พอได้ยินว่าจะให้ตนเองไปแบกปูนที่ไซต์งานก่อสร้าง ขงเต๋อหลงก็ส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่งด้วยความตกใจทันที!

เทียบกันแล้ว อยู่หมู่บ้านชุมชน มีค่าใช้จ่ายพันหยวนทุกเดือน ยังแค่ได้รับความลำบากและทุกข์ใจนิดหน่อย หากไปแบกปูนที่ไซต์งานก่อสร้างจริง นั่นอาจจะต้องทิ้งชีวิตครึ่งหนึ่งไว้ที่ไซต์งานแล้ว

ดังนั้น เขาจึงพยักหน้าติดๆ กันโดยแทบไม่ต้องคิด “คุณเย่ ผมรับเงื่อนไขเหล่านั้นที่คุณว่ามา จะไม่ต่อรองกับคุณอีกแล้ว! ขอเพียงอย่าให้ผมไปไซต์งานก่อสร้างก็พอ…”

นี่ถึงทำให้เย่เฉินพอใจ ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นว่า “ถึงจินหลิงแล้วก็ปรับปรุงตัวเองให้ดีๆ เช้าจรดเย็นอย่าเอาแต่ทำตัวอวดเบ่ง ด้วยนิสัยถูกพ่อแม่ตามใจไม่สนหัวใครอย่างนาย อยู่เย่นจิง ไม่แน่ว่าอาจจะก่อหายนะที่ใหญ่กว่านี้จนทำร้ายตระกูลขงกับตระกูลต่งเข้า!”

สองพี่น้องต่งเจียงเหอและต่งเจียงไห่ที่อยู่อีกด้าน อดหดคอขึ้นมาไม่ได้

คำพูดนี้ของเย่เฉิน สำหรับพวกเขาแล้ว นำมาใช้ได้อย่างชาญฉลาดอยู่บ้าง

อุปนิสัยอย่างขงเต๋อหลง หากพวกเขาสองคนไม่คอยขัดเกลา ไม่แน่เขาอาจจะก่อหายนะใหญ่ขึ้นมาได้จริงๆ!

เรื่องนี้วันนี้ก็เป็นตัวอย่างได้อย่างดี พอไม่ระวัง เขาไม่เพียงล่วงเกินเย่เฉิน ยังล่วงเกินคุณชายใหญ่ตระกูลกู้ด้วย หากคุณชายใหญ่ตระกูลกู้ต้องการเอาจริงกับเขาขึ้นมาจริง ตระกูลต่งต้องพบกับภัยพิบัติอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะลูกชายคนโตของตระกูลต่งต่งเจียงไห่ ในใจโมโหเป็นอย่างยิ่ง

ขงเต๋อหลงไม่ใช่คนตระกูลต่ง แม้จะเป็นลูกของน้องสาวตนเอง แต่ยังคงเป็นคนนอกตระกูลอยู่ดี หากให้คนนอกตระกูลผู้นี้ทำลายทั้งตระกูลของตนเอง นั่นก็เท่ากับร้องไห้โดยไร้น้ำตาอย่างแท้จริง

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดอยู่บ้าง “เสี่ยวหลงเอ๋ย! พอถึงจินหลิงแล้ว แกต้องปรับปรุงตัวให้ดี พยายามกำจัดโรคนิสัยเสียเหล่านั้นของแกออกไป อย่าเที่ยวก่อเรื่องไปทั่วเหมือนอย่างตอนนี้อีก ฟังเข้าใจหรือไม่?”

ขงเต๋อหลงพูดอึกๆ อักๆ ว่า “เข้าใจแล้วครับน้าชายใหญ่…”

ในใจตงซิ่วหัวยังมีความไม่พอใจอยู่บ้าง พี่ใหญ่ผู้นี้ของตนเอง ไม่สนใจหลานชายเขาสักนิดก็ช่างเถอะ แต่ถึงกับยังพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ช่างทำให้คนผิดหวังจริงๆ

ต่งเจียงไห่ก็รู้เช่นกันว่า ในใจต่งซิ่วหัวจะต้องมีความเห็นแย้งอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงพูดกับเธออย่างหนักแน่นจริงจังว่า “ซิ่วหัว ต่อจากนี้ไป เธอต้องอบรมสั่งสอนเสี่ยวหลงให้เข้มงวดกว่านี้ อย่าเอาแต่รักแบบตามใจปล่อยให้ทำผิดต่อไปโดยไม่ห้ามปรามอีก ไม่อย่างนั้นเกิดมีวันใดวันหนึ่งเสี่ยวหลงไปก่อเรื่องอยู่ข้างนอก นำพาความเดือดร้อนมาให้ตระกูลขง ลูกสะใภ้อย่างเธอ ในสายตาตระกูลขง ก็ต้องรับผิดชอบที่สั่งสอนลูกไม่ดี เข้าใจไหม?”

พอต่งซิ่วหัวได้ยินเช่นนี้ จู่ในใจก็ตระหนักได้ว่าคำพูดนี้ของพี่ใหญ่แม้จะไม่รักษาน้ำใจเท่าไหร่นัก แต่ก็คือเรื่องจริง

หากในกรณีที่ขงเต๋อหลงก่อหายนะใหญ่ขึ้นมาจริง จนเดือดร้อนไปถึงตระกูลขง ตนเองที่เป็นสะใภ้ตระกูลขงก็ต้องแบกรับหายนะนี้

คนส่วนใหญ่ล้วนลำเอียง อย่าคิดว่านายท่านใหญ่กับนายหญิงใหญ่ตระกูลขงดีต่อตนเอง แต่เกิดขงเต๋อหลงก่อเรื่องให้ต้องตามล้างตามเช็ด พวกเขาจะต้องรู้สึกว่า สำหรับเรื่องการสั่งสอนลูกนี้ ความรับผิดชอบของตนต้องมีมากกว่าสามีของตนอย่างแน่นอน

หากผู้อาวุโสตระกูลขงไม่พอใจตนเองด้วยเหตุผลนี้จริง อย่างนั้นตำแหน่งในตระกูลขงของตนเองจะต้องได้รับผลกระทบมากอย่างแน่นอน

เพราะอย่างไรตระกูลต่งในตอนนี้ อิทธิพลก็อ่อนแอลงกว่าเมื่อก่อนมาก ตระกูลมารดาไร้กำลัง สามีตนอยู่ในตระกูลขงก็ไม่ได้รับความสำคัญอีก ฐานะนี้ของตนเองย่อมไม่สูงไปกว่านี้เช่นกัน หากมาได้รับผลกระทบเพราะลูกชายก่อเรื่องอีก เช่นนั้นภายหน้าอยู่ในตระกูลขงก็อย่าคิดเงยหน้ามามองผู้คนอีกเลย

พอคิดมาถึงตรงนี้ เธอจึงพูดกับขงเต๋อหลงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เสี่ยวหลง! ต่อไปลูกต้องค่อยๆ กำจัดโรคนิสัยเสียออกไปจากตัวให้หมด เข้าใจไหม?”

ขงเต๋อหลงทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

เขาในตอนนี้ ไม่กล้าอวดเบ่งไปทั่วอีกแล้วจริงๆ

ลูกเขยคนหนึ่งในจินหลิง สามารถทำให้ตนเองตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ได้ หากในกรณีที่ไปยั่วโทสะคุณชายใหญ่ของตระกูลที่สูงกว่านี้ขึ้นมาจริง นั่นไม่เท่ากับต้องการชีวิตของตนหรอกหรือ?

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรีบแสดงออกว่า “รอจบงานเลี้ยงวันเกิดของคุณยายแล้ว ผมจะรีบปั่นจักรยานเดินทางไปยังจินหลิงทันที หลังถึงจินหลิงแล้ว จะต้องทบทวนตัวเองให้มากๆ …”

ถึงตอนนี้ ในที่สุดละครตลกฉากหนึ่งก็ปิดม่านลงเสียที