ตอนที่ 1937 : เผ่าเทพที่ร่วงหล่น

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1937 : เผ่าเทพที่ร่วงหล่น

“ผู้อาวุโสเทียนซวง ท่านรู้วิธีจะออกจากเขตเหนือรึไม่ ? ไม่มีที่อื่นที่จักรพรรดิซีพลาดไปเลยรึตอนที่ผนึกเขตนี้เอาไว้ ? ” เจี้ยนเฉินถามขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าจะมีการผนึกเขตนี้นานเท่าไหร่ เขาไม่ต้อการอยู่ที่นี่นานเกินไปเพราะเขากลัวว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับสหายของเขา

“มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” เทียนซวงขบคิดและเริ่มแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “จักรพรรดิซีได้ผนึกภาคเหนือเอาไว้ แต่ก็มีที่พิเศษที่ไม่ได้รับผลกระทบ เผ่าเทพที่ร่วงหล่นเป็นหนึ่งในนั้น “

“เผ่าเทพที่ร่วงหล่น ? ” นางฟ้าเฮายู่พึมพำออกมา นางเริ่มสงสัยขึ้นมา

นางอยู่ในภาคเหนือมาอยู่สักพัก ดังนั้นเป็นธรรมดาที่นางจะพอรู้จักกลุ่มต่าง ๆ ในภาคเหนือแต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินชื่อเผ่าเทพที่ร่วงหล่น

เผ่าเทพที่ร่วงหล่นคือตัวตนที่จักรวรรดิเสิ่นเตาได้แต่เทิดทูน พวกนั้นยิ่งใหญ่ซะจนอยู่จุดสูงสุดของที่ราบเมฆา

แม้แต่แค่รู้ชื่อเผ่าก็ยังต้องมีความแข็งแกร่งระดับหนึ่ง

แม้แต่จักรพรรดิก็รู้เรื่องนี้หลังจากที่ขึ้นบัลลังก์แล้ว

เทียนซวงอธิบายออกมา “เผ่าเทพที่ร่วงหล่นมีฐานะที่ยอดเยี่ยมในภาคเหนือ พวกเขาเป็นหนึ่งในองค์กรที่อยู่จุดสูงสุดของที่ราบเมฆา มีแค่พวกเขาที่ช่วยเจ้าได้”

ใจของเจี้ยนเฉินหล่นวูบ เขาสลด เนื่องจากเผ่าเทพที่ร่วงหล่นนั้นแข็งแกร่ง มันจึงไม่มีเหตุผลที่พวกนั้นจะมาช่วยเขาด้วยสถานะของเขาในตอนนี้

ทันใดนั้นเอง เจี้ยนเฉินก็คิดบางอย่างออก มีร่างหนึ่งที่เขาไม่ได้เห็นมาสักพักปรากฏขึ้นมาในหัวเขา เขามองไปที่ เทียนซวงด้วยสายตาที่เป็นประกาย ก่อนจะพูดขึ้น “ผู้อาวุโสเทียนซวง ท่านรู้จักครอบครัวตงรึไม่ ? ”

“ตระกูลตง ? เจ้ารู้จักครอบครัวตงด้วยรึ ? ” เทียนซวงมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความแปลกใจ นางถึงกับผงะ “แน่นอนว่าข้ารู้จักครอบครัวตง แต่พวกนั้นไม่ได้อยู่ในภาคเหนือ พวกนั้นอยู่ในภาคกลาง”

“น้องเทียนซวง บอกตำแหน่งเผ่าเทพที่ร่วงหล่นมาให้ข้าที” นางฟาเฮายู่เอ่ยออกมา

“พี่สาวเฮายู่ ท่านคิดจะไปที่นั่นเพื่อเขาหรือ ? ” เทียนซวงมองไปที่นางฟ้าเฮายู่ด้วยความตกตะลึง นางพบว่านางฟ้าเฮายู่ดีต่อเจี้ยนเฉินเป็นพิเศษ

นางฟ้าเฮายู่อยู่ข้างกายเจี้ยนเฉินมาโดยตลอด นางเข้าใจว่าสหายของเขานั้นสำคัญยังไงต่อเจี้ยนเฉิน ผลก็คือ เทียนซวงรู้สึกหมดหนทางกับคำยืนกรานของนางฟ้าเฮายู่ นางได้แต่บอกตำแหน่งของเผ่าเทพที่ร่วงหล่นให้กับเฮายู่

“เฮ้อ พี่สาวเฮายู่ เนื่องจากเจ้าจะไปที่เผ่าเทพที่ร่วงหล่น ข้าคงได้แต่ต้องไปกับเจ้าด้วย” สุดท้ายเทียนซวงก็ต้องไปกับนางฟ้าเฮายู่ด้วย

ทั้งสามคนได้ออกจากจักรวรรดิไปโดยที่หย่าซีเหลียนเองก็ไปด้วยโดยอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม

จักรพรรดิยืนอยู่ในสวนลอยฟ้าและมองไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งกำลังเดินทางออกไป สายตาเขาสั่นไหวและรู้สึกเหมือนไม่มั่นใจ คำพูดของเฮายู่ก่อนหน้านี้ยังคงลอยอยู่ในหัวเขา

แม้แต่เฮายู่เองก็ไม่รู้ว่าคำพูดของตนส่งผลต่อจักรพรรดิขนาดไหน จักรพรรดิจำมันได้ทุกคำ

เฮายู่ได้แบกเจี้ยนเฉินไปด้วย ความเร็วของขอบเขตตั้งต้นนั้นน่าเหลือเชื่อ อสนีบาตที่เจี้ยนเฉินเคยภูมิใจนั้นราวกับหอยทากต่อหน้าความเร็วในการเดินทางของขอบเขตตั้งต้นทั้งสองคนนี้

แสงจันทร์รายล้อมตัวเจี้ยนเฉิน เขารู้สึกราวกับว่าโลกพุ่งผ่านเขาไปราวกับว่าเขาทำการเคลื่อนย้ายอยู่ มันเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

เฮายู่ใช้แค่ก้าวเดียวก็เท่ากับเขาเดินทางทั้งวันแล้ว

ไม่นานทั้งสามคนก็หยุด พวกเขาได้มาถึงสันเขาโบราณที่เต็มไปด้วยพลังดั้งเดิม รอบข้างนั้นดูเปล่าเปลี่ยวโดยไม่มีสักคนให้เห็นในสันเขาระยะพันกิโลเมตร มันมีแค่เสียงร้องของนกและสัตว์อสูรที่อยู่ในสันเขา

เทียนซวงมองไปยังมิติโดยรอบ การรับรู้ทางวิญญาณอันแข็งแกร่งของขอบเขตตั้งต้นได้ขยายตัวและหลอมรวมกับมิติโดยรอบทำให้มันบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย

ไม่นานมิติก็แตกออกเปลี่ยนเป็นประตูแสง มีชายแก่หลังค่อมเดินออกมาและพูดขึ้น “บอกตัวตนเจ้ามา ! ”

“เทียนซวงจากจักรวรรดิเสิ่นเตา มาเพื่อขอเข้าพบกับหัวหน้าเผ่าของท่าน” เทียนซวงป้องมือให้

“รอก่อน ข้าจะไปรายงานเรื่องนี้ทันที” ชายแก่หายตัวกลับเข้าไปในประตูแสงทันที

เจี้ยนเฉินรู้สึกตะลึงเมื่อมองไปยังประตูแสง เผ่าเทพที่ร่วงหล่นกลับผนึกเขตนี้เอาไว้สำหรับเผ่าของตน

นี่คือโลกเซียน มิติที่นี่แข็งแกร่งอย่างมาก การตัดมิติส่วนนี้ออกไปภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก

แค่นั้นก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นว่าเผ่าเทพที่ร่วงหล่นนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน !

แม้ว่าเผ่าเทพที่ร่วงหล่นจะมีฐานะที่สูงส่ง แต่ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาก็จะไม่ปฏิเสธพวกขอบเขตตั้งต้นที่เข้ามาเยี่ยม ไม่นานชายแก่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งและพาทั้งสามคนเข้าไปในเผ่า

เจี้ยนเฉินหันไปสนใจพลังดั้งเดิมโดยรอบที่หนาแน่นพอจนเกือบบีบอัดตัวเขาเมื่อเขาเข้าไปในเผ่าเทพที่ร่วงหล่น เขาพบว่าไม่ใช่แค่พลังดั้งเดิมที่หนาแน่นในเผ่า แม้แต่กฎที่นี่ก็ดูชัดเจนกว่าภายนอก

ในสถานการณ์เช่นนี้ การบ่มเพาะจะพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันเร็วพอที่จะอธิบายว่าเร็วแบบติดจรวด มันไม่จำเป็นต้องทำการดูดซับเหรียญผลึกด้วยซ้ำ แม้แต่การทำความเข้าใจกฎของโลกก็ง่ายกว่าโลกภายนอก

แต่เจี้ยนเฉินเองก็ระวังตัวหลังจากที่เข้ามาในเผ่าเทพที่ร่วงหล่น เขาซ่อนกระบี่คู่ของตัวเองไว้อย่างดี

ถ้าเขายังอยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์หรือขั้นเทพ เขาคงไม่กล้าพอจะเข้ามาที่นี่ เพราะเขากลัวว่าพวกขอบเขตตั้งต้นที่แข็งแก่รงจะมองเขาออก

แต่เขาต่างไปจากอดีตแล้ว เขามั่นใจว่าแม้แต่พวกขอบเขตตั้งต้นก็ยากจะมองทะลุเขาได้ยกเว้นว่าเขาจะปะทะกับพวกนั้น

“หัวหน้าเผ่ากำลังรออยู่ในห้องโถง มากับข้า” ชายแก่นำทางไป สุดท้ายเขาก็พาทั้งสามคนไปยังห้องโถงศักดิ์สิทธิ์

ในเวลาเดียวกันก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามายังเผ่าเทพที่ร่วงหล่นจากโลกภายนอก ดูเหมือนว่าเขากำลังหนี เขาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว ความเร็วนั้นมากยิ่งกว่าเฮายู่และเทียนซวง

“ข้ามาถึงเผ่าเทพที่ร่วงหล่นได้ ซีไซหยุนผนึกเขตเหนือเอาไว้ ดังนั้นเผ่าเทพที่ร่วงหล่นจึงเป็นความหวังเดียวของข้า เมื่อข้าไปถึงที่นั่น ข้าก็จะออกจากที่ราบเมฆาได้ผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายของเผ่าเทพที่ร่วงหล่น ไม่ว่าเจ้าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ซีไซหยุน แต่เจ้าก็ไม่อาจจะหาตัวข้าเจอได้” ชายคนนั้นคิดกับตัวเองพร้อมกับกัดฟันแน่น