ตอนที่ 3507

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3507 : สองสาวดวลเดือด

 

       สตรีในชุดคลุมลมสีเทาหลวมโครก พร้อมด้วยหมวกฟางทั้งผ้าปิดปากเหินร่างเข้าสู่กลางอากาศเหนือสังเวียนประลองอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

  การแต่งกายของนางนับว่าเหมาะกว่าจะแต่งในยามวิกาลที่มองไม่เห็นแม้นิ้วมือทั้ง 5 มากกว่าจะใส่มากลางวันแสกๆแบบนี้

 

  “ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ มีเทพสงคราม 5 ดาราหญิงปรากฏตัวออกมาพร้อมกันถึง 2 คน…ต้องทราบด้วยว่าในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งที่ผ่านๆมา หากมีเทพสงคราม 5 ดาราที่เป็นสตรีปรากฏตัวออกมาสักคนก็ยอดมากแล้ว”

 

  หลายคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นหลิวสื่อเยียนลงสังเวียน

 

  คำพูดของพวกมัน ก็ตรงกับใจใครหลายๆคน

 

  ถึงแม้ในระนาบเทวโลกจะมีสตรีที่พลังฝีมือร้ายกาจมากมาย แม้แต่ในระนาบเทพก็มีเทพที่เป็นสตรีนับไม่ถ้วน…แต่ก็ยากจะปฏิเสธว่าหากเป็นเรื่องฝึกฝนบ่มเพาะแล้ว สตรีก็ยังอ่อนด้อยกว่าบุรุษ แต่สิ่งนี้ก็ล้วนถูกธรรมชาติกำหนดมา

 

  แน่นอนว่า ความอ่อนด้อยที่ว่าเพียงวัดจากภาพรวมเท่านั้น

 

  มีสตรีไม่น้อยที่เข้มแข็งเหนือบุรุษ และอยู่ในจุดที่บุรุษบางคนพยายามชั่วชีวิตก็ไม่อาจบรรลุถึง…และตัวตนที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของสวรรค์และโลกที่เป็นสตรี ก็มีมากกว่าหนึ่ง…

 

  “เจ้าว่าแม่นางสื่อเยียนจะท้าทายใคร?”

 

  หลังจากเห็นหลิวสื่อเยียนปรากฏตัว อัจฉริยะทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าหลิวสื่อเยียนจะเลือกท้าทายชิงอันดับของผู้ใด

 

  แน่นอนว่านางไม่อาจท้าอันดับที่ 3 อย่างต้วนหลิงเทียนได้แล้วคนหนึ่ง เนื่องจากต้วนหลิงเทียนพึ่งสู้กับอวี๋ตงฟางมาหยกๆ จึงได้สิทธิ์พักผ่อน ถึงเมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนจะไม่คล้ายสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงอะไร ก็ไม่อาจท้าได้ตามกฏ

 

  หลิวสื่อเยียนลอร่างค้างกลางหาวพักหนึ่ง สองตาของนางมองกวาดไปยังเหล่าอัจฉริยะขอบเขตเทพสงคราม 5 ดาราตามมุมต่างๆของอัฒจันทร์ สุดท้ายก็ไปหยุดลงที่ร่างหนึ่ง

 

  “ข้าขอท้า อันดับที่ 7…เย่ตงลี่!”

 

  เย่ตงลี่ เป็นสตรีอีกคนที่พลังบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 5 ดาราในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ นอกจากหลิวสื่อเยียน

 

  และเสียงซุบซิบในอัฒจันทร์เอง ก็มีคาดเดาไว้เช่นกัน ว่าไม่แน่หลิวสื่อเยียนอาจจะท้าทายเย่ตงลี่ เพราะอันดับของเย่ตงลี่เหนือกว่านาง และล้วนเป็นสตรีด้วยกันทั้งคู่

 

  “อย่างที่ตาแก่บอกไว้ไม่มีผิด สตรีทุกนางล้วนแล้วแต่เป็นแม่เสือสาว…เช่นนั้นนี่คงเข้าทำนอง หนึ่งภูมิอาจรองรับ 2 พยัคฆ์สินะ?”

 

  ถังซานเป่าที่นั่งด้านหลังต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวกล่าวออกมา

 

  ด้านเย่ตงลี่เมื่อโดนหลิวสื่อเยียนท้าทาย ก็เหินร่างออกมาอย่างไม่เกรงกลัว ไม่นานก็มาหยุดลอยเผชิญหน้ากับหลิวสื่อเยียนกลางหาว “หลิวสื่อเยียน เจ้าไม่ควรท้าข้าเลย…”

 

  เย่ตงลี่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงสงบ สีหน้าเฉยเมยไร้แยแส

 

  “เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเชียว?”

 

  หลิวสื่อเยียนตอบกลับสั้นๆ ไม่ได้แลดูสะทกสะท้านหวั่นไหวกับความมั่นใจของเย่ตงลี่แม้แต่น้อย กระทั่งในแววตายังฉายชัดถึงจิตต่อสู้ ราวกับทนรอสู้กับเย่ตงลี่ไม่ไหวแล้ว

 

  “มาเถอะ”

 

  พอเย่ตงลี่กล่าวออกอีกครั้ง ร่างบางนางก็เริ่มสั่นไหว ใต้ฝ่าเท้านางเริ่มปรากฏแสงพลังสีเขียวควบรวมก่อลักษณ์บงกชเขียวกำลังเบ่งบาน แผ่ซ่านกลิ่นอายพลังชีวิตอันหนาแน่นไปทั่ว

 

  เย่ตงลี่เก่งกฏแห่งไม้

 

  ครึก! ครึก! ครึก! ครึก! ครึก! ครึก!

 

  …

 

  ทันใดนั้นห้วงอากาศเบื้องหน้าเย่ตงลี่คล้ายแตกระเบิด เป็นพลังสีเขียวที่ปะทุระเบิดออกจากร่างนางในฉับพลัน จากนั้นก็เริ่มควบรวมก่อเกิดเถาวัลย์เส้นหนาปลายแหลมปานมีดดาบงอกเงยจากความว่างเปล่า ทิ่มทะลวงไปทางหลิวสื่อเยียน!

 

  เถาวัลย์แต่ละเส้นให้ความรู้สึกน่ากลัวปานอสรพิษดุร้ายกำลังอ้าปากกระฉายเลือดหมายฉกกัดเหยื่อ!

 

  การลงมือของนางเผยยให้เห้นนการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้ไม่ใช่ชั่ว

 

  เผชิญหน้ากับการเปิดฉากจู่โจมเข้าใส่ในฉับพลันของเย่ตงลี่ หลิวสื่อเยียนยังแลดูสงบไม่นำพา จากนั้นชุดคลุมสีเทาของนางก็เริ่มสั่นไหวเบาๆ อุบัติคมมีดสีเขียวก่อเกิดม้วนวนไปรอบกาย ราวพายุขนาดย่อม

 

  เป็นพายุอันเต็มไปด้วยคมมีดสายลมคมกริบ! ไม่ต่างอะไรจากมีดดาบแท้ๆ!!

 

  “หึ!”

 

  เสียงพ่นลมสบถเย็นชาของเย่ตงลี่ดังขึ้น ก่อนจะควบคุมให้เถาวัลย์ทั้งหลายพุ่งอ้อมไปตีวงล้อมร่างกายหลิวสื่อเยียนท่ามกลางพายุคมมีดสายลมเอาไว้ หมายสร้างกรงเถาวัลย์ให้หนานแน่นพอค่อยสยบหลิวสื่อเยียนในคราวเดียว!

 

  อย่างไรก็ตามหลิวสื่อเยียนก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน งไหนเลยจะมองเจตนาของเย่ตงลี่ไม่ออก เช่นนั้นอาศัยหนึ่งห้วงคิด พายุคมมีดก็แผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง หมายสับทำลายเถาวัลย์ที่คิดสร้างกรงห้อมล้อมนางเอาไว้ในบัดดล พริบตาพุคมมีดก็ปะทะกับเถาวัลย์ดังก่าว!

 

  หากเป็นเถาวัลย์ปกติ คมมีสาลมของหลิวสื่อเยียนคงสับสะบบั้นได้อย่างง่ายดาย

 

  อย่างไรก็ตาม เถาวัลย์ของเย่ตงลี่นั้นควบแน่นไปด้วยพลังธาตุไม้และพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันกล้าแข็ง จึงห่างจกาเถาวัลย์ไม้เลื้อธรรมดาไปไกลโข คมมีดสายลมของหลิวสื่อเยียนจึงทำได้แค่ทิ้งรอยเชือดเฉือนจางๆไว้บนเถาวัลย์ของนางเท่านั้น

 

  “รวม!”

 

  ทันใดนั้นเอง อยู่ๆเสียงไร้แยแสของหลิวสื่อเยียนพลันดังขึ้น และหลังจากเสียงของนางดังขึ้นทุกคนก็พบว่า พายุคมมีดที่กระจายตัวรอบๆ ได้หดเข้ามารวมรั้งก่อเกิดเป็นคมมีดสายลมเล่มเขื่องเบื้องหน้าหลิวสื่อเยียนในฉับพลัน จากนั้นคมมีดสายลมเล่มเขื่องดังกล่าวก็พุ่งเข้าใส่เถาวัลย์เบื้องหน้าอย่างเกรี้ยวกราด!

 

  ซู่มมม!!

 

  คมมีดสายลมเล่มเขื่องแหวกฟ้าไปด้วยความเร็วอัศจรรย์จนเสมือนห้วงเวลาหยุดลงชั่วขณะ เสี้ยวพริบตามันก็ฟันเถาวัลย์เบื้องหน้าจนแหลกเป็นชิ้นๆ ก่อนจะพุ่งไล่สับเถาวัลย์ที่เหลืออย่างดุร้าย!

 

  วู้มม!

 

  วู้มมม!!

 

  อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คมมีดสายลมกำลังไล่สับทำลายเถาวัลย์ด้วยความเร็วอัศจรรย์ ทุกคนพลันพบว่ามีกระแสพลังสีเขียวมรกตหนึ่งพวยพุ่งออกจากร่างเย่ตงลี่ฉับไว ไปผสานรวมเข้ากับเถาวัลย์ที่ยังมีสภาพดีอยู่ ทันใดนั้นเถาวัลย์ดังกล่าวก็ปรากฏหนามแหลมงอกเงยออกมา ปลายหนามแผ่กลิ่นอายเยียบเย็น ให้ความรู้สึกแหลมคมเสียดนัยน์ตาผู้คนนัก

 

  เปรี๊ยงงง!!

 

  ไม่นานคมมีดสายลมเล่มเขื่องก็ปะทะเข้ากับเถาวัลย์ที่งอกเงยหนามแหลมเสียดแทงลูกตาดังกล่าว เสียงเล็กแหลมก็ระเบิดดังขึ้นเสียดสะท้านแก้วหูผู้คน จากนั้นทุกคนก็เห็นแสงพลังระเบิดวาบออกมาปานประกายไฟจ้า คล้ายที่ปะทะกันไม่ใช่คมมีดสายลมกับเถาวัลย์ แต่เป็นเหล็กกล้าชั้นดี!

 

  “มีช่องแล้ว!”

 

  ทันใดนั้นเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจของหลิวสื่อเยียนพลันดังขึ้น พริบตาต่อมาร่างนางก็คล้ายหลอมผสานไปกับสายลม! คนวูบร่างตัดฟ้าไปเร็วรี่ส่งสำเนียงเสียงหวิวเสียดหู!!

 

  ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

 

  …

 

  ตอนนี้ ในสายตาของผู้ที่ระดับพลังยังไม่ถึงขั้นเทพสงคราม 5 ดารา ร่างหลิวสื่อเยียนเสมือนอันตรธานหายไปในอากาศดื้อๆ คงเหลือก็แต่เพียงเสียงร่างบางแหวกฝ่าสายลมฉับไวเท่านั้น!

 

  กระทั่งเหล่าเทพสงคราม 5 ดารา ยังเห็นร่างบางเป็นดั่งภาพเงาเลือนรางสายหนึ่งเท่านั้น

 

  “เร็ว! เร็วเกินไป!!”

 

  หลายคนยังอดอุทานออกมาไม่ได้

 

  ครึก! ครึก! ครึก! ครึก!

 

  …

 

  ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเย่ตงลี่คงไม่อาจจู่โจมหลิวสื่อเยียนได้ กระทั่งอาจถูกบุกฝ่าเข้ามาถึงตัว แต่ทันใดนั้นเถาวัลย์ทั้งหลายพลันถอยร่นกลับมาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะห้อมล้อมถักทอเป็นกรงเถาวัลย์คล้ายกักขังตัวเองเอาไว้ แต่ที่จริงมันเป็นปราการป้องกันอันยากบุกทำลาย!

 

  ผิวนอกของเถาวัลย์ที่ถักทอสร้างปราการป้องกัน ยังเผยให้เห็นหนามแหลมสีเขียวมรกตเปล่งแสงเยียบเย็นเสียดตา

 

  เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!

 

  …

 

  หลิวสื่อเยียนที่วูบร่างมาด้วยความเร็วสูงปานสายลมกรรโชก ก็ได้จู่โจมซัดเข้าใส่กรงเถาวัลย์ระรัว บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวถี่ยิบ อนิจจานางไม่อาจฝ่าทำลายกรงเถาวัลย์ดังกล่าวได้

 

  “เจ้าร้ายกาจยิ่ง หากไม่ใช้อุปกรณ์อมตะ ข้าคงเอาชนะเจ้าไม่ได้…”

 

  เย่ตงลี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในกรงเถาวัลย์มองหลิวสื่อเยียนผ่านช่องว่างเล็กๆพลางกล่าว

 

  “ข้าไปห้ามให้เจ้าไม่ใช้ตอนไหน”

 

  หลิวสื่อเยียนไม่คิดจะยอมแพ้เพียงเพราะทำลายปราการเถาวัลย์ไม่ได้ จากนั้นนางก็ยกมือขึ้น ปรากฏกระบี่ 3 ฉื่อสีแดงเข้มกระชับเข้ามือ พอถ่ายทอดพลังลงไปตัวกระบี่ก็เริ่มสั่นไหวเร่าๆ จนกระบี่คล้ายมีโลหิตไหลเวียน!

 

  เรียกว่าเป็นกระบี่ที่ให้ความรู้สึกคมกล้านัก ตัวกระบี่เป็นสีแดงฉาน เปล่งแสงสีเลือดพร่างพราวออกมา

 

  กระบี่สีแดงฉานที่นางเรียกออกมา แน่นอนว่าเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!

 

  “อุปกรณ์อมตะของข้ามันต่างจากเจ้า…”

 

  พอเย่ตงลี่กล่าวจบคำ ในมือนางก็ปรากฏแส้สีเขียวผุดจากความว่างเปล่าเข้ามือเส้นหนึ่ง เป็นแส้ที่มีความยาวถึง 5 หมี่ พอตวัดขอมือเบาๆแส้ยาวก็คล้ายกลับกลายเป็นอสรพิษมีชีวิต

 

  ทันใดนั้นเย่ตงหลี่พลันหยีตาลง ข้อมือเริ่มสั่นไหว จากนั้นตัวแส้ยาวก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งคล้ายงูหลามตัวเขื่องขึ้นมา หลังจากเงาร่างดังกล่าวปรากฏขึ้นแล้ว มันก็มองลอดกรงเถาวัลย์ไปยังหลิวสื่อเยียนด้วยสาตาไม่แยแส

 

  “จิตวิญญาณ!?”

 

  สีหน้าหลิวสื่อเยียนเปลี่ยนไปอย่างมาก นางไม่คิดเลยว่าอุปกรณ์อมตะที่เย่ตงลี่นำออกมา ที่แท้จะเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์

 

  “บ้าจริง!”

 

  ในขณะที่หลิวสื่อเยียนโพล่งคำสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ด้านอัจฉริยะทั้งหลายที่ชมดูเรื่องราวอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครคิดว่าเย่ตงลี่จะครอบครองอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ด้วย เพราะจนถึงตอนนี้ก็มีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ปรากฏขึ้นในศึกอัจฉริยะสวรรค์ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

 

  และไม่กี่คนที่ครอบครอง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะที่มีภูมิหลังความเป็นมายิ่งใหญ่ทั้งสิ้น

 

  แต่เย่ตงหลี่คนนี้ หากไม่ใช่เพราะศึกอัจฉริยะสวรรค์ เกรงว่าคงไม่มีใครรรู้จักนางเลย…

 

  อย่างไรก็ตาม ในเมื่อนางสามารถนำอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ออกมาได้ สิ่งนี้ก็มากพอจะบอกให้รู้ว่าความเป็นมาของนางก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นผู้ฝึกตนที่เร้นกาย ก็สมควรมีอาวุโสอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง

 

  อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ไม่ใช่ใครก็มีได้ ความยากลำบากในการได้มา พูดได้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าอุปกรณ์เทพระดับต่ำแม้แต่น้อย

 

  แน่นอนว่าอุปกรณ์เทพระดับต่ำที่ว่า ไม่มีจิตวิญญาณ…

 

  อุปกรณ์เทพที่มีจิตวิญญาณ ถึงแม้จะเป็นอุปกรณ์เทพระดับต่ำ ก็ไม่ใช่อะไรที่อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์จะเทียบได้แม้เศษเสี้ยว

 

  อุปกรณ์อมตะจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์นั้น ปกติแล้วจะเป็นการนำวิญญาณที่หลอมกลั่นมาปรับแต่งผสานเข้าไป ทว่าจิตวิญญาณของอุปกรณ์เทพ จะเป็นจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ…แน่นอนว่าจิตวิญญาณของอุปกรณ์เทพบางชิ้นก็เป็นจิตวิญญาณที่ถือกำเนิดมาจากอุปกรณ์เทพอื่นๆ

 

  อย่างเช่น จิตวิญญาณกระบี่หวงเอ้อ ของต้วนหลิงเทียน ที่บัดนี้เป็นจิตวิญญาณของกระบี่เทพระดับสูงอย่างกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน

 

  อย่างไรก็ตามในอดีตนั้น หวงเอ้อ เคยเป็นจิตวิญญาณของอุปกรณ์เทพระดับสูงคู่กายพี่สาวของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น

 

  ‘ในเมื่ออาจารย์ของนางเป็นเทพ…นางจะมีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ก็ไม่แปลกอะไร’

 

  เนื่องจากถังซานเป่าได้บอกต้วนหลิงเทียนกับพวกไว้แล้ว ว่าอาจารย์ของเย่ตงลี่เป็นตัวตนขอบเขตเทพ เช่นนั้นพวกต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีใครแปลกใจที่เห็นเย่ตงลี่นำอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณออกมา ทั้งหมดยังรู้สึกว่ามันสมควรเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

 

  สำหรับเซียนอมตะ อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณนั้นเป็นอะไรที่ล้ำค่าอย่างมาก…

 

  แต่สำหรับเทพ ของแบบนี้ไม่อาจนับเป็นอะไรได้…

 

  หากเทพต้องการอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีวิญญาณสักชิ้น ต่อให้ไม่ใช่ปรมาจารย์หลอมศาสตราอมตะ ก็แค่ไปจับวิญญาณมาสักดวง แล้วอาศัยพลังเทพของตัวเองปรับแต่งวิญญาณดังกล่าว ก็สามารถผสานดวงวิญญาณที่ว่าเข้าอุปกรณ์อมตะได้อย่างง่ายดาย…

 

  “เว้นเสียแต่หลิวสื่อเยียนนั่นจะยังปกปิดพลังเอาไว้อยู่…มิฉะนั้นผลการประลองคงไม่พลิกผันแล้ว”

 

  ซูหลี่กล่าว

 

  และฉากเรื่องราวต่อมา ก็เป็นอย่างที่ซูหลี่คาดเดาไว้ไม่มีผิด หลังเย่ตงหลี่นำอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีวิญญาณออกมา พลังและความเร็วของเถาวัลย์ที่ผสานจิตวิญญาณก็กล้าแข็งว่องไว สุดที่หลิวสื่อเยียนจะต้านทานรับไหวสืบไป ในที่สุดก็เอาชนะหลิวสื่อเยียนได้ไม่ยากเย็น…

 

  อันที่จริงต่อให้หลิวสื่อเยียนไม่ใช้อุปกรณ์อมตะ ด้วยความเร็วอันน่ากลัวของนาง ก็สามารถต่อกรกับเย่ตงลี่ที่ใช้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิธรรมดาได้อย่างไม่แพ้พ่าย…

 

  อนิจจา พอเย่ตงลี่ใช้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีวิญญาณออกมา หลิวสื่อเยียนก็ไม่อาจสู้นางได้ไหว แม้จะใช้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิแล้วก็ตาม…

 

  “ฮึ! หากข้ามีอาวุธแบบเจ้ามั่ง ข้าไม่แพ้เจ้าหรอก…”

 

  ถึงแม้หลิวสื่อเยียนจะแพ้พ่าย แต่ในแววตาก็ฉายชัดถึงความไม่ยินยอม

 

  “คงงั้นแหล่ะ”

 

  เย่ตงลี่คลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะหันร่างแล้วเหินกลับอัฒจันทร์ที่นั่ง

 

  ในที่สุดผลการประลองระหว่างเทพสงคราม 5 ดาราหญิงทั้ง 2 ก็ได้ข้อสรุป

 

  “ต่อไป อันดับที่ 9 หวงเฉวียนอัน”

 

  ครู่ต่อมา เสียงของฉีคงไห่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง