เย่เฉินหยิบพัดจีบที่กู้เย้นจงมอบให้มาจากมือขงเต๋อหลง แล้วมอบให้คุณย่าของต่งรั่งหลินด้วยมือตนเอง ก่อนจะพูดว่า “คุณย่าต่งครับ นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยของผมกับชูหรัน หวังว่าคุณจะรับไว้ นอกจากนี้ เรื่องเมื่อสักครู่รบกวนงานเลี้ยงของคุณ ผมต้องขออภัยคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย หวังว่าคุณจะยกโทษให้”

นายหญิงใหญ่ประหลาดใจอยู่บ้าง รีบร้อนพูดว่า “คุณเย่เกรงใจไปแล้ว เรื่องเมื่อกี้ หลานฉันทำไม่ถูกเอง ว่ากันถึงที่สุดแล้วยังคงเป็นพวกเราที่บกพร่องในการอบรมสั่งสอน ก่อความเดือดร้อนให้คุณ”

พูดจบ เธอก็มองพัดจีบเล่มนั้น พร้อมกับเอ่ยปากขึ้นว่า “คุณเย่ พัดเล่มนี้ราคาสูงเกินไป นายหญิงใหญ่อย่างฉันรับไม่ไหวจริงๆ”

เย่เฉินรีบกล่าวว่า “คุณย่าต่ง ของขวัญก็คือน้ำใจอย่างหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับราคา คุณก็อย่าเกรงใจไปเลยครับ บอกตามตรงพัดนี้ผมเองก็ไม่ได้ใช้เงินซื้อมา เป็นของที่ประธานกู้ซื่อกรุ๊ปมอบให้ ผมก็แค่ยืมดอกไม้มาถวายพระ คุณก็อย่าเกรงใจผมแบบนี้เลย”

คุณท่านใหญ่ต่งที่อยู่อีกด้านรู้แต่แรกแล้วว่าพัดนี้เป็นของกู้เย้นจง ในใจจึงหวังอย่างยิ่งว่านายหญิงใหญ่จะรับไว้

เพราะอย่างไร พัดเล่มนี้ก็ราคาสูงมาก และเบื้องหลังของมันก็ยิ่งมีราคาสูงกว่า

หากมีพัดเล่มนี้ ตระกูลต่งกับตระกูลกู้ก็นับว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางหนึ่ง หากในอนาคตกู้เย้นจงเห็นแก่หน้าพัดเล่มนี้ สามารถฉุดดึงตระกูลต่งได้ นั่นก็เท่ากับเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงแล้วไม่ใช่เหรอ?

ดังนั้น เขาจึงเอ่ยปากขึ้นว่า “โธ่เอ๋ย คุณเย่เกรงใจกันเกินไปแล้วจริงๆ! พวกเราตาเฒ่ายายเฒ่าเองก็ขอบคุณอย่างมากเช่นกัน! ต่อไปหากคุณเย่ต้องการเรียกใช้ตระกูลต่งเรื่องใด แค่เอ่ยมาหนึ่งประโยค ตระกูลต่งจะทำอย่างสุดกำลัง!”

คุณท่านใหญ่พูดเช่นนี้ ก็เท่ากับว่ารับของขวัญชิ้นนี้ไว้แล้ว

เย่เฉินเองก็รู้ว่าคุณท่านใหญ่มีความคิดเช่นเดียวกับเขา จึงพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “คุณปู่ต่งเกรงใจเกินไปแล้ว!”

เมื่อเป็นเช่นนี้ นายหญิงใหญ่จึงได้แต่เก็บพัดจีบไว้

กู้เหว่ยเลี่ยงเห็นเช่นนี้ ก็เอ่ยปากกำชับว่า “ผมจะบอกพวกคุณให้ คุณเย่ในสายตาลุงใหญ่ของผม มีฐานะสูงส่ง เท่ากับเป็นลูกชายครึ่งหนึ่งของเขา ต่อไปหากพวกคุณทำให้คุณเย่พอใจ ตระกูลกู้ย่อมไม่มีทางปฏิบัติไม่ดีต่อพวกคุณ!”

ทุกคนต่างรีบร้อนพยักหน้าร้องว่าใช่ ในใจเองก็เบิกบานราวกับดอกไม้แย้มบานเช่นกัน

โดยเฉพาะคุณท่านใหญ่ต่ง

สายตาที่มองเย่เฉิน ไม่ต่างอะไรกับมองหลานเขยไปแล้ว

ต่งรั่งหลินกลับใจลอยอยู่บ้าง

อันที่จริงเธอคิดไม่ตก เพราะอะไรเย่เฉินถึงมีความสามารถเช่นนี้ กำราบมหาเศรษฐีท้องถิ่นกลุ่มใหญ่ได้ก็ช่างเถอะ แม้แต่เจ้าบ้านตระกูลกู้ลำดับที่สามของเย่นจิง ก็ยังให้ความสำคัญกับเขาเช่นนี้ หรือความสามารถในการดูฮวงจุ้ยของเขาล้ำเลิศมากใช่ไหม?

พอคิดมาถึงตรงนี้ ในใจเธอก็รู้สึกต่ำต้อยอยู่บ้างก็ไม่มากก็น้อย

แม้ตนจะเป็นหลานสาวคนโตของตระกูลต่ง อีกทั้งหน้าตาก็พอจะสู้ผู้หญิงคนอื่นๆ ได้ แต่เมื่อเทียบกับผู้ชายที่มีความสามารถไม่สิ้นสุดอย่างเย่เฉิน เธอยังคงรู้สึกไร้ประโยชน์อยู่บ้าง รู้สึกว่าตนเองช่างไม่คู่ควรกับเขาเอาเสียเลย

แต่ว่าเธอก็นึกถึงเซียวชูหรันเพื่อนสนิทของตนเองขึ้นมา

เธอคิดไม่ตก ทำไมเซียวชูหรันถึงโชคดีเช่นนี้ มีผู้ชายที่แสนดีขนาดนี้ ยอมแต่งงานเข้าบ้าน และต้องการคุ้มครองอยู่ข้างกายเธอ นี่มันช่างโชคดีเหลือเกิน!

หากเปลี่ยนเป็นตัวเองล่ะก็ คงคลอดลูกโหลหนึ่งให้เย่เฉินไปนานแล้ว ทุกวันช่วยสามีเลี้ยงลูก ตั้งอกตั้งใจผ่านวันเวลาไปพร้อมกับเขา

แต่เซียวชูหรันล่ะ

จนถึงป่านนี้ถึงกับยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสามีภรรยากับเย่เฉิน…

พอคิดมาถึงตรงนี้ ตนเองก็รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนเย่เฉิน…