ที่ค่อนข้างเจ็บปวดทรมานอยู่อย่างเดียว ก็คือการปั่นจักรยานจากเย่นจิงไปจินหลิง

แต่ก็ยังถือว่าดี ปันจักรยานครึ่งเดือนก็ยังดีกว่าผ่าตัดนอนอยู่บนเตียงครึ่งเดือน

ยิ่งไปกว่านั้น ตนเองผ่าตัดคราวก่อนก็ต้องทรมานแสนสาหัส ตอนนี้ยังไม่หายดีด้วยซ้ำ นี่ถ้าต้องมาผ่าตัดอีกครั้ง ความเจ็บปวดเกรงว่าจะต้องเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

แต่เวลานี้เย่เฉินพูดว่า “ให้นายไปจินหลิงเพื่อปรับปรุงตัวดีๆ นายคิดว่าให้นายไปเสวยสุขหรือไง ฉันจะบอกให้นะ ไปจินหลิงครั้งนี้ นายปั่นได้แค่จักรยานฟีนิกซ์28นิ้ววินเทจแบบธรรมดาที่สุดเท่านั้น จักรยานแบบอื่นห้ามขี่ทั้งสิ้น! ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันจะให้นายใช้รถลากขนอิฐไปเต็มคันไปจินหลิงแทน!”

“นอกจากนี้หลังนายถึงจินหลิงแล้ว นอกจากเวลาที่ขับรถให้จินหลิงแล้ว เวลาอื่นนายต้องไปเช่าห้องเดี่ยวอยู่ในเขตสลัมของหมู่บ้านชุมชน ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของนายห้ามเกินกว่าพันหยวนรวมค่าเช่าบ้านในนั้น!”

“นายวางใจ พอถึงจินหลิงแล้วฉันจะให้คนจับตาดูนายให้ดี กล้าใช้เงินเกินหนึ่งหยวน ก็จะปรับวันเพิ่มหนึ่งวัน หากนายใช้หลายหมื่นหยวน ก็อย่าคิดจากไปอีกเลยตลอดชีวิต!”

พอขงเต๋อหลงได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าฟ้าจะถล่มลงมา

ให้คุณชายตระกูลขงอันมีเกียรติอย่างเขาไปพักอยู่ในหมู่บ้านชุมชน?! อีกทั้งในแต่ละเดือนก็ห้ามใช้เงินเกินพันหยวนรวมค่าเช่าบ้านในนั้นด้วย?!

นั่นไม่เท่ากับต้องการให้ตนเองกินดินแทนข้าวหรอกหรือ?!

เขาพูดทั้งน้ำตาว่า “คุณเย่ เงินพันหยวนเกรงว่าแม้แต่ค่าเช่าบ้านก็ไม่พอแล้ว…”

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “วางใจ ค่าใช้จ่ายในจินหลิงไม่ได้สูงอย่างที่นายคิด เช่าห้องเดี่ยวห้องหนึ่งในหมู่บ้านชุมชน เดือนหนึ่งตกอยู่ที่สามร้อยหยวน ที่เหลือเจ็ดร้อยหยวน ใช้วันละยี่สิบกว่าหยวนก็พอให้นายอยู่ได้แล้ว”

ตัวเย่เฉินเองก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในชนชั้นล่างสุดของเมืองมาหลายปี เขาจึงรู้ดีถึงการใช้ชีวิตของคนจน

ค่าเช่าในหมู่บ้านชุมชนมีราคาถูกมาก ในตอนนั้นห้องเดี่ยวชั้นเดียวราคาเพียงร้อยหยวนเท่านั้น ค่าข้าวก็ไม่แพง ร้านอาหารตึกแถวในซอยเล็กๆ กับข้าวจานหนึ่งก็ตกอยู่ที่สองสามร้อยหยวนเช่นกัน ตอนนั้นเงินหนึ่งหยวนสามารถซื้อหมั่นโถวได้สี่ลูก พอกินไปหนึ่งวัน

ตอนนี้อย่างมากสุดก็แค่ปรับราคาขึ้นมาสองเท่าเท่านั้น เงินหนึ่งพันหยวนใช้คนเดียวหนึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว

แน่นอนว่าการใช้ชีวิตแบบนั้น ย่อมเป็นการใช้ชีวิตที่ไม่หนักหนาอะไร และสามารถกินข้าวอิ่มได้แค่นั้นเอง

แต่ชีวิตแบบนั้นสำหรับลูกคุณหนูอย่างขงเต๋อหลงแล้ว จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด สามารถรักษาเขาหายจากโรคชอบอวดเบ่งได้อย่างแน่นอน

ขงเต๋อหลงฟังถึงตรงนี้ ทั้งตัวก็ล้มครืนลงมา

เงินพันหยวน บอกตามตรงยังไม่พอค่าบุหรี่มวนหนึ่งของเขาด้วยซ้ำ

ตอนนี้กลับต้องการให้เขาใช้ชีวิตเดือนหนึ่ง นี่ไม่เท่ากับต้องการชีวิตเขาหรอกหรือ?

ตงซิ่วหัวเองก็ร้องไห้คร่ำครวญอย่างเจ็บปวดใจเช่นกัน จากนั้นก็มองต่งรั่งหลิน พูดเสียงสะอึกสะอื้นว่า “รั่งหลิน แกขอร้องคุณเย่อีกสิ อย่าบีบให้พี่ชายแกตายระหว่างทางเลย!”

เวลานี้ต่งรั่งหลินเองก็ลำบากใจมากเช่นกัน จะให้ตนเองพูดอะไรล่ะ? ตนเคยช่วยขอร้องให้ญาติผู้พี่ครั้งหนึ่งแล้ว เวลานี้ยังจะให้ตนเองเอ่ยปากอีก ตนเองก็กระดากใจเช่นกัน

เพราะอย่างไรเรื่องทั้งหมดล้วนเป็นญาติผู้พี่หาเรื่องเอง และตนก็ไม่อยากให้เย่เฉินไม่ถือสาเขาเลยทั้งหมด หากทำเช่นนั้นล่ะก็ จะไม่เป็นการทำให้เย่เฉินไม่ได้รับความเป็นธรรมหรอกเหรอ?

เย่เฉินคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเธอมาหลายครั้ง เป็นชายในดวงใจที่เธอรักเพียงคนเดียว เธอยอมให้ญาติผู้พี่ผู้ดีที่น่าเกลียดชังผู้นี้ได้รับความอยุติธรรม ดีกว่าจะยอมให้เย่เฉินประนีประนอมเพื่อตัวเธอ

ด้วยเหตุนี้เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจว่า “คุณป้า คุณไม่อาจตามใจญาติผู้พี่เช่นนี้ไปเรื่อยๆ ได้ นานวันเข้าจะเป็นการทำร้ายเขาแทน!”

เวลานี้เย่เฉินเอ่ยขึ้นเสียงเย็นว่า “ขงเต๋อหลง ฉันแนะนำว่าก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ ให้รีบรับปากโดยเร็วจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันจะจัดให้นายไปแบกปูนอยู่ในไซต์งานก่อสร้างที่จินหลิง ก่อนหน้านี้ที่จินหลิงมีผู้จัดการใหญ่ของบริษัทGMEแก่งหนึ่ง ชื่อว่าจางเจี้ยน นายรู้ไหมว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไร?”

ขงเต๋อหลงส่ายหน้าอย่างงุนงงสับสน

เย่เฉินยิ้มเยาะว่า “ตอนนี้เขากำลังแบกปูนอยู่ในไซต์งานก่อสร้างที่จินหลิง แถมยังต้องแบกถึงยี่สิบปี นายอยากจะไปอยู่เป็นเพื่อนเขาใช่ไหม?”