ตอนที่ 1938 : ผู้พิทักษ์จักรพรรดิของจักรวรรดิซี

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1938 : ผู้พิทักษ์จักรพรรดิของจักรวรรดิซี

“ซีไซหยุน เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้ตามใจเขตเหนือหลังจากที่ขึ้นมาถึงขั้นบรรพกาลรึไง ? นั่นจำกัดแค่ในจักรวรรดิซี เผ่าเทพที่ร่วงหล่นนั้นเป็นที่ซึ่งเจ้าไม่กล้าจะสร้างปัญหา”

“นี่ไม่ต้องพูดเจ้าเป็นคนไม่คบหาผู้ใด ดังนั้นเจ้าจึงไม่มีเส้นสาย เจ้าไม่เคยมาที่เผ่าเทพที่ร่วงหล่นมาก่อน ดังนั้นเจ้าจึงไม่ได้มีสายสัมพันธ์กับพวกนี้”

“ในอีกด้านแล้ว ตลอดเวลาข้าได้ใช้ฐานะผู้พิทักษ์จักรพรรดิของจักรวรรดิซีแต่ก็ไม่ได้ไร้ค่าแบบเจ้า ข้าได้ผูกมิตรกับผู้อาวุโสเผ่าเทพที่ร่วงหล่นเอาไว้และข้าก็ได้แสดงความยินดีกับหัวหน้าเผ่าตอนที่เขาได้รับตำแหน่งมา เมื่อข้ามาถึงเผ่าเทพที่ร่วงหล่นได้ เจ้าก็ไม่อาจจะทำอะไรข้าได้ แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นจักรพรรดิก็ตาม”

“ข้าไม่หนีมาหลบที่เผ่าเทพที่ร่วงหล่น ข้าแค่ต้องการยืมค่ายกลเคลื่อนย้ายของพวกเขา ด้วยสายสัมพันธ์ที่มีกับผู้อาวุโสหลายคนและหัวหน้าเผ่าตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่ตกลงกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ “

ชายแก่คนนั้นรีบมุ่งหน้าเข้าไปยังเผ่าเทพที่ร่วงหล่นด้วยตาที่เป็นประกาย มันคือความหวังเดียวในการหนีของเขา เจี้ยนเฉิน, นางฟ้าเฮายู่ และ เทียนซวง นั่งอยู่ในห้องโถงอยู่แล้วในตอนนั้น

ชายวัยกลางคนดูสง่านั่งอู่ใจกลางห้องโถงในชุดหรูหรา

ชายวัยกลางคนผู้นี้คือหัวหน้าเผ่าในตอนนี้

เจี้ยนเฉินไม่ได้มีสิทธิแม้แต่จะพูดที่นี่ หัวหน้าเผ่านั้นไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเขา เขาเพียงแค่ชายตามอง เจี้ยนเฉินแล้ว ถือว่าเจี้ยนเฉินเป็นผู้ติดตามของนางฟ้าเฮายู่และเทียนซวง

นางฟ้าเฮายู่และเทียนซวงจัดการพูดคุยกับหัวหน้าเผ่าเองทั้งหมด

ที่นี่มีแค่พวกเขาที่อยู่ขอบเขตตั้งต้นที่มีสิทธิพูดคุย

เจี้ยนเฉินไม่ได้หงุดหงิดในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เขานั่งอยู่อย่างใจเย็นแต่ในใจกลับกังวลว่าเขาจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกลับไปยังภาคใต้ได้รึไม่นั้น มันขึ้นอยู่กับเฮายู่และเทียนซวง

“หัวหน้าเผ่าเทพที่ร่วงหล่นเป็นเพียงราชาเทพ มันเป็นธรรมดาที่เป็นไปไม่ได้ที่ราชาเทพจะมีอำนาจเช่นนี้ในเผ่าเทพที่ร่วงหล่น ดูเหมือนว่าหัวหน้าเผ่าตรงหน้าเราไม่อาจจะตัดสินใจอะไรที่สำคัญได้” เจี้ยนเฉินทำการศึกษาหัวหน้าเผ่า เขาเดาว่าหัวหน้าเผ่าคนนี้เป็นเพียงคนรับหน้าที่คอยจัดการเรื่องเล็กน้อย

“หัวหน้าเผ่า ข้าขอพูดตามตรง เรามาที่นี่เพราะเราต้องการยืมค่ายกลเคลื่อนย้ายของท่าน” เทียนซวงพูดเข้าเรื่องทันที

“เจ้าอยากยืมค่ายกลเคลื่อนย้ายของเรารึ ? ” หัวหน้าเผ่ามองไปที่นางฟ้าเฮายู่และพูดขึ้น “เจ้าสร้างปัญหากับ จักรพรรดิซีมาหรือไม่ ? ”

“ไม่ใช่เช่นนั้น” เทียนซวงส่ายหน้า “นี่คือพี่สาวของข้า นางชื่อเฮายู่ เราต้องการยืมค่ายกลเคลื่อนย้ายเพราะพี่สาวข้ามีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ แม้แต่แผ่นอาคมเส้นทางสวรรค์ก็ไร้ค่าเมื่อจักรพรรดิซีผนึกภาคเหนือเอาไว้ ผลก็คือเราได้แต่มารบกวนท่าน”

“เฮายู่ ? ทำไมชื่อฟังดูคุ้น ๆ ? ” หัวหน้าเผ่าพึมพำพร้อมคิ้วที่ขมวด

เทียนซวงยิ้มออกมา “ข้าไม่คิดว่าท่านเป็นคนเดียวที่คุ้นกับชื่อพี่สาวข้า หัวหน้าเผ่า แม้แต่ในโลกเซียน ใครก็ตามที่มีฐานะระดับหนึ่งก็จะคุ้นเคยกับมัน ยังไงซะก็มีแค่คนในบัลลังก์ราชาเทพที่สามาถทำให้โลกเซียนสั่นสะเทือนได้นอกจากพวกที่เคยอยู่จุดสูงสุดของโลกมาก่อน”

หัวหน้าเผ่าเหมือนคิดถึงบางอย่างตอนที่นางพูดถึงบัลลังก์ราชาเทพ ตาเขาเป็นประกายและมองไปที่นางฟ้าเฮายู่ด้วยความตกตะลึง เขาลุกขึ้นยืนและป้องมือให้ทันที “ข้าไม่คิดว่าจะเป็นผู้อาวุโสเฮายู่ที่โด่งดังจากบัลลังก์ราชาเทพ ข้าได้ยินชื่อท่านมานานแต่ไม่คิดว่าจะได้พบท่านด้วยตัวเองในวันนี้ เป็นเกียรติของข้าจริง ๆ “

หัวหน้าเผ่านั้นตะลึงไปจริง ๆ เขาเคยชื่นชมนางฟ้าเฮายู่และแม้แต่ผู้อาวุโสในเผ่าก็ยังพูดถึงนางด้วย เขาไม่คิดว่าผู้หญิงตรงหน้าจะเป็นคนที่โด่งดังผู้นั้น

เจี้ยนเฉินเองก็แปลกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะตรวจสอบนางฟ้าเฮายู่ให้ดีกว่าเดิม

เขาไม่คิดว่านางฟ้าเฮายู่จะเคยเป็นคนที่อยู่ในบัลลังก์ราชาเทพมาก่อน !

“ข้าเห็นนักสู้ทั้งหมด 2 คนจากบัลลังก์ราชาเทพ หนึ่งในนั้นคือผู้พิทักษ์ซุยจากศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง นางอยู่ที่อันดับ 9 อีกคนคือเอเดรียนน่าที่เป็นราชาเทพช่วงสูงสุดจากเผ่าเทพ นางอยู่อันดับ 10 ข้าสงสัยว่านางฟ้าเฮายู่อยู่อันดับไหนกันในอดีต ? ” เจี้ยนเฉินเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ

แต่เขาก็ไม่อาจจะถามได้ในตอนนี้

“เจ้าสุภาพเกินไปแล้ว หัวหน้าเผ่า งั้นเรื่องค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้น…” นางฟ้าเฮายู่ป้องมือตอบรับ

หัวหน้าเผ่าถอนหายใจอกมา เขาเหมือนจะมีปัญหา ตอนที่เขาต้องการจะพูดบางอย่างออกมา สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปและเขาก็ได้มองออกไปนอกห้องโถง

“ฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วแบบนี้ หัวหน้าเผ่ายังคงดูดีดังเดิม ! ” ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านนอกพร้อมกับชายแก่ที่เดินเข้ามา

“ผู้พิทักษ์จักรพรรดิของจักรวรรดิซี ! ” หัวหน้าเผ่าลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับอีกฝ่าย เขาสุภาพอย่างมาก นี่คือผู้พิทักษ์จักรพรรดิที่ช่วยให้เขาได้ตำแหน่งหัวหน้าเผ่ามา

“ขอบเขตตั้งต้น ! ” เจี้ยนเฉินตัดสินการบ่มเพาะของอีกฝ่ายได้ทันทีที่เห็น

ผู้พิทักษ์จักรพรรดิพูดคุยกับหัวหน้าเผ่าอย่างเป็นกันเองก่อนจะบอกว่าต้องการยืมค่ายกลเคลื่อนย้าย

“เฮ้อ ท่านไม่รู้เรื่อง บรรพชนบอกเราไว้ด้วยตัวเองว่าให้ปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายเอาไว้ หากบรรพชนไม่สั่งการ แม้แต่ผู้อาวุโสในเผ่าก็ไม่กล้าใช้มัน ผู้อาวุโสเฮายู่ ข้าไม่คิดว่าข้าจะช่วยท่านในเรื่องนี้ได้” หัวหน้าเผ่าบอกออกมาอย่างหมดหนทาง

“อะไรนะ ? บรรพชนสั่งให้ปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วยตัวเองรึ ? ” ผู้พิทักษ์จักรพรรดิสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าเขาหม่นลงทันที “บังเอิญจริง ๆ ตอนที่ซีไซหยุนผนึกเขตเหนือเอาไว้ เจ้าก็ปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายไปด้วย นี่เจ้าร่วมมือกับซีไซหยุนรึ ? เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ซีไซหยุนจะยิ่งใหญ่ซะจนเผ่าเทพที่ร่วงหล่นจะทำตามที่เขาบอก ยิ่งกว่านั้นเขาไม่ได้ผูกมิตรกับเผ่าเทพที่ร่วงหล่นเอาไว้ในอดีต”

ตาของเจี้ยนเฉินสั่นไหวเมื่อได้ยินคำพูดของผู้พิทักษ์ เขาคิดกับตัวเอง “จักรพรรดิซีคิดจะกำจัดผู้พิทักษ์จักรพรรดิในครั้งนี้รึ ? ถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงบ้าคลั่งจนแม้แต่คิดจะฆ่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิ”

“มีความลับอะไรที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ มันเพียงพอที่จะทำให้จักพรรดิซีถึงกับต้องกำจัดพวกขอบเขตตั้งต้นของตัวเองเลยรึ ? ”

ผู้พิทักษ์จักรพรรดิเริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง เขาบอกว่าต้องการอยู่ในเผ่าเทพที่ร่วงหล่นอีก 2-3 วันเพื่อจะได้พูดคุยกับผู้อาวุโสที่เขารู้จัก

“ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ผู้อาวุโสต่างก็เก็บตัวกันอยู่ ยิ่งกว่านั้นข้าก็ได้รับคำสั่งมาจากผู้อาวุโสสูงสุดว่าเผ่าของเราตอนนี้กำลังจัดระบบกันใหม่อยู่ ดังนั้นเราจึงไม่อาจจะรับแขกได้” หัวหน้าเผ่าพูดออกมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน แม้ว่าเขาจะพูดมันด้วยท่าทีอึดอัดใจแต่เขาก็ยังบอกว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิควรจะกลับไปเสีย

สีหน้าของผู้พิทักษ์จักรพรรดิหม่นลง เขารู้สึกได้ว่าเผ่าเทพที่ร่วงหล่นนั้นดูเหมือนจะเร่งรีบ

เขาไม่ได้ยืนกรานว่าจะอยู่ต่อหลังจากที่อีกฝ่ายบอกให้เขากลับไป

“ไปกันเถอะ”

เมื่อเห็นว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายของเผ่าเทพที่ร่วงหล่นไม่อาจจะใช้ได้ นางฟ้าเฮายู่เองก็หมดหนทางจนต้องกลับไปพร้อมกับเจี้ยนเฉินและเทียนซวง

หลังจากที่ออกจากเผ่าเทพที่ร่วงหล่นมา ทั้งสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นที่สันเขาอีกครั้ง

ผู้พิทักษ์จักรพรรดิไม่ได้กลับไป เขายืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว

ตรงหน้าเขามีร่างสีขาวอยู่ร่างหนึ่ง กฎอันทรงพลังของขอบเขตตั้งต้นอันแน่นในมิติโดยรอบเขา มันแผ่พลังทำลายล้างซะจนทำให้มิติบิดเบี้ยวและสั่นไหว เวลาและมิติรอบตัวปั่นป่วน

พลังของกฎปิดบังหน้าตาเขาเอาไว้ มีแค่ชุดสีขาวที่พอมองเห็นได้ ส่วนใบหน้านั้นถูกปิดบังเอาไว้

แรงกดดันอันหนักหน่วงแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา เขาเหมือนเง็กเซียนฮ่องเต้ที่ซึ่งแรงกดดันของเขาสามารถกำจัดทุกอย่างโดยรอบได้แม้ว่าเขาจะยืนอยู่เฉย ๆ ก็ตาม

“จักรพรรดิซี ! ” เทียนซวงร้องออกมาและมองไปยังร่างสีขาวด้วยความตะลึง

นางฟ้าเฮายู่และเจี้ยนเฉินต่างก็มองตามไป

“ซีไซหยุน เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าสร้างผลงานให้จักรวรรดิมากแค่ไหนในฐานะผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ? เจ้าคิดจะกำจัดข้าจริง ๆ หรือ ? ” สีหน้าของผู้พิทักษ์หม่นลงและมองไปที่จักรพรรดิซี