป็นอย่างที่ซูหลี่คาดไว้ไม่มีผิด ตอนที่หงหยวนประมือกับมันอีกฝ่ายไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด มาตอนนี้หลังประมือไปไม่นาน หงหยวนก็จำต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา ก่อนจะสยบคู่ต่อสู้ได้ในท่าเดียว!
หงหยวนนับเป็นอัจฉริยะคนแรก ที่เปิดเผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราในศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบสุดท้าย
สำหรับเรื่องนี้ ฉีคงไห่ไม่ได้แลดูแปลกใจอะไรแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันทราบแต่แรกว่าหงหยวนมีพลังระดับเทพสงคราม 5 ดารา อย่างไรเสียสุดท้ายหงหยวนก็เป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าว เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่รู้ข้อมูลของหงหยวน
“ใช่จริงๆ”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มรู้สึกว่า ‘ไพ่ตาย’ ของวิหารเฟิงฮ่าวยิ่งมายิ่งลี้ลับ เพราะจนถึงบัดนี้พลังที่หงหยวนเผยออก ไม่ได้แตกต่างอะไรจากซือหม่ารุ่ยมากนัก ยากจะบ่งชี้ว่าในบรรดาพวกมันทั้งคู่ผู้ใดสูงต่ำ
“การประลองคู่ที่ 2 หงหยวนได้รับชัยชนะ”
พอฉีคงไห่ประกาศผู้ชนะจบ มันก็เรียกให้หมายเลข 5 กับ 6 ออกมาทันที
หมายเลข 5 กับ 6 ก็คือซูหลี่และหลิงเจวี๋ยอวิ๋ย
“เฮ่ย นั่นมันซูหลี่กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนี่?”
“เหอะๆ! นี่พวกมันจะไม่ดวงซวยไปหน่อยรึไง? โอกาสพบเจอกันเองมีเท่าไหร่กันยังจับฉลากมาเจอกันได้?”
…
ในสายตาของทุกคน ซุหลี่กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นสมควรเป็นสหายกัน แต่ตอนนี้มิคาดการประลองนัดแรกในรอบสุดท้ายศึกอัจฉริยะสวรรค์ของทั้งคู่ กลับต้องมาพบกันเอง
“แล้วซูหลี่จะยอมแพ้เลยหรือไม่?”
หลายคนอดคิดไปทำนองดังกล่าวไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วทั้งคู่ไม่เพียงแต่เป็นสหายกัน แต่พลังฝีมือที่เผยออกมายังแตกต่างกันมาก โดยปกติแล้วผลลัพธ์ไม่มีอะไรที่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม ซูหลี่ไม่คิดยอมแพ้ แต่เลือกจะประมือกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น
แน่นอนว่าผลลัพธ์ก็ออกมาดั่งที่คนส่วนใหญ่คาดเอาไว้ ซูหลี่พ่ายแพ้ใน 3 กระบวนท่า
และทั้งหมดเป็นเพราะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ได้เอาจริงแต่แรก
หาไม่แล้วเกรงว่ากระทั่งกระบวนท่าเดียว ซูหลี่ก็รับไว้ไม่ไหว
“การประลองนัดที่ 3 หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นผู้ชนะ”
เสียงของฉีคงไห่ดังขึ้นอีกครั้ง “ต่อไปขอให้ผู้ที่จับฉลากได้หมายเลข 7 กับ หมายเลข 8 ออกมา”
และทั้งคู่ก็ล้วนเปิดเผพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราทั่วไปในรอบที่ผ่านๆมา และในที่สุดคนหนึ่งก็เป็นฝ่ายคว้าชัยมาได้ และเผยพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือออกมาเท่านั้น ยากจะบอกว่าที่แท้มันเป็นเทพสงคราม 5 ดาราหรือไม่ เพราะคู่ต่อสู้ของมันอ่อนแอเกินไป
หลังจากหมายเลข 7 กับ 8 จวบจน 9 กับ 10 ก็ไม่มีเทพสงคราม 5 ดาราปรากฏตัวออกมาเลย
หมายเลข 9 กับ 10 นั้นล้วนเป็นเทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือเหมือนกัน และใช้เวลาประมือกันนานไม่น้อย ยากจะบอกได้ว่าใครจะชนะหรือแพ้ และสุดท้ายก็มีคนหนึ่งเลือกที่จะล้มเลิกไปเอง หาไม่แล้วคงยากจะบอกว่าที่แท้ผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน
“หมาเลข 11 กับหมายเลข 12”
หลังการต่อสู้ระหว่างหมายเลข 9 กับ 10 สิ้นสุดลง ก็ถึงคราวต้วนหลิงเทียนที่จับได้หมายเลข 12 ลงประลอง
และผู้ที่จับฉลากหยกได้หมายเลข 11 ก็เป็นอัจฉริยะที่วิหารเฟิงฮ่าวฝึกฝนมา พลังที่มันเผยออกก่อนหน้าก็คือเทพสงคราม 4 ดาราระดับแนวหน้า…