ตอนที่ 3504 : อันดับที่ 11
ได้ยินคําพูดยอกย้อนของเมิ่งฝานกุ้ยที่มีต่อหยวนฮ่าวจวิน กระทั่งต้วนหลิงเทียนก็อดส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้มไม่ได้
ผู้ที่สามารถทําผลงานได้โดดเด่นในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ยังมีใครเป็นชนชั้นอ่อนด้อยหรือไร? เมิ่งฝานกุ้ยแม้จะแลดูเหมือนคุณชายเสเพล แต่ไม่อาจไม่ยอมรับว่าการที่มันมาถึงจุดนี้ได้ทั้งๆที่อายุไม่ถึงพันปี พลังฝีมือและความสามารถของมันเป็นของจริง!
จริงอยู่ที่เรื่องนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับชาติกําเนิด แต่นั่นก็มีผลแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ในระนาบเทวโลก มีกี่คนที่ชาติกําเนิดสูงกว่าเมิ่งฝานกุ้ย…แล้วมีกี่คนที่ไร้คุณสมบัติเข้าร่วมศึกอัจฉริยะเหมือนเมิ่งฝานกุ้ย?
คนเช่นนั้น ต่อให้ไม่ถึงพันก็ต้องมี 800 กว่า
ท้ายที่สุดแล้วระนาบเทวโลกก็มีแค่ 81 ระนาบ
ต่อให้เฉลี่ยคนที่มีชาติกําเนิดดีกว่าเมิ่งฝานกุ้ยไปยังระนาบเทวโลกแต่ละระนาบ อย่างน้อยๆ แต่ละระนาบก็ต้องมีอยู่ 8-10 คนไม่ใช่รึไง? แล้วไฉนตอนนี้ไม่เห็นมีโผล่มาเล่า?
“หาที่ตาย!!”
อัจฉริยะรุ่นเยาว์นามหยวนฮ่าวจวิน แต่เดิมก็คิดจะใช้วาจาแดกดันยั่วยุให้เมิ่งฝานกุ้ยหัวร้อนและเลือกจะไม่ใช้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีวิญญาณ แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ยั่วยุผู้อื่นให้หัวร้อนล้มเหลว ตัวเองกันเป็นฝ่ายหัวร้อนเพราะวาจายอกย้อนของเมิ่งฝานกุ้ยแทนซะงั้น!
หยวนฮ่าวจวินที่ชิงลงมือก่อน คนพุ่งไปดั่งราชสีห์พิโรธ ไม่ใช่เรื่องยากที่ทุกคนจะสังเกตเห็นว่ามันหัวร้อนเพราะคําพูดของเมิงฝานกุ้ย!
“ไอบ้านั่นคิดจะยั่วผู้อื่นเขาแต่ดันหัวร้อนซะเอง ลงมือด้วยอารมณ์แบบนั้นถ้ามันไม่ใช่เทพสงคราม 5 ดารา ยังไงก็แพ้…”
หลายคนที่เห็นฉากเรื่องราวคิดไปในทํานองดังกล่าวทันที
เนื่องเพราะแค่กระบวนท่าเปิดฉากของหวนฮ่าวจวิน ก็เรียกว่าทุ่มพลังมากเกิน เปิดเผยช่องโหวให้เห็นพรึบ แม้จะเป็นการชิงลงมือก่อนทําให้พลังสภาวะรุกไล่เหนือเมิงฝานกุ้ย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรักษาสภาวะมีเปรียบได้ง่ายๆ!
ทั้งหมดเพราะความฉุนเฉียวใส่แรงมากเกินไป!
และฉากเรื่องราวก็เป็นอย่างที่ทุกคนคาดคิด เมิ่งฝานกุ้ยที่เลือกจะฉากหลบและโต้ตอบหยวนฮ่าวจินอย่างฉลาด ก็เป็นฝ่ายมีเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ด้านหยวนฮ่าวจวินที่ชิงลงมือไม่ประสบผลอารามผลีผลามเสียเปรียบตั้งแต่กระบวนท่าแรก ก็ออกการหัวเสียคิดจะช่วงชิงความได้เปรียบคืนกลับให้จงได้
แต่สุดท้ายยิ่งรีบร้อนก็ยิ่งเผยช่องโหว่
กลับกลายเป็นวงจรอุบาทว์วงจรหนึ่ง
ท้ายที่สุดแล้วไม่ทันครบ 10 กระบวนท่าดี เมิ่งฝานกุ้ยก็เป็นฝ่ายเอาชนะหยวนฮ่าวจวินไปได้แน่นอนว่าอาศัยพลังอันเหนือล้ำกว่าของอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีวิญญาณเป็นส่วนใหญ่ยุติการประลองโดยรักษาอันดับของตัวไว้ได้สําเร็จ
“อันดับที่ 19”
หยวนฮ่าวจวินที่อยู่ในอันดับที่ 18 แต่เดิมอีคงไห่ก็ข้ามอันดับที่ 19 มาก่อนเพราะอันดับที่ 19 พึ่งประลองจบ มาตอนนี้ก็เลยวกกลับมาหมายเลขที่ 19 อีกครั้ง และด้วยความที่อันดับที่ 12 อย่างเมิ่งฝานกุ้ยพึ่งประลองจบ อันดับที่ 19 ก็ไม่อาจท้าอันดับที่ 12 ได้
อย่างไรก็ตามอันดับที่ 19 ก็ไม่คิดจะท้าทายอันดับที่ 11 หรือ 10 เพราะเทพสงคราม 5 ดารา ไม่ใช่อะไรที่มันจะต่อกรด้วยได้ เรื่องนี้มันย่อมรู้ตัวเองดี
สุดท้ายมันก็เลือกอันดับ 13 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดเท่าที่มันจะท้าทายได้ และก็ประสบผลสําเร็จ เพราะมันสามารถเอาชนะและแทนที่อีกฝ่ายได้!
“อันดับที่ 18 ใหม่”
เนื่องเพราะอันดับที่ 19 ท้าทายสําเร็จ ทําให้อันดับที่ 18 หรือหยวนฮ่าวจวินที่แพ้ไปก่อนหน้าร่วงตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 19 แทน เช่นนั้นผู้ที่อยู่ในอันดับที่ 17 และสมควรได้สิทธิ์ท้าประลองรอบนี้ ซึ่งร่วงตกลงมาในอันดับที่ 18 ก็กลายเป็นอันดับที่ 18 ใหม่ และมันก็เอ่ยท้าประลองเมิ่งฝานกุ้ย!
ทว่าเมิงฝานกุ้ยก็ยังรักษาอันดับของมันไว้ได้อย่างเหนียวแน่น!
จากนั้นก็ถึงตาอันดับที่ 17
อันดับที่ 17 นั้นเลือกจะท้าทายอันดับที่ 13 ซึ่งพึ่งครองอันดับได้หยกๆ ทว่าการท้าของมันไม่ประสบผลสําเร็จ
จากนั้นอันดับที่ 16 ก็เลือกจะท้าทายเมิ่งฝานกุ้ยอีกคน ทว่ายังคงล้มเหลว
เรียกว่าเมิ่งฝานกุ้ยนั้นเดิมที่ก็มีพลังฝีมือไม่ใช่ชั่วอยู่แล้ว กอปรกับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีวิญญาณ เช่นนั้นมันก็ถือได้ว่าร้ายกาจไม่ใช่เล่น! หากไม่ใช่เพราะมันดวงซวยพบกับจงกุ้ยอวี่ในรอบก่อนหน้า กล่าวได้ว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้มันก็ยังไม่เคยพ่ายแพ้ใครมาก่อนเลย!!
เรียกว่านอกเสียจากจะมีเทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือที่ถือศาสตราดีๆ หาไม่แล้วเกรงว่าคงยากจะสั่นคลอนอันดับของเมิงฝานกุ้ยได้
ส่วนเทพสงคราม 5 ดารา…น่าเสียดายที่อันดับล่างเมิ่งฝานกุ้ยไม่มีเทพสงคราม 5….
จากนั้นก็ถึงคราวอันดับที่ 15 และมันก็เลือกท้าอันดับที่ 13 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดเท่าที่จะท้าได้หากไม่นับเทพสงคราม 5 ดารา…หากทว่าล้มเหลว
เนื่องจากอันดับที่ 13 พึ่งถูกท้ามาหยกๆ ทําให้อันดับที่ 14 ทําได้แค่เลือกจะท้าเมิ่งฝานกุ้ยหรืออันดับที่ 11 ซึ่งเป็นเทพสงคราม 5 ดารา ซึ่งแน่นอนว่ามันก็รู้ตัวดีว่าคงยากจะมีชัยอะไรได้แล้ว ก็ได้แต่เลือกขอผ่านไปเพราะมันเองก็พอใจในอันดับที่ 14 พอสมควร
“อันดับที่ 13”
หมาเลขที่ 13 ที่รักษาอันดับของตัวเองจากการท้าของอันดับที่ 17 ไว้ได้ และรู้ว่าคงยากจะเอาชนะเมิ่งฝานกุ้ยรวมถึงเทพสงคราม 5 ดาราได้ ก็พึงพอใจในอันดับของตัวเองและไม่คิดท้าใครอีก
“อันดับที่ 12”
จากนั้นสายตาของฉีคงไห่ก็มาหยุดลงยังร่างเมิ่งฝานกุ้ย
แต่เมิ่งฝานกุ้ยก็เลือกจะส่ายหัวไปมาตอบกลับเร็วไว “ข้าขอผ่าน”
ล้อกันเล่นเรอะ!?
จะอันดับที่ 11 หรือ 10 ที่มันสามารถท้าได้ พวกก็ล่อเป็นเทพสงคราม 5 ดารากันหมด!
เทพสงคราม 5 ดารา ไม่ใช่อะไรที่อุปกรณ์อมตะในมือมันจะกลบความต่างได้!
เช่นนั้นมันเลือกที่จะขอผ่านไปเสียประเสริฐกว่า จะได้ไม่เจ็บตัวหรือเสียหน้าเพราะต้องกล่าวคํายอมแพ้
การขอผ่านของเมิ่งฝานกุ้ยก็ไม่ทําให้ผู้คนที่ชมดูอยู่แปลกใจอะไร ท้ายที่สุดแล้วช่องว่างระหว่างเทพสงคราม 5 ดารากับเทพสงคราม 4 ดาราก็กว้างใหญ่ไม่น้อย ถึงแม้เมิ่งฝานกุ้ยจะมีอุปกรณ์อมตะไม่ธรรมดา แต่เต็มที่ก็ทําได้แค่สูสีกับเทพสงคราม 5 ดาราที่อ่อนด้อยเท่านั้น
“หลังจากเมิ่งฝานกุ้ยขอผ่าน….ต่อไปก็ถึงตาเทพสงคราม 5 ดาราเสียที! ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว!!”
“หลังจากนี้ไป.ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดของศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้กําลังจะเริ่มต้นขึ้น!”
“ที่ต้องมาก็มาได้เสียที! ข้ารอดูชมเทพสงคราม 5 ดาราตีกันมานานแล้ว!!”
สําหรับอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลายในที่นี้ การท้าประลองของเหล่าเทพสงคราม 4 ดาราที่ผ่านๆ มา ไม่ได้ต่างอะไรจาก “อาหารเรียกน้ำย่อย” ของพวกมันเลย แต่การประลองคู่ต่อไปของศึกอัจฉริยะสวรรค์ กล่าวได้ว่าเป็น “อาหารจานหลัก” ที่พวกมันเฝ้ารอ!
“ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้เจ้าอวี๋ตงฟางนั่นมันอยู่ในอันดับที่ 11 และกําลังจะท้าประลองคนต่อไป…ข้าว่ามันน่าจะท้าเจ้านะ ดูนั่นสิ…”
สองตาซูหลี่เผยประกายแหลมคมวาบหนึ่ง มองจ้องไปยังอวี๋ตงฟางที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้าม ซึ่งบัดนี้อีกฝ่ายก็กําลังมองมายังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเอาเรื่อง ทําราวกับมีความแค้นกับต้วนหลิงเทียนอย่างไรอย่างนั้น
“หืม? เจ้านั่นมันหายจากอาการบาดเจ็บแล้วรึ?”
ได้ยินคําพูดของซูหลี ต้วนหลิงเทียนก็มองตามสายตาซูหลีไปจนพบอวีตงฟางที่กําลังมองมางทางเขาด้วยสายตาเย็นชา
ในการประลองครั้งก่อน อวี๋ตงฟางไม่ทันได้ทําอะไรหวงเฉวียนอันด้วยซ้ำ สุดท้ายก็แพ้พ่ายหวงเฉวียนกันอย่างหมดรูป และเพราะหวงเฉวียนอันเก่งกฎเวลา อวี๋ตงฟางจากชายหนุ่มก็เลยกลายเป็นชายชราแก่หง่อมใกล้ลงโลง
ทว่าบัดนี้อวี๋ตงฟางไม่ได้มีรูปลักษณ์เป็นชายชราใกล้ลงโลงสืบไป แต่กลับมามีลักษณะเป็นชายหนุ่มเหมือนเดิม
หากเป็นคนธรรมดาที่ต้องทุกข์ทรมานกับการลงมือของหวงเฉวียนอัน เกรงว่าคงไม่ใช่แค่กลายเป็นคนแก่ประเดี๋ยวประดําว แต่จะเป็นคนแก่และใกล้สิ้นอายุขัยไปจริงๆ..ทว่าอวี๋ตงฟางไม่ใช่คนธรรมดา ในฐานะเชียนอมตะที่มีอายุขัยไร้สิ้นสุด การแก่ตัวก่อนหน้าก็แค่ร่างกายถดถอยสิ้นสูญพลังชั่วคราว ขอเพียงฟื้นฟูพลัง มันก็หวนกลับมาเป็นดังเดิมได้
หากได้รับโอสถอมตะที่มีสรรพคุณเสริมสร้างพลังชีวิต แป็บๆก็ฟื้นตัวหายดีแล้ว
และต่อให้ไม่ใช้โอสถอมตะใดๆ เพียงเดินพลังสักพัก ก็ฟื้นฟูได้ไม่ยาก
“แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด เต็มที่ก็ส่งผลกับความแข็งแกร่งของมันได้ระยะหนึ่งเท่านั้น…ตราบใดที่มันมีเวลา ก็ฟื้นฟูกลับมาดังเดิมได้ง่ายๆ”
ถังซานเปากล่าว
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังมองสบตาอวี๋ตงฟางอยู่ สายตาของใครหลายๆคนก็เบนมาตกยังร่างอวี๋ตงฟางเช่นกัน เพราะอวี๋ตงฟางคืออันดับที่ 11 และเป็นผู้ท้าประลองคนต่อไป และในการจัดอันดับอัจฉริยะมันก็ถือเป็นคนสุดท้าย
เดิมที่ตัดสินจากช่วงเวลาที่มันเปิดเผยพลังฝีมือในศึกอัจฉริยะสวรรค์ มันสมควรอยู่ใน 10 อันดับแรกแน่นอน อนิจจามันดันพบเจอกับหวงเฉวียนอันและแพ้พ่าย จึงถูกวิหารเฟิงฮ่าวจัดให้อยู่ในอันดับสุดท้ายของเทพสงคราม 5 ดารา
ทุกคนเองก็ล่วงรู้เหตุผลข้อนี้ดี อวี๋ตงฟางเองก็ไร้คําโต้แย้ง สุดท้ายมันก็แพ้พ่ายหวงเฉวียนอันที่เข้าใจกฏเวลาอันน่ากลัวนั่นมาจริงๆ
“เฮๆๆ ดูนั่นสิ…สายตาของอวี๋ตงฟางมันยังไงๆอยู่นา? พี่แกเล่นจ้องต้วนหลิงเทียนฟากนั้นตาขวางเชียว พวกมันมีความแค้นอะไรกันมาก่อนงั้นเหรอ?”
“ดูจากสายตาเอาเรื่องนั่นของอวี๋ตงฟาง ข้าว่าเดี๋ยวมันต้องท้าต้วนหลิงเทียนแน่”
หนึ่งคือศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน เทพสงคราม 5 ดาราระดับต้นๆ ส่วนอีกคนก็คือศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์งี้เมียเทียน ที่เป็นเทพสงคราม 5 ดาราเป็นอย่างต่ำ…หากทั้ง 2 ปะทะกันจริง ต้องน่าดูชมแน่นอน!
ทุกคนในสนามประลองไม่เว้นจักรพรรดิสวรรค์รวมถึงคนของวิหารเฟิงฮ่าว ต่างพากันมองจ้องต้วนหลิงเทียนและอวี๋ตงฟางด้วยสายตาเร่าร้อน
“น้องฟงท่าน…ข้าว่าอีกสักครู่ไม่พ้นศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนผู้นั้น ต้องท้าทายศิษย์หลานต้วนแน่”
จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู่ หันไปมองกล่าวกับฟังชิงหยางด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่ศิษย์หลานต้วนไปทําให้มันขุ่นเคืองตั้งแต่เมื่อใด?”
“ข้าเองก็ไม่ทราบ”
ฟงชิงหยางส่ายหัวไปมาเบาๆ สีหน้าแลดูสงบให้ความรู้สึกราวลมคล้อยเมฆเคลื่อน ไม่ยินดียินร้ายใดๆ
“ดูเหมือนน้องฟงท่านจะมั่นใจในตัวศิษย์หลานต้วนมาก…”
เห็นดังนั้น ติงก็คลี่ยิ้มกว้าง สองตายังทอประกายวับวาว จากนั้นก็หันกลับไปมองด้านล่างด้วยความสนใจ
และทันใดนั้นเอง ท่ามกลางสายตาวาดหวังของทุกคน เสียงของฉีคงให้พลันดังขึ้นพอดี “ต่อไปเป็นอันดับที่ 11 อวี๋ตงฟาง…และนี่จักเป็นกระประลองครั้งแรกระหว่างเทพสงคราม 5 แค่ไม่ทราบว่าอวี๋ตงฟางเจ้าคิดท้าทายผู้ใด?”
นี่คงไห้ไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่พอเสียงของมันดังจบคํา เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายก็พุ่งพล่านขึ้นมาโดยพลัน
กล่าวได้ว่าตอนนี้บรรยากาศในสังเวียนประลองได้ถูกเร่งเร้าจนเดือดระอุ!
“อวี๋ตงฟางออกมาแล้ว!”
สายตาอันร้อนแรงของเหล่าอัจฉริยะจับจ้องไปยังร่างชายหนุ่มที่เห็นจากอัฒจันทร์ที่นั่งไปกลางฟ้าไม่วางตา ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือ อวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลําดับ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน!
อวี๋ตงฟางจะท้าทายผู้ใดกันแน่?
เท่าที่ทุกคนคิด มีโอกาสที่อวี๋ตงฟางจะท้าต้วนหลิงเทียนมากที่สุด!
และทันทีที่เห็นร่างมาถึงกลางฟ้า สายตาของอวี๋ตงฟางก็จับจ้องมายังต้วนหลิงเทียนเขม็ง!
“ชวนหยวน ดูเหมือนศิษย์เจ้าจ้องจะท้าต้วนหลิงเทียนนั่นให้ได้…”
จักรพรรดิสวรรรค์ออี้หวงเทียน อ อ่าวเทียน ที่นั่งข้างๆจักรพรรดิสวรรค์ชวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวน มองไปยังอวี๋ตงฟางที่ลอยล่องเหนือฟ้ากลางสังเวียน จากนั้นก็หันไปมองกล่าวกับกงซุนชวนหยวน
“ยังหนุ่มยังแน่น ให้พบพานความพ่ายแพ้เสียบ้างก็ดี…”
กงซุนซวนหยวนกล่าว
“หือ?”
ได้ยินคําพูดของกงซุนชวนหยวน อวอ่าวเทียนอดประหลาดใจไม่ได้ “ชวนหยวนเจ้าพูดแบบนี้ หมายความว่าอย่างไร…เจ้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นฝ่ายชนะงั้นรึ?”
ต้วนหลิงเทียน ถึงแม้กล่าวไปจะเป็นสมาชิกของระนาบเหยียนหวงบ้านเกิดมัน แต่ทว่าก็มีคนของระนาบเหยียนหวงนับไม่ถ้วนที่โดดเด่น กล่าวได้ว่าอฮ่าวเทียนก็ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรกับต้วนหลิงเทียนนัก
หากเทียบกับอวี๋ตงฟาง ศิษย์ของสหายอย่างกงซุนซวนหยวนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้า
เช่นนั้นหากเลือกได้ว่าจะให้ใครเป็นผู้ชนะ อวอ่าวเทียนย่อมหวังว่าอวี๋ตงฟางจะเป็นผู้ชนะ
คนเราย่อมมีความลําเอียง เห็นแก่คนของตัวก่อนคนนอก
แม้จะเป็นจักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่เว้น
“ต้วนหลิงเทียนนั่นมันไม่ธรรมดา…”
กงซุนซวนหยวนสายหัวพลางกล่าว ในแววตาฉายชัดถึงความไม่แน่ใจ ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างแต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“ข้าขอท้าทายอันดับที่ 3 ต้วนหลิงเทียน!”
ในที่สุด ท่ามกลางสายตาวาดหวังของทุกผู้คน อวี๋ตงฟาง ก็ลั่นคําท้าต้วนหลิงเทียนออกมาตามคาด!