ตอนที่ 1940 : ร่างหยินสวรรค์และร่างวิถีแรกกำเนิด

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1940 : ร่างหยินสวรรค์และร่างวิถีแรกกำเนิด

“ปัญหานั้นไม่อาจจะแก้ไขได้ถึงแม้ว่าเจ้าจะกังวลก็ตาม ทำไมเจ้าไม่ใจเย็นลงก่อนและใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะเพื่อที่เจ้าจะได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุด ? ยังไงซะแม้ว่าเจ้าจะกลับไปที่ภาคใต้ได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่มีตอนนี้ เจ้าก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก เมื่อมันมีราชาเทพเล็งเป้าหมายไปที่สหายของเจ้า เจ้าก็ไม่อาจจะทำอะไรได้” นางฟ้าเฮายู่พูดขึ้นมาด้วยความกังวล

แม้ว่านางจะอยู่ขอบเขตตั้งต้นแต่นางก็ไม่ได้ถือตัวต่อหน้าเจี้ยนเฉินเลยแม้แต่น้อย

“เจ้ามีแก่นต้นไม้และแกนอสูรขั้นราชาเทพอยู่ไม่ใช่รึไง ? ข้าดึงพิษมันออกมาได้ หากเจ้าดูดซับพลังจากมันมา พวกมันก็น่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเจ้าได้อย่างมาก “

เป็นธรรมดาที่เจี้ยนเฉินจะไม่ลังเล เขาเอาแก่นออกมาจากแหวนมิติและส่งพวกมันทั้งหมดให้กับนางฟ้าเฮายู่

“นี่คือแหวนมิติ 2 วงจากนังคณิกานั่น เมื่อนางตกเป็นเชลยแล้ว ของพวกนี้จึงตกเป็นของเจ้า” นางฟ้าเฮายู่ส่งแหวนมิติทั้งสองวงให้กับเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินมองเข้าไปในแหวนมิติ สุดท้ายเขาก็รับมาอันหนึ่งและพูดขึ้นว่า “นี่เป็นของราชาเทพที่ข้าได้ฆ่าไป มีของมากมายอยู่ แหวนมิติของหย่าซีเหลียนนั้นน่าจะเป็นของเจ้า เจ้าคงต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะเช่นกัน”

นางฟ้าเฮายู่ยิ้มออกมา “ที่ตั้งของโถงเทพจันทรานั้นตั้งอยู่ห่างจากที่ราบเมฆาอย่างมาก ข้าต้องเดินทางผ่านหลายที่ในโลกเซียนเพื่อจะไปที่นั่น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทดแทนเหรียญผลึกทั้งหมดที่ข้าต้องใช้ในการเดินทางด้วยของที่ได้มาจากราชาเทพ เจ้าน่าจะเก็บแหวนมิตินี้ไว้แทน ของที่ราชาเทพมีนั้นไม่ได้สำคัญอะไรต่อข้า ยิ่งกว่านั้นเจ้าคิดว่าข้ามายังจักรวรรดิเสิ่นเตาเพื่อเล่นสนุกหรือ ? ข้ามาที่นี่เพราะคำขอของน้องสาวเทียนซวง ข้ามาเพื่อช่วยนางจัดการกับศัตรูคนหนึ่ง เมื่อเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว พวกนั้นก็จะให้เหรียญผลึกห้าสีกับข้า” นางฟ้าเฮายู่มองไปที่ เจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าคงต้องออกจากที่ราบเมฆาไปเร็ว ๆ นี้”

“ท่าทางศัตรูน่าจะแข็งแกร่งสินะ ? เห็นได้จากจักรวรรดิเสิ่นเตานั้นไม่อาจจะจัดการกับพวกเขาได้” เจี้ยนเฉิน ถาม

นางฟ้าเฮายู่ไม่ได้ตอบตามตรง “ขั้นอสงไขยช่วงสูงสุดนั้นไม่ได้อ่อนแอ แม้ว่าจะมีพวกขอบเขตตั้งต้นมากกว่าหนึ่งคนในจักรวรรดิเสิ่นเตา แต่การจัดการกับศัตรูเช่นนี้ก็จะทำให้เกิดการสูญเสีย “

หลังจากนั้นนางฟ้าเฮายู่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วออกจากห้องไป ตอนที่เดินออกไปนั้นนางก็ได้พูดขึ้นว่า “ข้าจะไปดึงพิษจากแก่นพวกนี้ออก เจ้าไม่ควรขลุกตัวอยู่แต่ในนี้ นี่คือเมืองหลวงของจักรวรรดิเสิ่นเตา ของหายากในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนนั้นมีอยู่มากมายที่นี่ ลองออกไปดูสิแล้วเจ้าอาจจะได้อะไรติดมือกลับมา” ตอนที่นางออกจากห้องโถงไป นางฟ้าเฮายู่ก็คิดบางอย่างออก นางหยุดและหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น “ใช่สิ เจ้าจำองค์หญิง 2 คนได้รึไม่ ? ร่างกายของพวกนางค่อนข้างพิเศษ หนึ่งในนั้นมีร่างหยินสวรรค์ ส่วนอีกคนมีร่างวิถีแรกกำเนิด ถ้าพวกนางเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ งั้นอนาคตของพวกนางคงไร้ขีดจำกัด ถ้าเจ้าดูแลพวกนางให้ดี เจ้าก็จะได้ผลประโยชน์อย่างมาก การบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำไมเจ้าไม่ลองคิดเรื่องนี้ดู ? หากเจ้าตกลง ข้าจะเป็นแม่สื่อให้และขอจักรพรรดิให้เจ้าแต่งงานกับพวกนาง “

เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “นางฟ้าเฮายู่ เจ้ามายุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ ข้าไม่ได้คิดอะไรกับองค์หญิงทั้งสอง แม้ว่าร่างกายพวกนางจะพิเศษ แต่ข้าก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพวกนางในเส้นทางการบ่มเพาะของข้า”

นางฟ้าเฮายู่กระพริบตาและยิ้มออกมา “ลองคิดดูดี ๆ ไม่มีใครบอกถึงร่างกายของพวกนางได้ แม้แต่เทียนซวงก็รับรู้ถึงมันไม่ได้ ถ้าเจ้าได้มันมาตอนนี้ มันก็มีโอกาสอย่างมากที่จะสำเร็จ ข้าจะกล่อมจักรพรรดิให้เอง ถ้าเจ้ายังมัวโยกโย้และมีพวกขั้นบรรพกาลรู้เรื่องนี้เข้า เจ้าคงหมดโชค” เมื่อพูดจบ นางฟ้าเฮายู่ ก็ได้ออกจากห้องโถงไป

เจี้ยนเฉินหมดคำพูด เขาทำการค้นแหวนมิติทั้งสองที่ได้มาก่อนที่ตาจะเป็นประกายขึ้น หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย เขาก็ได้ออกจากพระราชวังพร้อมกับแหวนมิติทั้งสองวง

นางฟ้าเฮายู่พูดถูก หากเขายังกังวลแบบนี้ต่อไป มันก็ไร้ประโยชน์ตราบใดที่ภาคเหนือถูกผนึกเอาไว้ เขาสามารถใช้เวลาช่วงนี้เพื่อทำบางอย่างที่มีประโยชน์แทนได้

“เมื่อความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้น กระบี่สายรุ้งก็คงจะไม่เพียงพอสำหรับข้า หากข้าหาวัตถุเซียนระดับสูงที่เหมาะกับข้าได้ มันคงได้เวลาเปลี่ยนกระบี่อีกแล้ว อีกอย่างแล้วตระกูลเทียนหยวนก็น่าจะมีขั้นเหนือเทพเพิ่มขึ้น ดังนั้นข้าน่าจะหาวัตถุเซียนระดับสูงให้กับพวกเขาด้วย วัตถุเซียนระดับสูงสุดนั้นแทบจะไม่มีอยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนและของระดับสูงก็ยังหายากอย่างมาก มันไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก เมืองหลวงของจักรวรรดิเสิ่นเตาน่าจะมีวัตถุเซียนระดับสูงมากกว่า ข้าสามมารถซื้อมันที่นี่เพื่อคนในตระกูลได้ มันน่าจะมีวัตถุเซียนระดับสูงขายกันที่นี่ “

เมื่อคิดแบบนั้น เจี้ยนเฉินก็ได้ออกจากพระราชวัง เขาเดินไปทั่วเมืองหลวงด้วยตัวเอง

เขาถือแผนที่ไว้ในมือ มันมีคำอธิบายร้านค้าทุกร้านไว้ชัดเจนซึ่งบ่งบอกว่าขายของแบบไหนและเป็นขององค์กรไหน

เป็นธรรมดาที่เจี้ยนเฉินรู้ว่าเมืองหลวงนี้จัดการแข่งขันต่อสู้กันอยู่แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาถือแผนที่ที่ได้มาจากชายแก่ที่เขาไม่รู้จักในพระราชวังก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาดูภายนอก

เจี้ยนเฉินค้นหาอยู่หลายร้านตลอดทั้งวัน เขาใช้เวลาไปกับการซื้อวัตถุเซียนระดับสูงไปหลายสิบชิ้นและวัตถุเซียนระดับสูงสุด 3 ชิ้น เขาใช้เหรียญผลึกไปจำนวนมหาศาล

แค่วันนั้นวันเดียว เจี้ยนเฉินก็ใช้เหรียญผลึกไปมากกว่าที่เขาได้มาในช่วงเวลาที่อยู่ในโลกเซียน

ยังไงซะนี่ก็เป็นแหวนมิติของราชาเทพ มันเป็นไปไม่ได้ที่ขั้นเหนือเทพจะรวยเทียบได้กับราชาเทพ แหวนมิติของ หย่าซีเหลียนนั้นมีเหรียญผลึกมากมายให้เจี้ยนเฉินได้ใช้ตามใจชอบ

การซื้อวัตถุเซียนนั้นใช้เงินจากที่เขาได้มาจากการฆ่าขั้นเหนือเทพในสนามรบและเงินจากราชาเทพของลัทธิเต๋าเมฆกระจ่างที่ซู่มโจมตีเขา

เจี้ยนเฉินยังไม่ได้แตะต้องของในแหวนมิติของหย่าซีเหลียนเลย

อันที่จริงเงินทองที่อยู่ในแหวนของนางนั้นมากกว่าที่เขาใช้ไปในวันนี้กว่าสิบเท่า แค่เหรียญผลึกขั้นสูงสุดก็มีเป็นร้อยก้อนใหญ่แล้ว

ในสายตาของเขาแล้ว หย่าซีเหลียนไม่ต่างอะไรจากคนตาย หากเขาต้องการจะฆ่านางแล้ว แค่คิดเขาก็ทำได้

แหวนมิติของนางเป็นรางวัลจากการต่อสู้ ผลก็คือเจี้ยนเฉินรู้สึกว่ามันเป็นสิทธิของเขาที่จะใช้แหวนมิตินี้ เขาไม่คิดว่ามันไม่เหมาะเลยแม้แต่น้อย

ต่อมาเจี้ยนเฉินก็ได้ไปที่ร้านยา เขาซื้อยาจำนวนมากที่เหมาะกับระดับการบ่มเพาะทุกแบบ เขาถึงกับซื้อยาพลังงานดั้งเดิมขั้นเทพหมื่นปีจากทุกร้านในถนนทุกเส้น

ยาพลังงานขั้นเทพหมื่นปีนั้นหายากอย่างมากในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน พวกมันแพงซะจนแทบไม่มีใครซื้อมันได้แต่ในเมืองหลวงนี้พวกมันกลับเป็นแค่ของธรรมดาทั่วไป พวกมันพบได้ทั่วทุกที่และขายในราคาที่ถูกอย่างมาก

ยิ่งกว่านั้นเจี้ยนเฉินก็ได้ใช้เหรียญผลึกระดับสูงสุดหลายสิบชิ้นเพื่อซื้อค่ายกลขั้นราชาเทพไป 2 อัน อันหนึ่งใช้โจมตี อีกอันใช้ป้องกัน เขาต้องการใช้มันเพื่อปกป้องตระกูลเทียนหยวน

แม้ว่าจะมีพลังแค่ขั้นราชาเทพช่วงต้นแต่พวกมันก็ถือว่าเป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน

ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังซื้อมันมาในเมืองหลวงของจักรวรรดิเสิ่นเตา หากมันเป็นที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนแทน เขาอาจจะหาซื้อมันไม่ได้ไม่ว่าจะมีเหรียญผลึกมากแค่ไหนก็ตาม

การใช้เงินของเจี้ยนเฉินในวันนี้ทำให้หลายคนสนใจ แต่นี่เป็นเมืองหลวง ดังนั้นทุกคนที่สามารถมาถึงที่นี่ได้ก็พอมีความรู้อยู่บ้าง และมีประสบการณ์มากกว่าคนในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน ผลก็คือพวกเขาแค่แปลกใจกับจำนวนยาพลังงานดั้งเดิมขั้นเทพหมื่นปีที่เจี้ยนเฉินซื้อมา พกวเขาไม่ได้สนใจเหรียญผลึกที่เขามีกับตัว

ยังไงซะก็มีนักสู้จากองค์กรใหญ่มากมายมารวมตัวกันที่เมืองหลวงเพราะการแข่งขัน บางคนไม่ได้พิเศษอะไรเลย แต่ก็ยังมีบางคนที่ปกปิดตัวตนอยู่

เป็นธรรมดาที่น้อยคนนักจะมองระดับการบ่มเพาะของเจี้ยนเฉินออก พวกเขาเชื่อว่าเจี้ยนเฉินคือคนที่ปกปิดตัวตนเอาไว้

แต่ยาที่มีผลข้างเคียงรุนแรงอย่างยาพลังงานดั้งเดิมขั้นเทพหมื่นปีนั้นไม่มีทางขายได้จำนวนมาก ๆ ในสเมืองหลวง น้อยคนนักที่จะกินมัน บางคนถึงกับทิ้งมันด้วยซ้ำ การซื้อมันจากทุกร้านทำให้คนทั่วไปสนใจเรื่องนี้

ผลก็คือข่าวที่ว่ามีคนซื้อยาพลังงานดั้งเดิมขั้นเทพหมื่นปีไปจำนวนมากก็ได้แพร่กระจายออกไป เป็นธรรมดาที่ร้านยาทุกร้านที่เจี้ยนเฉินเข้าไปนั้นจะต้องดีใจเพราะพวกเขาเชื่อว่าจะได้กำไรก้อนโตกลับมา

“ มีคนซื้อยาพลังงานดั้งเดิมขั้นเทพหมื่นปีไปมากมาย ผลข้างเคียงของยานั้นหนักซะจนมีหลายคนไม่คิดจะกินมันด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าชายคนนี้บ้าหรือไงกับการซื้อมันไปมากมายแบบนี้ ? ซิงเอ๋อ เจ้าคิดว่าชายคนนี้บ้าหรือไม่ ? เขาคงไม่คิดจะเพิ่มการบ่มเพาะของตนด้วยการกินยาพลังงานดั้งเดิมขั้นเทพหมื่นปีไปมากมายแบบนั้นหรอกนะ ? ” ในถนนเส้นหนึ่งองค์หญิงสองคนได้เดินไปมารอบ ๆ พร้อมกับผู้คุ้มกันที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ

ซิงเอ๋อตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดของหลานเอ๋อ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “หลานเอ๋อ ข้าได้ยินมาว่าสัตว์อสูรที่มีร่างกายแข็งแกร่งนั้นมองข้ามผลข้างเคียงของยาพลังงานดั้งเดิมขั้นเทพหมื่นปีได้ เจ้าคิดว่าชายที่ซื้อยาทั้งหมดนี้คือสัตว์อสูรในร่างคนหรือไม่ ? ฮาฮา แม้ว่าเขาจะเป็นสัตว์อสูรแต่ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อยาไปมากมายเช่นนั้น มันคือของที่คนเรามักจะทิ้ง แต่นั่นก็มีแต่พวกคนรวยที่ทำได้ ข้าคิดว่าชายคนนี้คงโง่”

“ฮ่าฮ่า ข้าตลกกับคนแบบนี้เสียจริง ข้ามักจะแกล้งพาหนะของท่านพ่อจนมันบ้า มันตลกดีตอนที่ข้าคิดถึงมัน ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่าเขาเป็นสัตว์อสูรแบบไหนกันที่ทำการซื้อยาพลังงานดั้งเดิมขั้นเทพหมื่นปีไปมากมายแบบนี้ ถ้ามีโอกาสก็ลองเอาเขามาเป็นพาหนะลองดู”

หลานเอ๋อหงุดหงิดขึ้นมา “ฮึ่ม มีแต่เจ้าที่พูดแบบนั้น ซิงเอ๋อ ทันทีที่เจ้าพูดถึงร่างกายที่แข็งแกร่ง ข้าก็คิดถึงคนที่น่ากลัวนั่น เขาเองก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้การโจมตีเต็มกำลังของเรานั้นไม่ได้อาจเป็นภัยต่อเขาได้เลย “

“สวรรค์ หลานเอ๋อ ทำไมเจ้าถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ? ทำไมเจ้าถึงได้พูดถึงชายคนนั้นขึ้นมาด้วย ? ข้าขนลุกขึ้นมาทันทีที่คิดถึงเขา” ซิงเอ๋อกัดฟันแน่นและพูดขึ้นมาด้วยความแค้น