ตอนที่ 1943 : การต่อสู้กับเฟยฮี

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1943 : การต่อสู้กับเฟยฮี

ความอาฆาตแผ่ทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลงราวกับว่าที่นั่นได้กลายเป็นถ้ำน้ำแข็ง

ถนนที่วุ่นวายนี้เต็มไปด้วยผุ้คนแต่ทุกคนต่างก็ตัวสั่นจากความอาฆาตที่ชายวัยกลางคนแผ่ออกมา พวกเขาต่างก็กลัวไปถึงกระดูก ทุกคนพากันคถอยหนีกลับไป แม้แต่ขั้นเหนือเทพก็ยังทำแบบนั้นด้วย

“ราชาเทพ ! ”

คนนับไม่ถ้วนตะโกนขึ้นมาในใจพร้อมกับมองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความกลัวจากก้นบึ้งหัวใจโดยแฝงไปด้วยความอิจฉาและชื่นชม

ราชาเทพคือขั้นการบ่มเพาะที่พวกเขาได้แต่ฝันถึง มันคือเป้าหมายในชีวิตของพวกเขา

“ใคร ? ใครกัน ? ใครเป็นคนทำ ? ” ชายชุดขาวหงุดหงิดอย่างมาก เขาได้ตะโกนออกมา สายตาของเขามองเข้าไปในร้านค้าที่เจี้ยนเฉินอยู่ก่อนหน้านี้

นี่เพราะศิษย์จากสำนักฟ้าพยับเมฆยังคงนอนอยู่ที่พื้น เลือดของพวกเขาได้กลายเป็นบ่อเลือดส่งกลิ่นคาวออกมา

ในร้านนั้นมีองค์หญิงสองคนที่ทำตัวราวกับผู้บริสุทธิ์ พวกนางมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความพอใจเพราะสถานการณ์ตอนนี้ก่อนจะออกจากร้านไปพร้อมกับผู้คุ้มกันของตน

แต่ทั้งสองไม่ได้กลับไปที่พระราชวัง พวกนางยังคงจับตาดูสถานการณ์ต่ออยู่ใกล้ ๆ

ชายชุดขาวรู้จักองค์หญิงทั้งสอง หลังจากที่มองผ่านทั้งสองคนไป เขาก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน

ตอนนั้นเองเจี้ยนเฉินก็เดินออกมาจากร้านหลังจากที่เก็บอุกกาบาตมิติไปแล้ว เขาเห็นความอาฆาตที่ราชาเทพได้แผ่ออกมา แต่เขาก็ยังคงดูใจเย็นอยู่

“เจ้าทำให้ซูชูบาดเจ็บรึ ? ” สายตาของราชาเทพน่ากลัวอย่างมาก ด้วยพลังระดับราชาเทพแล้วมันเท่ากับภูเขากดทับเจี้ยนเฉินเอาไว้

ตอนนั้นก็มีพลังทรงพลังอีกอันปรากฏขึ้นมา ชายวัยกลางคนสวมเกราะได้ปรากฏตัวขึ้นในอากาศ ไกลออกไปมีกองทหารแห่กันมาที่นี่

“แม่ทัพจินของหน่วยทหารองครักษ์จากพระราชวัง ! ”

ผู้คนต่างก็พากันร้องออกมาเมื่อเห็นชายผู้นั้น

แม่ทัพจินมองผ่านซูชูไปก่อนจะคิ้วขมวด

เขาเข้าใจว่าฐานะของซูชูนั้นพิเศษแค่ไหนในสำนักฟ้าพยับเมฆ จากบรรพชนขอบเขตตั้งต้น 2 คนนิกาย คนหนึ่งคือผู้อาวุโสของซูชู เมื่อซูชูได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ในเมืองหลวง เขาคงไม่อาจจะพ้นผิดจากเรื่องนี้ได้เพราะเขามีหน้าที่ต้องดูแลความเป็นระเบียบในเมืองหลวง

สีหน้าของแม่ทัพจินหม่นลง เขามองไปรอบ ๆ ตอนที่เขากำลังจะถามว่าใครเป็นคนสร้างปัญหานั้น เขาก็พบ เจี้ยนเฉินและต้องตะลึงไป

สัญชาตญาณของเขาทำให้เขารู้ว่าใครเป็นคนที่สร้างปัญหา เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีโดยไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ

คนทั้งสองฝั่งต่างก็มีภูมิหลังที่พิเศษ เขาไม่อาจจะทำให้ใครผิดใจได้

“ถูกแล้ว ข้าทำให้เขาบาดเจ็บ เจ้าจะถามว่าทำไมข้าทำให้เขาบาดเจ็บรึ ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่ราชาเทพและพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น

“เจี้ยนเฉิน พี่เฟยฮี มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด อย่าเพิ่งด่วนสรุป เรามาพูดคุยกันหลังจากที่ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว” แม่ทัพจินพูดขึ้น ตอนแรกเขาอยากรีบเข้ามาจับคนผิด แต่ตอนนี้เขาได้แต่เกลี้ยกล่อมทั้งสองฝ่าย

“เข้าใจผิด ? ฮึ่ม ซูชูบาดเจ็บขนาดนี้แล้ว มันไม่สำคัญว่าเข้าใจผิดอะไรกัน มันรุนแรงถึงขนาดนี้ แม่ทัพจินไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว มันไม่สำคัญว่าภูมิหลังชายคนนี้จะเป็นยังไง เขาต้องชดใช้กับสิ่งที่เขาทำ” ราชาเทพพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ถึงภูมิหลังของเจี้ยนเฉินจากท่าทีของแม่ทัพจิน

แต่พวกเขาคือสำนักฟ้าพยับเมฆที่ไม่เคยกลัวใครมาก่อน

“เมื่อเจ้าทำให้ซูชูพิการ ข้าก็จะทำให้เจ้าพิการด้วยเช่นกัน จากนั้นข้าจะเอาเจ้ากลับไปที่นิกายเพื่อที่บรรพชนจะได้ลงโทษเจ้า” ชายชุดขาวพูดขึ้น เมื่อพูดจบเขาก็ได้ชี้นิ้วไปที่เจี้ยนเฉิน

เขามีพลังกฎอยู่ พลังของกฎอัดแน่นรอบนิ้วของเขาและพุ่งเข้าใส่ตันเถียนของเจี้ยนเฉิน

“ไม่นะ ถอยก่อน ! ”

สีหน้าของคนโดยรอบเปลี่ยนไปเมื่อเห็นชายชุดขาวโจมตี พวกเขาพากันหนีกันทันที

พลังของการโจมตีจากราชาเทพนั้นทรงพลัง ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว พวกเขาอาจจะได้รับผลกระทบไปด้วยแม้ว่ามีค่ายกลของเมืองหลวงอยู่ใกล้ก็ตาม

แม่ทัพจินรู้สึกขมขื่นขึ้นมา เขาไม่เชื่อว่าเจี้ยนเฉินจะเป็นคู่มือของเฟยฮีได้ แต่มันก็มีตัวตนที่น่ากลัวอยู่เบื้องหลัง เจี้ยนเฉิน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปล่อยให้เกิดเรื่องกับเจี้ยนเฉินได้

แต่ตอนที่แม่ทัพจินจะหยุดการโจมตีของเฟยฮี ปราณกระบี่ที่ทรงพลังก็ปรากฏขึ้นจากด้านล่าง มันทำให้แม่ทัพตกตะลึง

ด้วยแสงสีทองที่ส่องประกายนั้นมันพุ่งเข้าใส่เฟยฮี พลังของมันน่ากลัวพอจนหยุดแม่ทัพจินเอาไว้ได้

ด้านหลังปราณกระบี่สีทองนั้น เจี้ยนเฉินได้สะบัดกระบี่สายรุ้งของเขา เขาเหมือนจะรวมตัวกับกระบี่ เขาพุ่งตามปรารณกระบี่ออกไปเข้าใส่เฟยฮี ราวกับว่าไม่อาจจะหยุดเขาได้

ตูม !

กระบี่ปราณได้ปะทะกับโซ่ของเฟยฮี มันเหมือนการปะทะกันของดาวเคราะห์สองดวง เกิดเสียงระเบิดดังก้อง คลื่นกระแทกอันน่ากลัวได้แผ่ออกไปโดยรอบ

ทันใดนั้นค่ายกลของเมืองหลวงก็แยกพลังงานออกไปเพื่อจะไม่ให้สร้างความเสียหายให้กับเมือง

เฟยฮีตาสั่นไหว เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างตะลึงงัน จากพลังของเจี้ยนเฉินแล้ว เขาบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ราชาเทพแต่เป็นเพียงขั้นเหนือเทพช่วงสูงสุด

ขั้นเหนือเทพสามารถกันการโจมตีเขาไว้ได้และไม่ได้เสียเปรียบเลย มันน่าเหลือเชื่อ

แต่ชัดเจนแล้วว่าการโจมตีของเจี้ยนเฉินยังไม่ได้จบแค่นั้น หลังจากที่ปราณกระบี่สลาย เขาก็ได้พุ่งเข้าไปในส่วนที่พลังงานปะทะกัน ตัวเขาอาบไปด้วยแสงสีขาวและพุ่งเข้าใส่เฟยฮี ในพริบตาเขาก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเฟยฮี “เป็นขั้นเหนือเทพช่วงสูงสุดใน ‘ป้ายทำเนียบ’ ขั้นเหนือเทพ ! ” เฟยฮีพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา เขาไม่ได้ลนลานเลยแม้แต่น้อยตอนที่เผชิญหน้ากับเจี้ยนเฉิน เขาสะบัดมืออย่างใจเย็นเพื่อจับกระบี่ของเจี้ยนเฉินเอาไว้

เจี้ยนเฉินแค่นเสียงออกมา พลังกฎและพลังบรรพกาลของเขาได้ระเบิดออกมาจากกระบี่สายรุ้งสลายชั้นกฎรอบมือของเฟยฮี

แม้ว่าเฟยฮีจะเป็นราชาเทพ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายเพียงอย่างเดียวจะรับมือกับความคมของกระบี่สายรุ้งได้

เจี้ยนเฉินใช้แค่แรงเพื่อตัดผ่านมือของเฟยฮี เขาแทงมันออกไปจนมีเลือดออกจากมือของเฟยฮี จากนั้นกระบี่ก็พุ่งเข้าใส่หัวใจอีกฝ่าย

ตาของเฟยฮีมีแสงระเบิดออกมา ตอนนั้นสายตาเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ต่อมาก็มีกระบี่ปรากฏขึ้นในมือเขา มันพุ่งไปปะทะกับกระบี่สายรุ้งของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วแสงและปัดกระบี่สายรุ้งออกไปด้านข้าง

“ทักษะกระบี่ไทยี่ ! ”

การตอบโต้ของ เจี้ยนเฉิน รวดเร็วอย่างมาก เขาสร้างผนึกและหลอมรวมกันกับกระบี่ของเขา เขาในฐานะกระบี่ได้พุ่งเข้าใส่เฟยฮีอีกรอบ

ระหว่างนั้นร่างกายของเจี้ยนเฉินเหมือนจะกลายเป็นกระบี่แผ่พลังมหาศาลออกมา !