ตอนที่ 1942 : ไปให้พ้น

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1942 : ไปให้พ้น

ชายหนุ่มชุดทองพูดขึ้นมาโดยไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินเป็นคนสำคัญแต่อย่างใด

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นใคร แต่เขาก็เชื่อว่ามันไม่มีเหตุผลที่เขาต้องรู้ฐานะของเจี้ยนเฉิน

“นี่คือเมืองหลวง มันมีกฎห้ามไม่ให้ต่อสู้ที่นี่ เจ้าคิดจะมองข้ามรึไง ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่อีกฝ่ายอย่างใจเย็น

“ กฎ ? ” ชายหนุ่มฮึดฮัดและมองไปที่เจี้ยนเฉินราวกับเห็นเรื่องตลก “กฎนั้นใช้ได้แต่กับคนทั่วไป สำหรับข้าแล้วข้ามองข้ามมันได้”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองทะเลาะกัน ซิงเอ๋อและหลานเอ๋อก็ดีใจขึ้นมา ยิ่งกว่านั้พวกนางก็ไม่ลืมที่จะใส่ไฟเพิ่มด้วย “ถูกต้องแล้ว ด้วยฐานะของนายน้อยซู กฎพวกนี้ใช้ไม่ได้กับเขา นายน้อยซู เจ้าจะมาเถียงกับคนแบบนี้ทำไมกัน ? ทำไมเจ้าไม่รีบจัดการเขาซะ ? เราสองคนหงุดหงิดขึ้นมาทุกทีที่เห็นเขา”

ชายหนุ่มชุดทองยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยินว่าทั้งสองเรียกเขาว่านายน้อยซู เขาดีใจอย่างมาก ตอนที่เขาได้ยินเสียงหวาน ๆ ของทั้งสองคน เขาก็รู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมา

ไม่ใช่แค่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่องค์หญิงทั้งสองเรียกเขาว่า นายน้อยซู แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกนางพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีเรื่องผิดปกติ กลับกันแล้ว มันทำให้เขาคึกขึ้นมาแทน เขาเชื่อว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่จะอวดความแข็งแกร่งที่ตัวเองมีให้กับองค์หญิงได้เห็น

ชายหนุ่มทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เขาเชื่อว่ามันฟังดูสง่า “หลังจากที่ทำลายการบ่มเพาะของชายคนนี้แล้วก็จงไปหาภูมิหลังของเขา ฮึ่ม การที่เขาหาเรื่ององค์หญิงสองคนนี้ ผิดหนักซะจนทำให้เขาพิการก็ยังไม่พอ ตระกูลของเขาต้องชดใช้เรื่องนี้ด้วย หากเขาไม่มีตระกูลและอยู่ตัวคนเดียว งั้นก็คงได้แต่เอาเรื่องพ่อแม่ เราต้องให้พ่อแม่เขาชดใช้ไปด้วย”

ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างเย็นชาราวกับว่าควบคุมชีวิตของเจี้ยนเฉินได้ เขาไม่รู้เลยว่าผู้คุ้มกันขององค์หญิงไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นว่าพวกเขาทะเลาะกัน นี่เป็นความตั้งใจขององค์หญิง

สีหน้าของเจี้ยนเฉินเย็นชาขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องการทำร้ายพ่อแม่ของเขา

ในเวลาเดียวกันคนด้านหลังชายหนุ่มก็เดินมาตรงหน้าเจี้ยนเฉิน สองคนได้พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉิน ส่วนคนอื่น ๆ นั้นได้เอาวัตถุเซียนออกมาเหวี่ยงเข้าใส่แขนของเจี้ยนเฉินโดยไม่ปราณีเลยแม้แต่น้อย หนึ่งในนั้นได้แทงกระบี่เข้าใส่ตันเถียนของเจี้ยนเฉิน

ซิงเอ๋อและหลานเอ๋อคิดว่าเรื่องนี้มันจะง่ายดาย พวกนางยิ้มออกมากับแผนการที่ประสบสำเร็จ พวกนางรู้ถึงความแข็งแกร่งที่เจี้ยนเฉินมี และรู้ว่าเขามีผู้ที่อยู่ขอบเขตตั้งต้นหนุนหลัง แต่พวกนางแค่ต้องการสร้างปัญหาให้กับเขาเพื่อที่เขาจะได้ไม่มีชีวิตที่สุขสบาย

เจี้ยนเฉินไม่ได้มองไปที่คนที่โจมตีเขา เขามอองไปที่ชายหนุ่ม เขากระดิกนิ้วอยู่หลายครั้งและมีปราณกระบี่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ติ๊ง ! ติ๊ง ! ติ๊ง !

มันมีเสียงเหล็กดังขึ้นพร้อมกับวัตถุเซียนาในมือของคนที่โจมตีเจี้ยนเฉินหักไปในทันตา

ยิ่งกว่านั้นปราณกระบี่จากเจี้ยนเฉินก็ยังไม่หายไปหลังจากที่ทำลายวัตถุเซียนเหล่านั้น มันพุ่งไปต่อโดยไม่อ่อนแรงเข้าใส่ร่างกายของพวกนั้น

ทุกคนที่คิดจะลงมือกับ เจี้ยนเฉิน ต่างก็ต้องถอยกลับไปและกรีดร้องออกมา ใบหน้าของพวกนั้นซีดเผือดราวกับว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังจากกฎแห่งกระบี่นั้นหมุนวนในตัวพวกเขาทำให้พวกเขากระอักเลือดออกมา

เจี้ยนเฉินกลายเป็นภาพพร่ามัว เขาได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มชุดทองในทันตและจับคอของอีกฝ่ายไว้แน่ เขาได้พูดขึ้นด้วยความเย็นชา “แต่เดิมข้าคิดจะลงโทษเจ้าเล็กน้อย แต่เจ้าไม่ควรจะขู่พ่อแม่ของข้า แม้ว่าราชาเทพจะทำแบบนั้น เขาก็ต้องชดใช้” เมื่อพูดจบก็ได้มีแสงส่องประกายขึ้นจากมือพุ่งไปยังคอของชายหนุ่ม ปราณกระบี่ได้เข้าไปในตัวของชายหนุ่มในวิธีที่โหดร้ายที่สุด มันพุ่งตรงเข้าไปที่ตันเถียนแล้วทำลายตันเถียนทันที ชายหนุ่มตัวสั่น เลือดพุ่งออกมาจากปากเขาราวกับน้ำพุ โชคร้ายที่มือของเจี้ยนเฉินกำคอเขาไว้แน่น เขาจึงไม่อาจจะส่งเสียงได้เลย ไม่งั้นแล้วเสียงกรีดร้องของเขาคงทำให้ทุกคนตกตะลึง

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ตบไปที่หัวของชายหนุ่มก่อนจะโยนอีกฝ่ายลงไปที่พื้นราวกับหมาข้างถนน เขาไม่ได้หันกลับไปมองด้วยซ้ำ

การโจมตีของเจี้ยนเฉินได้ทำลายวิญญาณของชายหนุ่มเป็นชิ้น ๆ อีกฝ่ายหมดสติไปในทันที

โชคดีที่เจี้ยนเฉินไม่ได้คิดจะฆ่าอีก่ฝ่าย เขาแค่ทำให้วิญญาณอีกฝ่ายเสียหาย มันยากที่จะฟื้นฟูขึ้นมาได้

ตันเถียนเองก็ถูกทำลายไปด้วยและวิญญาณก็แทบแหลกสลายไป แม้ว่าชายหนุ่มนี้จะรอดจากบาดแผลมาได้แต่คงกลายเป็นคนพิการ

หลังจากที่ทำแบบนั้น เจี้ยนเฉินก็ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขั้น เขาเดินไปข้าง ๆ หินอุกกาบาตและมองไปที่องค์หญิงทั้งสองคนก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ข้าจะจ่ายเหรียญผลึกระดับสูงสุด 3 ก้อนกับหินนี่ เจ้ายังอยากได้มันอยู่หรือไม่ ? ”

องค์หญิงทั้งสองมองไปที่ชายหนุ่มชุดทองที่นอนอยู่ที่พื้น พวกนางใช้การรับรู้วิญญาณและได้เข้าใจว่าชายหนุ่มนี้บาดเจ็บเพียงใด พวกนางถึงกับตกตะลึง พวกนางไม่คิดจะแย่งหินนี้จากเจี้ยนเฉินอีกต่อไป

สุดท้ายเจี้ยนเฉินก็ซื้ออุกกาบาตมิติมาได้ด้วยราคามหาศาล

แต่เจี้ยนเฉินได้เงินของหย่าซีเหลียนมา แม้ว่าเหรียญผลึกรระดับสูงสุด 3 ก้อนนี้จะถือว่ามากแต่เขาก็ไม่ได้ปวดใจเลยแม้แต่น้อยกับการใช้มัน

“ ซูชู พิการ มะ ไม่ใช่ว่ามันโหดร้ายเกินไปรึไง ? ยังไงซะคนที่หนุนหลัง ซูชู ก็คือ…” องค์หญิงทั้งสองมองหน้ากันด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว พวกนางรู้ว่าเรื่องนี้เกินที่พวกนางจะรับมือไหว

พวกนางต้องการจะสร้างปัญหาให้กับเจี้ยนเฉิน แต่พวกนางไม่คิดว่าเขาจะโหดร้ายถึงขั้นทำให้ซูชูพิการไป พวกนางไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

การต่อสู้ในเมืองหลวงเช่นนี้เป็นธรรมดาที่จะทำให้ข่าวกระจายไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานพื้นที่รอบ ๆ ชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ได้ยินข่าวนี้ หลายคนมองมาที่ชายหนุ่มและชี้ไปที่เขาพร้อมกับกระซิบกระซาบกัน

“นั่นเหมือนจะเป็นนายน้อยซูของสำนักฟ้าพยับเมฆ สวรรค์ ใครกันที่กล้าพอที่จะทำให้นายน้อยบาดเจ็บเช่นนี้ได้ ? ”

“สำนักฟ้าพยับเมฆคือหนึ่งในสำนักระดับสูงของจักรวรรดิเสิ่นเตา แม้แต่ราชวงศ์ก็ต้องเคารพพวกเขา ฐานะของพวกเขายอดเยี่ยมอย่างมาก”

“ข้าได้ยินมาว่าซูชูคือลูกหลานของหนึ่งในบรรพชนขอบเขตตั้งต้น เมื่อซูชูโดนจัดการจนพิการ สำนักฟ้าพยับเมฆคงไม่มีทางยอมในเรื่องนี้แน่”

“หลานซูชู ! ” ในตอนที่ผู้คนถกเถียงกันนั้นก็ได้มีเสียงร้องดังขึ้นมาจากท้องฟ้า ชายวัยกลางคนชุดขาวพุ่งลงมาพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล เขามองไปที่ซูชูซึ่งนอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

“ใครกันที่ทำแบบนี้ ? ใครกัน ? ใครกันที่ทำให้หลานข้าบาดเจ็บแบบนี้ ? ” ตอนที่ชายหนุ่มชุดขาวตรวจสอบบาดแผลของซูชู เขาก็หงุดหงิดขึ้นมาพร้อมกับความอาฆาตที่แผ่ออกมาจากตัว