“ไม่ได้!”

หญิงชราปฏิเสธเด็ดขาด ล้อเล่นอะไรกัน นายน้อยสายตรงตระกูลเสวียน จะไปเป็นผู้ติดตามของผู้อื่นได้อย่างไร

หากแพร่งพรายออกไป คงไม่พ้นถูกทุกคนในใต้หล้าหัวเราะตาย!

เด็กหนุ่มชุดป่านทอดถอนใจ แววตานั้นเรียกได้ว่าเคืองขุ่น นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ เห็นทีว่าเส้นทางสงบใจนี้มีแต่ต้องเดินด้วยตัวเองแล้ว

คิดถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็ค่อนข้างอิจฉาหลินสวินขึ้นมาเล็กน้อย

ดูคนอื่นเขา มีศิษย์พี่คนหนึ่งที่ดุร้ายปานนั้น แต่ตัวเขายังเสาะแสวงหามรรคาโดยลำพัง มีอิสระเสรี ใครก็ยุ่งไม่ได้

พอย้อนมองตัวเอง…

ภายในใจเด็กหนุ่มชุดป่านก็ทอดถอนใจออกมาอีกครั้ง

เขาเองก็รู้ดี ทั้งหมดนี้ล้วนเพียงเพราะเขาแซ่ ‘เสวียน’!

เสวียนที่หมายถึงในความเร้นลับมีความลึกล้ำ!

ข่าวที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยกลายเป็นผู้ติดตามข้างกายอวี่เสวียนอย่างราบรื่น ภายใต้การส่งเสริมของจักรพรรดิกระบี่วายุก็ปกปิดไว้ไม่อยู่ เรียกความปั่นป่วนครั้งใหญ่

ทุกคนต่างทอดถอนใจไปพักหนึ่ง

เดิมทีตอนที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยตัดสินใจขอเป็นผู้ติดตามข้างกายอวี่เสวียนในครั้งแรก ก็ทำเอาผู้คนปากอ้าตาค้างแล้ว

และการปฏิเสธของอวี่เสวียน ยิ่งทำให้คนมึนตื้อ

ใครจะไปคิดว่าหลังจากกลับไปกลับมา จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็ยังมาขออยู่ข้างกายอวี่เสวียน!

“อวี่เสวียนนี่ช่างวางมาดใหญ่โตซะจริง ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสจักรพรรดิกระบี่วายุออกหน้า ช่วยเขาตะเพิดผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง เกรงว่าเขาจะยังไม่ยอมตกลงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ”

คนส่วนหนึ่งรำพึงรำพัน

“บัดซบ เทพธิดาเสวียนเยวี่ยสูงส่งปานใด เหตุใด… เหตุใดดันทำตัวด้อยค่าปานนี้!”

และมีคนมากมายไม่อาจสงบใจ

ในช่วงที่ภายนอกกำลังวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง หลินสวินกำลังศึกษาคัมภีร์ร้อยสมุนไพรทั่วหล้า

คัมภีร์สมบัติที่ศิษย์พี่สิบเอ็ดผู่เจินเรียบเรียงเล่มนี้ เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมลึกซึ้ง วิเศษอัศจรรย์ไร้จำกัด ยิ่งศึกษายิ่งทำให้หลินสวินรู้สึกได้ประโยชน์เป็นกอบเป็นกำ

ถึงแม้ว่าสิ่งที่เรียบเรียงในนั้นล้วนเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับวัตถุดิบวิญญาณในโลกหล้า ทว่าหมื่นวัตถุฟ้าประธานล้วนมีมรรคฟูมฟักอยู่ในนั้น เห็นหนึ่งใบไม้ก็รู้สารทฤดู ยามศึกษาคัมภีร์นี้ ก็เหมือนกำลังเรียนรู้นัยเร้นลับมหามรรคที่ประทับอยู่ในหมื่นวัตถุทั่วฟ้าดิน!

‘หนึ่งใบไม้รู้สารทฤดู เห็นฝุ่นผงรู้ภาพกว้าง มหามรรคเดิมก็ซุกซ่อนอยู่ระหว่างหมื่นลักษณ์ หมื่นเหตุการณ์ หมื่นวัตถุทั่วหล้า ศิษย์พี่ผู่เจินใช้สิ่งนี้แจ้งมรรค เป็นเส้นทางมหามรรคที่เรียกได้ว่ากว้างใหญ่สายหนึ่งจริงๆ’

ขณะที่หลินสวินกำลังทอดถอนใจกับตัวเอง

น้ำเสียงใสเสนาะหูสายหนึ่งก็ดังขึ้น…

“นายท่าน เชิญดื่มชา”

ก็เห็นจินเทียนเสวียนเยวี่ยประคองถ้วยชายืนอยู่เบื้องหน้า นางสวมอาภรณ์สีขาวเรียบง่าย เรือนผมดำที่ม้วนเป็นมวยดุจแพรไหม เผยให้เห็นดวงหน้างดงามละเมียดละไม

นางรูปร่างสูงเพรียวยิ่ง เอวบางฝ่ามือเดียวโอบรอบ ทรวงอกนูนสูง ผิวพรรณขาวกระจ่างชุ่มฉ่ำดุจมันแพะ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น สว่างไสวผุดผ่องยิ่งกว่าดวงดาวบนฟากฟ้า ดุงดั่งเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน

นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมจินเทียนเสวียนเยวี่ยจึงถูกยกย่องว่าเป็น ‘เทพธิดา’

ทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราล้วนเยินยอนางว่าเป็นหญิงงามแห่งยุคคนหนึ่งที่ ‘ท่วงท่างามวิจิตร มีสง่าราศี มีความงามอันโดเด่น’

ทว่าตอนนี้นางกลับเสมือนหญิงรับใช้ ต้มชาปรนนิบัติ เรียกหลินสวินว่านายท่าน!

ภาพเหตุการณ์นี้หากถูกคนที่หลงใหลและเลื่อมใสจินเทียนเสวียนเยวี่ยเห็นเข้า เกรงว่าหัวใจคงแตกสลายป่นปี้เป็นแน่

หลินสวินนวดหว่างคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “แม่นางเสวียนเยวี่ย เจ้ากับข้าหาใช่นายบ่าว ต่อไปไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเม้มริมฝีปากฉ่ำระเรื่อ หน้าผากมนหลุบต่ำกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นผู้ติดตาม ย่อมต้องอยู่ข้างกายแบบผู้ติดตาม”

หลินสวินพลันรู้สึกหนักหัวขึ้นมา ลอบกล่าวว่าหากไปถึงโลกใหญ่หงเหมิง ถ้าถูกเจ้าพวกที่หลงใหลคลั่งไคล้จินเทียนเสวียนเยวี่ยพวกนั้นเห็นภาพนี้เข้า จะต้องสู้สุดแรงเกิดกับตนเป็นแน่!

“ที่เรียกว่าผู้ติดตาม คือการติดตามข้างกายเสมือนรอคอยมหามรรค ผู้อาวุโสจักรพรรดิกระบี่วายุเคยบอกแล้ว ในเมื่อเจ้าเลือกจะอยู่ข้างกายข้า ย่อมต้องฟังการจัดแจงของข้า นับแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่านายท่านอีกแล้ว”

หลินสวินกล่าวอย่างจริงจัง

ในใจจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็ลอบทอดถอนใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางแค่ยังจับท่าทีของหลินสวินไม่ถูก ถึงได้ระมัดระวังเช่นนี้

ตอนนี้ไหนๆ หลินสวินก็พูดมาแล้ว นางย่อมไม่ปฏิเสธ

“เชิญคุณชายดื่มชา”

น้ำเสียงเยียบเย็นของจินเทียนเสวียนเยวี่ยอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย สิบนิ้วขาวเรียวดุจต้นหอมยกถ้วยชากระเบื้องลายครามพิสุทธิ์โปร่งใสยื่นเข้ามาให้

ถึงแม้หลินสวินจะยังไม่ชินอยู่บ้าง แต่ก็ยังรับเอาไว้ เขาจิบไปหนึ่งคำ ดวงตาอดสว่างพราวขึ้นมาไม่ได้ “ชาชั้นดี”

ริมฝีปากจินเทียนเสวียนเยวี่ยยกขึ้นน้อยๆ คล้ายกับภาคภูมิใจยิ่ง กล่าวว่า “นี่คือ ‘ยอดอ่อนเก้าดารา’ ชาวิญญาณคุณภาพเยี่ยมแห่งตระกูลจินเทียนของข้า ใช้ ‘น้ำหิมะห่านบิน’ ของโลกใหญ่จินเทียนแช่ ให้รสเลิศอันเป็นเอกลักษณ์เก้าชนิด เช่นชุ่มฉ่ำ เบาบาง หวานล้ำ บริสุทธิ์… ชาวิญญาณชั้นเยี่ยมชนิดนี้ ทุกๆ พันปีจึงจะเก็บเกี่ยวได้ราวๆ สองจิน โลกภายนอกหาซื้อไม่ได้สักนิด”

นี่ก็คือรากฐานของเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ ลำพังเพียงแค่เรื่องชายังพิถีพิถันปานนี้ เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกปราณทั่วไปไม่สามารถจินตนาการได้สักนิด

หลินสวินระบายยยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร

เขาจำได้ว่าในคัมภีร์ร้อยสมุนไพรทั่วหล้าก็บันทึกชาชนิดนี้เอาไว้ด้วย เป็นสมบัติล้ำค่าระดับยอดเยี่ยมของโลกจริงๆ

และขณะเดียวกันตามบันทึกของศิษย์พี่สิบเอ็ดผู่เจิน บนโลกใบนี้ยังมีชาวิญญาณที่หายากยิ่งกว่านี้ หนึ่งในนั้นก็มีวัตถุดิบวิญญาณที่ถูกขนานนามว่า ‘ต้นชามหามรรค’

ต้นไม้นี้ถือกำเนิดในแดนแรกกำเนิด ทุกๆ สามพันปีก็จะควบรวมใบชาวิเศษอัศจรรย์ที่ประทับ ‘มหามรรคสมบูรณ์แบบ’ ใบหนึ่งออกมา

หากผู้ฝึกปราณได้กิน จะสามารถหยั่งรู้และครอบครองนัยเร้นลับมหามรรคที่สมบูรณ์แบบอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นศุภโชคชั้นเลิศ

“แม่นางเสวียนเยวี่ย เจ้าเคยไปโลกใหญ่หงเหมิงหรือไม่”

หลินสวินจิบชาไปพลางเอ่ยถามไปพลาง

จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้ากล่าวว่า “หลายปีก่อนข้าเคยไปเป็นแขกของเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงในโลกใหญ่หงเหมิง”

เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียง!

หลินสวินอึ้งไป ในใจผุดชื่อคนผู้หนึ่งขึ้นมา…

เจียงซิงเชวี่ย!

ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่ราชันผีเสวียนคงเคยมอบปิ่นเล่มหนึ่งแก่เขา ให้เขานำไปให้เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียง มอบให้เจียงซิงเชวี่ย!

“พอจะเล่าเรื่องเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่”

แววตาของหลินสวินแปลกไปเล็กน้อย

ถึงแม้จินเทียนเสวียนเยวี่ยจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ก็ยังเล่าสิ่งที่ตนรู้ทั้งหมดให้ฟังทีละเรื่อง

เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียง เผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ที่จักรพรรดิเพลิงดึกดำบรรพ์อาศัยอยู่!

จักรพรรดิขาว จักรพรรดิเพลิง เป็นสองใน ‘มหาจักรพรรดิห้าฝ่าย’ ดึกดำบรรพ์ ความสัมพันธ์ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

ทายาทของจักรพรรดิเพลิงดึกดำบรรพ์แซ่เจียง ใช้ฐานะ ‘ทายาทจักรพรรดิเพลิง’ ครองอาณาเขตอยู่ริมฝั่ง ‘แม่น้ำเจียง’ ของโลกใหญ่หงเหมิง

แม่น้ำเจียงแห่งนี้ ถูกมองเป็นหนึ่งใน ‘แปดระบบน้ำใหญ่แห่งโลกใหญ่หงเหมิง’ เป็นแดนมงคลชั้นยอด

“ตระกูลจินเทียนของข้ากับตระกูลเจียงเป็นสหายเก่า ลูกหลานระหว่างสองตระกูลมักไปมาหาสู่กัน แต่หากพูดถึงขุมอำนาจ ตระกูลเจียงยิ่งใหญ่ไม่เท่าแต่ก่อน ได้ยินว่าเพราะในศึกมรรคของเหล่าจักพรรดิในสมัยบรรพกาล ตระกูลเจียงเคยประสบเคราะห์ใหญ่ สูญเสียคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิไปมากมาย พลังดั้งเดิมเสียหายยิ่งยวด”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยกล่าวถึงตรงนี้ ทำให้หลินสวินประหลาดใจไปพักหนึ่ง เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงนี่ถึงกับเคยเข้าร่วมศึกมรรคของเหล่าจักพรรดิด้วยหรือ

“แม่นางเสวียนเยวี่ย เจ้ารู้จักเจียงซิงเชวี่ยหรือไม่”

หลินสวินอดถามไม่ได้

จินเทียนเสวียนเยวี่ยขมวดคิ้ว กล่าวอย่างลังเล “เคยได้ยินมาบ้าง ว่ากันว่าเจียงซิงเชวี่ยผู้นี้เป็นนักโทษคนหนึ่งของตระกูลเจียง ก็ไม่รู้ทำความผิดร้ายแรงอะไร ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วก็ถูกกักขังเอาไว้ ยามนี้… ไม่รู้เป็นหรือตาย”

ในใจหลินสวินสะท้าน “นักโทษ?”

เจียงซิงเชวี่ยที่ศิษย์พี่เสวียนคงรู้จัก เหตุใดถึงกลายเป็นนักโทษในตระกูลตัวเองไปเสียได้

จู่ๆ หลินสวินก็ตระหนักได้ว่า หากตนมุ่งหน้าไปหาเจียงซิงเชวี่ยที่เผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียง เกรงว่าคงจะไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าใดนัก…

จินเทียนเสวียนเยวี่ยกล่าว “หากคุณชายอยากรู้จักเจียงซิงเชวี่ยผู้นี้ ข้าพอจะไปขอคำชี้แนะจากผู้อาวุโสสักหนได้”

หลินสวินขบคิด สุดท้ายก็ส่ายหน้า

ศิษย์พี่เสวียนคงเหมือนกับตน ต่างก็เป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล เรื่องที่เจียงซิงเชวี่ยกลายเป็นนักโทษของตระกูล เผลอๆ อาจจะเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่เสวียนคง

เรื่องลับส่วนตัวเช่นนี้ หากไปกระตุ้นความสนใจระดับจักรพรรดิเข้า ยังไม่รู้อีกฝ่ายจะเกิดความคิดเชื่อมโยงอะไรขึ้นมา

“แม่นางเสวียนเยวี่ย เจ้ารู้จักเจียงเหิงหรือไม่”

หลินสวินถาม

จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้งไป กล่าวว่า “ข้ารู้จักนาง เป็นทายาทเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงคนหนึ่ง ว่ากันว่าพรสวรรค์ไม่เลวยิ่ง หลายปีก่อนก็เข้าฝึกปราณในสำนักยุทธ์เสวียนจี”

หลินสวินลอบกล่าวในใจ เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย

ขบคิดครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดหลินสวินก็ตัดสินใจ รอหลังจากไปถึงโลกใหญ่หงเหมิงก็จะไปสำนักยุทธ์เสวียนจีก่อนสักเที่ยว

สำนักยุทธ์เสวียนจี สำนักที่จีเฉียนและเจียงเหิงอยู่

และจากที่ศิษย์พี่สิบสามหลี่เสวียนเวยว่ามา ‘ป๋อหยาจื่อ’ บรรพจารย์ผู้บุกเบิกสำนักยุทธ์เสวียนจีแห่งนี้ก็เป็นศิษย์ในนามที่เขารับไว้…

นี่ต่างหากถึงจะเป็นจุดประสงค์ที่หลินสวินต้องการไปสำนักยุทธ์เสวียนจี!

ไกลออกไป หลิ่วชิงเยียนมองดูหลินสวินที่พูดคุยอยู่กับจินเทียนเสวียนเยวี่ย เนตรดาราดุจดั่งสายน้ำฉายแววเหม่อลอยเสี้ยวหนึ่ง

จวนจะไปถึงโลกใหญ่หงเหมิงแล้ว…

เขา…

จะเป็นคนผู้นั้นหรือไม่

หนึ่งเดือนกว่าๆ ให้หลัง

ยานลมกรดเข้าสู่เขตแดนดาราใจกลาง

ที่แห่งนี้คือพื้นที่ใจกลางของทางเดินโบราณฟ้าดารา เป็นใจกลางของโลกทั่วหล้าในฟ้าดารา ยิ่งเป็นแดนอริยะฝึกปราณที่ภายในใจผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนฝันใฝ่ปรารถนามากที่สุด

สาเหตุก็เพราะ โลกใหญ่หงเหมิงตั้งอยู่ภายในเขตแดนดาราใจกลางนี้!

หลังจากมาถึงเขตแดนดาราใจกลาง ผู้ฝึกปราณบนยานลมกรดต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา คนส่วนใหญ่ในหมู่พวกเขาเพิ่งจะได้เหินข้ามฟ้าดาราอันยาวไกล มุ่งหน้ามายังเขตแดนดาราใจกลางที่ราวกับตำนานแห่งนี้เป็นครั้งแรก

เขตแดนดาราใจกลางไพศาลอย่างที่สุด มีโลกใหญ่มากมายกระจายตัวอยู่ในนั้น

แต่ถ้าพูดถึงโลกที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ย่อมต้องเป็นโลกใหญ่หงเหมิงอย่างไม่ต้องสงสัย

ที่นี่คือโลกใหญ่ที่เรียกได้ว่างามวิจิตร เฟื่องฟู เก่าแก่ ไพศาลแห่งหนึ่ง มีหกเรือนมรรคใหญ่ปักหลัก อำนาจล้นฟ้า

มีสิบเผ่านักรบใหญ่ตั้งอาณาเขต อานุภาพสะท้านทั่วหล้า

มีเผ่าและสำนักนับจำนวนไม่ถ้วนดำรงอยู่ภายใน เลือกขุมอำนาจแห่งหนึ่งออกมาส่งๆ ล้วนแต่มีรากฐานพลังเก่าแก่ที่สามารถทำให้ผู้คนปากอ้าตาค้าง

ที่นี่มีจำนวนผู้ฝึกปราณมากมาย ระดับราชันอมตะเคราะห์ ระดับอริยะ มหาอริยะ ราชันอริยะ… มีให้เห็นทุกแห่งหน

แม้จะเป็นระดับกึ่งจักรพรรดิก็ยังพบเห็นได้บ่อยจนชินตา!

กล่าวอย่างไม่เกินจริง ต่อให้ระดับจักรพรรดิมาโลกใหญ่หงเหมิง ก็ต้องเก็บงำพลังอานุภาพและความวางมาดไว้บ้าง

ถึงอย่างไรในโลกใหญ่หงเหมิงนี้ สิ่งที่ไม่ขาดมากที่สุดก็คือระดับจักรพรรดิ

ตั้งแต่อดีตสืบมา ยิ่งไม่รู้มียักษ์ใหญ่เทียมฟ้าหรือแกนนำชั้นยอดกี่มากน้อยที่มาจากโลกใหญ่หงเหมิง ชื่อเสียงเกรียงไกรสี่ทิศ สะเทือนฟ้าดารา!

ครึ่งเดือนหลังจากยานลมกรดมาถึงเขตแดนดาราใจกลาง

ไกลออกไปสามารถมองเห็นเค้าร่างของโลกใหญ่ใบหนึ่ง

มันดุจดั่งแรกกำเนิดขนาดมหึมา กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตราวกับไม่มีพรมแดน ธารดาราที่พาดขวางห้วงอากาศสายแล้วสายเล่าล้อมรอบสี่ทิศ ประหนึ่งม่านน้ำตกอันเจิดจ้าเป็นสายๆ สีสันเจิดจรัส วิจิตรงดงาม

ไอแรกกำเนิดม้วนตลบคละคลุ้ง กลายเป็นม่านคลุมอันเร้นลับที่ทำให้ผู้คนขวนขวายใฝ่หา

เมื่อเทียบกันแล้ว ดวงดาวต่างเล็กจ้อยและไม่สะดุดตาถึงเพียงนั้น

และมองจากไกลๆ ความรู้สึกที่ให้แก่ผู้คนก็เสมือนฟ้าดาราไพศาลล้วนถูกโลกใหญ่แห่งนี้ปิดครอบอย่างสิ้นเชิง สั่นสะเทือนจิตใจผู้คน

ที่นี่… ก็คือโลกใหญ่หงเหมิง!

.