ตอนที่ 3505 : ริเริ่มก่อเกิดมรรคากระบี่
ต้วนหลิงเทียนเป็นอัจฉริยะคนที่ 3 ที่เปิดเผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้
ดังนั้นในช่วงสุดท้ายของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบสุดท้าย เขาจึงถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 3 เป็นการชั่วคราว และคนที่เผยพลังก่อนหน้าเขา ก็มีแค่จงกุ้ยอวี่กับถังซานเปาเท่านั้น
และตอนนี้โอกาสท้าชิงก็ไล่มาถึงอันดับที่ 11 ซึ่งเป็นอันดับของอวี๋ตงฟาง และมันก็เลือกที่จะท้าต้วนหลิงเทียนโดยตรง กล่าวไปถือว่ามันข้ามกฏอยู่บ้าง เพราะมันเพิกเฉยอันดับที่ 10 กับ 9 แต่เลือกท้าอันดับที่ 3 เลย…แต่ในฐานะที่มันเป็นเทพสงคราม 5 ดารา ฉีคงไห่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
ซัว!
โดนอ ตงฟางกล่าวท้า ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เผยอารมณ์สีหน้าผิดแปลกอะไร คนอันตรธานหายไปคงเหลือแต่เงาติดตา ก่อนจะไปปรากฏเบื้องหน้าอวี๋ตงฟางในพริบตา
“ต้วนหลิงเทียน!”
อวี๋ตงฟางถลึงตามองจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง “ในที่สุดเวลาที่ข้าเฝ้ารอก็มาถึงวันนี้ที่ข้าอวี๋ตงฟางจะทุบตีเอาชนะเจ้าต่อหน้าผู้คนมิใช่เพราะใดอื่น แต่เพราะข้าอวีตงฟางไม่อาจทนการกระทําสับปรับของเจ้าได้ไหว!!”
“อืม”
ได้ยินวาจาพิพากษาเสียงแข็งของอวี๋ตงฟาง ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคําเบาๆ “ลงมือเถอะ”
ไม่มีใครคิดใครฝันเลย ว่าทั้งๆที่เผชิญหน้ากับคําท้าทายด้วยวาจาเอาเรื่องของอวี๋ตงฟาง คําแรกที่ต้วนหลิงเทียนพูดออกมาจะเป็นการตอบรับและเชื้อเชิญให้อวี๋ตงฟางลงมือแบบนี้ คล้ายต้วนหลิงเทียนคร้านจะเสวนากับอวี๋ตงฟางอย่างไรไม่ทราบ
และอัจฉริยะที่ชมดูอยู่ทั้งหลายก็อดยกนิ้วให้ด้วยความถูกใจไม่ได้ บ้างยังโพล่งออกมาอย่างคึกคัก “คนจริง ไม่พูดเยอะ! ลงมือก็ลงมือ!!”
“อวี๋ตงฟาง เอาชนะต้วนหลิงเทียนให้ได้เล่า! ไม่งั้นที่เจ้าลั่นวาจาไว้ดิบดีมันจะย้อนกลับไปตบหน้าชาเอานา!!”
“อวี๋ตงฟางนั่นมันปากดีถึงขนาดนี้ คงไม่กลายเป็นเรือล่มในคลองระบายน้ำหรอกนะ?”
“เหอะๆ คงไม่หรอกมั้ง? อวี๋ตงฟางนั่นจะอย่างไรมันก็แก่กว่าต้วนหลิงเทียน 300 กว่าปี แถมอย่างไรมันก็เป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน เห็นว่ามันยังเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ในรอบหลายพันปีของซวนหยวนเทียนเชียว”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ต้วนหลิงเทียนนั่นธรรมดาที่ไหน อายุยังพึ่ง 600 ปีเศษเท่านั้นแต่ร้ายกาจถึงขนาดนี้แล้ว ให้กวาดตามองทั่วประวัติศาสตร์จี้เมียเทียน เกรงว่าคงยากจะหาอัจฉริยะที่อายุไม่ถึงพันคนไหนเทียบต้วนหลิงเทียนได้กระมัง?”
ในขณะที่อวี๋ตงฟางกําลังเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียน เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายก็กระซิบกระซาบคุยกันอย่างออกรส หัวข้อสนทนาก็ไม่พ้นเรื่องที่แท้ต้วนหลิงเทียนกับอวี๋ตงฟางใครมันจะแน่กว่ากัน
บางคนมั่นใจในพลังฝีมือของอคงฟาง
บางคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนเองก็มีโอกาสชนะเช่นกัน
ต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ไม่เหมือนช่วงแรกๆของศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่มีแต่คนดูเบาอีกต่อไปตอนนี้เขาได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการประลองเรียบร้อยแล้ว
ยังเยาว์แล้วอย่างไร?
พวกที่ดูเบาผู้อื่นทั้งหลาย มีปัญญาด 30 อันดับแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์หรือไม่?
แล้วมีพลังถึงระดับเทพสงคราม 5 ดาราหรือไม่?
“ต้วนหลิงเทียน หวังว่ายามเจ้าแพ้ เจ้ายังจะทําหน้าระรื่นเช่นนี้อยู่ได้เ”
เผชิญกับต้วนหลิงเทียนที่แลดูไม่อินังขังขอบ อริยาบถผ่อนคลายแลดูสบายๆคล้ายลมคล้อยเมฆเคลื่อน อวี๋ตงฟางก็รู้สึกเสมือนโดนต้วนหลิงเทียนดูถูกอย่างไรไม่ทราบ มันมีโมโหไม่น้อย สองตาฉายแววเยียบเย็นปานจะแช่แข็งผู้คน
ซู่มมม!!
ทันใดนั้นเองปรากฏเสียงกระหึมดังขึ้นจากร่างอวี๋ตงฟาง จากนั้นด้านหลังอวี๋ตงฟางก็ปรากฏมวลแสงสีทองปะทุออกมาปานสายฟ้าฟาด แสงสีทองดังกล่าวยังเจิดจ้าปานจะย้อมโลกหล้าให้สว่างไสว!
อัจฉริยะที่ชมดูเรื่องราวอยู่ ย่อมสังเกตุเห็นมวลพลังขุมแล้วขุมเล่า พวยพุ่งออกมาเกาะกลุ่มราวดวงตะวันสาดแสงแรงกล้า!
เรียกว่าวินาทีนี้ เบื้องหลังอวี๋ตงฟางคล้ายมีตะวันดวงที่ 2 ปรากฏขึ้นจริงๆ แถมหว่างคิ้วของมันยังปรากฏสัญลักษณ์กระบี่สีทองหนึ่งขึ้น ไม่เพียงแต่เปล่งแสงสว่างไสว ยังแผ่กลิ่นอายแหลมคม ชวนให้ผู้ที่ชมมองรู้สึกเสมือนนัยน์ตาถูกบาด!
ซูมมม!!
ท่ามกลางสายตาจับจ้องของทุกคน อยู่ๆสัญลักษณ์กระบี่สีทองกลางหว่างคิ้วของอวี๋ตงฟาง ก็พุ่งยิงแสงกระบี่เล่มหนึ่งออกมา! กลิ่นอายคมกล้าหาใดเปรียบพลันแผ่ซ่านไปในบรรยากาศ เป็นแสงกระบี่หนึ่งที่พุ่งงออกไปด้วยสภาวะพลังราวกับจะเจาะทะลวงได้ทุกสิ่ง!
อย่างไรก็ตาม เผชิญหน้ากับแสงกระบี่ทองที่ยิ่งพุ่งออกมาอย่างไม่ให้ลุ้มให้เสียงของอวี๋ตงฟาง ต้วนหลิงเทียนยังคงลอยร่างเฉยเมยไม่แยแส
จนเมื่อแสงกระบี่เขียนบรรลุถึงตัว ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร อาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิด วิถีควบคุมก็สําแดงฤทธิ์เดชอีกครั้ง ห้วงมิติรอบกายคล้ายถูกบิดพับเป็นทบๆในฉับพลัน! จากนั้นก็เสมือนมีวังวนมิติผันผวนก่อเกิด สูบกลืนแสงกระบี่สีทองดังกล่าวจนสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย!!
“ป้อนกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้ามาเถอะ…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองอวี๋ตงฟางด้วสีหน้าเฉยเมย กล่าวออกเสิ่งเรียบ “มิฉะนั้นข้าเกรงว่าทันทีที่ข้าลงมือ เจ้าจะไม่อาจต้านรับได้สักท่า…”
สิ่งใดที่เรียกว่าแทงใจ?
คําพูดประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียนนี่ล่ะ เรียกว่าแทงใจอ ตงฟางอย่างแรง!
ถึงแม้ตอนนี้ผิวเผินอวี๋ตงฟางจะแลดูสงบ แต่ดวงตาของมันยิ่งมายิ่งเย็นชาลง ราวกับแค่มองก็สามารถแช่แข็งผู้คนได้
“หึ! สมแล้วที่เป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ช่างโอหังดีนัก!”
อวี๋ตงฟางกล่าวออกเสียงหนัก “ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะสนองให้เจ้าระหว่างเจ้ากับข้า มาตัดสินกันในกระบวนท่าเดียวเถอะ!”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่อวี๋ตงฟางกล่าวจบคํา เส้นแสงสีทองนับร้อยพัน ก็สาดส่องออกมาจากด้านหลังของมัน ก่อนจะโถมกันไปทางด้วนหลิงเทียนปานน่าพิรุณกระหน่ำ!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ห่าพลังแสงกระบี่นับร้อยนับพันสายพุ่งออกมาฉับไวปานอัสนีฟาด อีกทั้งแสงสีทองที่หว่างคิ้วของอวี๋ตงฟางยิ่งมาก็ยิ่งสว่างเจิดจ้า มวลพลังมหาศาลถูกจ่ายไปหนุนเสริมแสงกระบีนับร้อยนับพันพาลให้แสงกระบี่ทุกเล่มเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอํานาจปานจะได้สิ้นสุด!
อย่างไรก็ตามแม้จะเผชิญหน้ากับการจู่โจมเข้ามาด้วยแสงกระบี่อันทรงพลังน่าเกรงขามของอวี๋ตงฟาง ต้วนหลิงเทียนยังคงเฉยเมยไร้แยแส ห้วงมิติโดยรอบเสมือนแปรเปลี่ยนเป็นหลุมดํา กลืนกินแสงกระบี่ทรงพลังที่ถล่มเข้ามาดั่งห่าพิรุณของอวี๋ตงฟางได้ง่ายดาย
มาเท่าไหร่กลืนหายไปเท่านั้น!
“ดูเหมือนการโจมตีระลอกแรกของข้า ยังไม่อาจทําลายวิถีควบคุมของเจ้าได้สินะ…”
เสียงอวี๋ตงฟางดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังฟังดูสูงขึ้นไม่น้อย หากแต่ไม่มีความวิตกกังวลใดๆแฝงอยู่ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจักทําลายวิถีควบคุมของเจ้าเสียก่อน จากนั้นข้าจักให้เจ้าได้เห็นมรรคากระบี่ที่ท่านอาจารย์ถ่ายทอดให้ข้า!”
สิ้นคํากล่าว พลันปรากฏแสงกระบี่อันเปล่งกลิ่นอายคมกล้ายิ่งกว่าก่อนหน้าพุ่งออกมาจากมวลแสงสีทองเบื้องหลังมัน ไปกระจายลอยล่องอยู่ทั่วฟ้าเล่มแล้วเล่มเล่า และไม่มีแสงกระบี่เล่มไหนพุ่งเข้าไปเฉียดกรายวิถีควบคุมของต้วนหลิงเทียนให้โดนทําลายไปอย่างเสียเปล่าอีกต่อไป!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ทันใดนั้น ในสายตาของทุกคน เหนือสังเวียนประลองศึกอัจฉริยะสวรรค์คล้ายจะถูกถมไปด้วยแสงกระบี่สีทองจํานวนนับไม่ถ้วน กลิ่นอายแหลมคมแผ่ซ่านไปทั่วสารทิศ!
พลังจากการผสานรวมความลึกซึ้งกฏแห่งทองของอวี๋ตงฟางเอง ได้ถูกปลดปล่อยออกมาผสานรวมเข้ากับแสงกระบี่นับไม่ถ้วนเต็มกําลัง!
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากกฎแห่งทองแล้ว ยังมีพลังลี้ลับอันน่ากลัวอีกขุม เริ่มผสานรวมไปกับแสงกระบี่ดังกล่าว หนุนเสริมให้แสงกระบี่แต่ละเล่มยิ่งมายิ่งเปล่งกลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึง!
“มรรคากระบี่?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเฉยเมย “หากข้าดูไม่ผิด สิ่งที่เจ้าใช้ยังไม่อาจเรียกว่ามรรคากระบี่ได้ เต็มที่ก็แค่ริเริ่มก่อเกิดมรรคากระบี่เท่านั้น”
หลังจากทําความเข้าใจมรรคากระบี่ทําลายล้างของฟงชิงหยาง จนค้นพบมรรคากระบี่มิติของตัวเองและบรรลุความเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้น ต้วนหลิงเทียนก็ทราบดีถึงขั้นตอนการเข้าถึงมรรคากระบี่
เป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงบอกได้ทันที ว่าสิ่งที่อวี๋ตงฟางกําลังใช้อยู่ยังไม่ใช่มรรคากระบี่ เพียงแค่อยู่ในช่วงริเริ่มก่อตัวเป็นมรรคากระบี่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงริเริ่มก่อเกิดมรรคากระบี่ดังกล่าว หากผสานใช้กับการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏได้ในระดับหนึ่ง มันก็สามารถปลดปล่อยพลังอันน่าตื่นตะลึงออกมาได้
ดุจเดียวกับอวี๋ตงฟางในตอนนี้ ถึงแม้สิ่งที่มันเข้าใจจะเป็นช่วงริเริ่มก่อเกิดมรรคากระบี่ แต่ก็ทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกถึงแรงกดดันอยู่บ้าง
แน่นอนว่าแค่รู้สึกกดดันอยู่บ้างเท่านั้น….
อาศัยความกดดันเพียงเท่านี้ ไม่อาจทําให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปได้
“ริเริ่มก่อเกิดมรรคากระบี่แล้วอย่างไร? เพียงเท่านี้ก็เอาชนะคนที่เข้าถึงมรรคากระบี่เช่นเจ้าได้แล้ว!”
อวี๋ตงฟางคลี่ยิ้มเยียบเย็น ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะประมาทถึงขั้นปล่อยให้มันรวมรั้งพลังทั้งหมดแบบนี้ ทันใดนั้นแสงกระบี่นับร้อยพันเกลื่อนฟ้า ก็เริ่มเกาะกลุ่มรวมตัวกันฉับไว กลับกลายเป็นข่ายกระบี่ทรงกลมอันน่ากลัวหนึ่งห้อมล้อมพื้นที่รอบๆตัวด้วนหลิงเทียน
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
เสียงหอนกระบี่ดังขึ้นถี่ยิบ แสงกระบี่ที่ก่อเกิดข่ายทรงกลม เริ่มหดตัวลงด้วยความเร็ว! และดูจากความเร็วในการหดตัว คาดว่าพริบตาก็คงปนนี้ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ ณ จุดศูนย์กลางจนแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี!!
ครืนน!!
ครืนน!
แสงกระบี่นับร้อยพันที่ก่อตัวเป็นข่ายกระบี่ทรงกลม เริ่มหดตัวเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนจากทุกทิศทาง ยิ่งเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนมากเท่าไหร่ ข่ายแสงกระบี่ก็ยิ่งอัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายมองจากภายนอกก็ไม่ต่างอะไรจากต้วนหลิงเทียนติดอยู่ในบอลแสงสีทองมหึมาที่เกิดจากแสงกระบี่แม้แต่น้อย!
“ต้วนหลิงเทียน นี่เป็นกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ข้าใช้ออกได้! ต่อให้เป็นเทพสงคราม 5 ดาราชนชั้นยอดฝีมือหากต้องมาต้านรับกระบวนท่านี้ของข้าโดยไม่หลบหลีก ต่อให้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!”
เสียงของอวี๋ตงฟางดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ยังแฝงอํามหิตไม่น้อย “และตอนนี้ เจ้าจบสิ้นแล้ว!!”
ทันทีที่อวี๋ตงฟางกล่าวคํานี้ออกมา อัจฉริยะที่ชมดูอยู่ก็อดอุทานออกมาด้วยความแตกตื่นไม่ได้
เพราะกระบวนท่าของอวี๋ตงฟางนั้นนับว่าน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย พลังอานุภาพของแสงกระบี่สีทองแต่ละเล่มก็ร้ายกาจมากแล้ว แต่ตอนนี้แสงกระบี่นับบร้อยพันกลับควบรวมเป็นข่ายกระบี่น่ากลัว บดขยี้เข้ามาพร้อมกันทุกทิศทาง! และจากกลิ่นอายพลังมหาศาลนั่น หลายคนยังตระหนักว่าพลังอานุภาพได้เหนือกว่าระดับพลังของเทพสงคราม 5 ดาราธรรมดาๆไปแล้วจริงๆ!!
กระทั่งเหล่าอัจฉริยะที่มีพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราทั้งหลายเมื่อเห็นการลงมือครั้งนี้ของอวี๋ตงฟาง ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้
“ต้วนหลิงเทียนจะต้านทานรับไหวหรือไม่…หากอวี๋ตงฟางไม่ได้กล่าวอวดโอ่ อาศัยพลังกระบวนท่านี้ของมันก็น่าจะเอาชนะได้จริงๆ?”
“เทพสงคราม 5 ดาราชนชั้นยอดฝีมือหากต้านรับตรงๆไม่ตายก็สาหัส? หากเรื่องที่มันพูดเป็นความจริง ถึงแม้วิถีควบคุมของต้วนหลิงเทียนจะล้ำลึกยากหยั่งถึง แต่ข้าเกรงว่าคงรับกระบวนท่านี้ไม่ไหว…สุดท้ายวิถีควบคุมของต้วนหลิงเทียนก็พึ่งจะบรรลุขั้นตอนเบื้องต้นไม่ใช่หรือ?”
“ต้วนหลิงเทียนกําลังจะแพ้งั้นเหรอ?”
เวลานี้กระทั่งคนที่มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน ใจยังอดไขว้เขวไปไม่ได้
พวกมันมองจ้องไปยังอวี๋ตงฟางอย่างระวัง หมายชมดูว่าอวี๋ตงฟางใช้กล่าวอวดโอ่เกินจริงหรือไม่ แต่พวกมันก็จําต้องผิดหวัง เพราะดูท่าแล้วอวี๋ตงฟางไม่ได้คุยโวโอ้อวดจริงๆ!
ตูมมมม!!
ครืนนนนน!!
จากนั้นภายใต้สายตาจริงจังของทุกคน บอลแสงสีทองอันเกิดจากข่ายแสงกระบีนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมด้วนหลิงเทียนอยู่ ก็ระเบิดขึ้นในฉับพลัน พลังมหาศาลปานจะถล่มโลกปะทุออกมาอย่างน่ากลัว! และหากไม่ได้ฉีคงไห่เร่งลงมือกําจัดคลื่นพลังที่กวาดสะท้านออกมาทั่วสารทิศได้ทัน เกรงว่าอัจฉริยะที่พลังไม่ถึงขอบเขตเทพสงคราม 4 ดาราบนอัฒจันทร์ที่นั่งคงได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า!!
อยู่ๆข่ายแสงกระบี่มหาศาลที่ขดตัวเป็นบอลสีทองทรงกลมก็บังเกิดการระเบิดขึ้นมาแบบนี้ แสงพลังแน่นอนว่าต้องส่องสว่างเจิดจ้าหาใดเปรียบ ทําให้ดวงตาของหลายๆคนเจ็บปวดทั้งพร่ามัวไม่น้อย จําต้องใช้เวลาสักพักกว่าสายตาจะฟื้นฟูกลับมาดังเดิม
จากนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน ณ จุดที่บอลแสงสีทองระเบิดขึ้นเมื่อครู่ ก็ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่เลย!
“ยะ…อย่าบอกนะว่า ต้วนหลิงเทียนโดนระเบิดตายไปแล้ว?!”
“บ้าน่า…โดนระเบิดจนแหลกเป็นจุณเลยหรือ!?”
ในขณะที่หลายๆคนมองไม่เห็นตัวต้วนหลิงเทียนที่สมควรอยู่ ณ จุดศูนย์กลางระเบิดแสงกระบี่ของอวี๋ตงฟาง และกําลังสงสัยว่าต้วนหลิงเทียนตายไปแล้วหรือไม่นั้น คิ้วของอวี๋ตงฟางก็ขดย่นเป็นปมทันที!
การโจมตีของมันเมื่อครู่แม้พลังอานุภาพรุนแรงพอจะฆ่าต้วนหลิงเทียนได้…แต่เกรงว่าคงไม่อาจฆ่าคนได้หมดจดจนไม่เหลือร่องรอยแบบนี้
ตอนนี้อย่าว่าแต่เศษเสื้อผ้าหรือชิ้นส่วนต้วนหลิงเทียนกระทั่งเลือดสักหยดหรือละอองเลือดอันใดก็ไม่มี
ที่สําคัญ ไม่มีแหวนพื้นที่!
หลายคนอาจคิดไปว่ากระบวนท่าของอวีตงฟางอาจปนร่างด้วนหลิงเทียนจนเป็นผง และกระทั่งแหวนพื้นที่ก็ไม่มีเหลือ
อย่างไรก็ตามอวี๋ตงฟางรู้ดี…ว่ากระบวนท่าของมันไม่ได้มีอานุภาพทําลายล้างทรงพลังถึงขั้นนั้น!
“ต้วนหลิงเทียนยังไม่ตาย! นู่น อยู่ข้างบนนู่น!”
ในขณะที่ใจอวี๋ตงฟางกับลังดิ่งลงไปอยู่ที่ตาตุ่มและเส้นประสาททั่วร่างขมึงตึงเครียด เสียงอุทานของผู้ชมบนอัฒจันทร์ที่นั่งพลันดังเข้าหูมัน จากนั้นมันก็เร่งแหงนขึ้นไปมองฟ้าเหนือศีรษะทันที!