ตอนที่ 1945 : ผู้มาเยือนจากอวกาศ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1945 : ผู้มาเยือนจากอวกาศ

หลังจากที่เฟยฮีกลับไปแล้ว แม่ทัพจินก็ไปอยู่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน เขามองอีกฝ่ายด้วยความกลัว แม้ว่าจะได้เห็นฉากตะกี้ด้วยตาตัวเอง แต่มันก็ยากที่เขาจะยอมรับได้ว่าขั้นเหนือเทพนั้นกลับทำให้ราชาเทพบาดเจ็บได้จริง ๆ

สำหรับแม่ทัพจินแล้ว มันราวกับฝัน ไม่สมจริงเลยแม้แต่น้อย

“น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าเป็นอะไรรึไม่ ? ” แม่ทัพจินถามด้วยความกังวล แม้แต่วิธีเรียกของเขาก็เปลี่ยนไป

ตอนนั้นแม่ทัพจินถือว่าเจี้ยนเฉินเท่าเทียมกับเขา เขาถึงกับแสดงความเคารพออกมาด้วย

ในฐานะราชาเทพแล้ว เขาแข็งแกร่ง แม้แต่ในจักรวรรดิเสิ่นเตา ราชาเทพก็มีฐานะที่สูงส่งและมีคนมากมายบูชาพวกเขา มันไม่จำเป็นที่พวกเขาต้องทำตัวแบบนี้ต่อหน้าขั้นเหนือเทพเลย

แต่แม่ทัพจินก็อดไม่ได้ที่จะทำตัวสุภาพ

เจี้ยนเฉินส่ายหน้าบ่งบอกว่าเขาไม่เป็นไร เขาไม่ได้รู้จักแม่ทัพจินตรงหน้า ดังนั้นหลังจากที่พูดคุยกันได้ไม่นานเขาก็ได้กลับไปที่พระราชวัง

“หลานเอ๋อ เรื่องตะกี้นี่เกิดขึ้นจริง ๆ รึ ? เจ้าโรคจิตนั่นเป็นเพียงแค่ขั้นเหนือเทพ ขะ เขาเอาชนะราชาเทพได้ยังไง ? ” ซิงเอ๋อกุมมือหลานเอ๋อแล้วถามขึ้นมา

หลานเอ๋อสูดหายใจเข้าลึก ๆ และตบอกตัวเองก่อนจะสงบสติอารมณ์ตัวเองได้ นางพูดขึ้น “มันคือความจริง ซิงเอ๋อ เราประมาทชายคนนี้เกินไป ความแข็งแกร่งของเขาอย่างน้อยก็เพียงพอที่จะอยู่ 1 ใน 3 อันดับแรกของป้ายทำเนียบขั้นจารึกขั้นเหนือเทพได้ “

ในเวลาเดียวกัน เทียนซวงที่ยืนอยู่ในอุทยานเขตหวงห้ามของพระราชวังก็ได้มองมายังทางเจี้ยนเฉินพร้อมกับถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ

“ข้าไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาสู้กับราชาเทพในฐานะขั้นเหนือเทพแต่ก็ยังเอาชนะราชาเทพที่ใช้ทักษะออกมาได้ แม้ว่านี่จะเป็นเพราะราชาเทพประมาทเกินไป แต่มันก็ไม่ง่ายที่ขั้นเหนือเทพจะทำให้ราชาเทพบาดเจ็บได้ ไม่แปลกเลยที่พี่สาวเฮายู่ถึงให้ความสำคัญกับชายคนนี้อย่างมาก ด้วยพลังที่เขาได้แสดงออกมาในวันนี้ อนาคตของเขาคงไร้ขีดจำกัด ข้าสงสัยว่าฝีมือเขาไปเทียบกับขั้นเหนือเทพอันดับหนึ่งในป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพได้หรือไม่”

เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจความวุ่นวายที่เขาสร้างขึ้นมา เขาได้กลับไปยังที่พักของตนเองแล้ว

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ตรงโต๊ะในห้องนั่งเล่น โต๊ะนี้เต็มไปด้วยขวดที่เรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบ

มียาพลังงานดั้งเดิมขั้นเทพหมื่นปีกว่าพันเม็ด ด้วยจำนวนที่มากแบบนี้และแก่นต้นไม้กับสัตว์อสูรขั้นเหนือเทพ 8 อันจากนางฟ้าเฮายู่ ข้าก็จะยกระดับร่างบรรพกาลขึ้นไปยังขั้น 12 ได้ แต่ขั้น 12 เท่ากับราชาเทพ ความเข้าใจของข้าตอนนี้ยังอยู่แค่ขั้นเหนือเทพ ผลก็คือข้าต้องเพิ่มความเข้าใจกฎแห่งกระบี่ ไม่งั้นแล้วข้าก็ไม่อาจจะไปถึงขั้น 12 ได้” เจี้ยนเฉินคิด

“มันก็แค่ว่าการเพิ่มความเข้าใจไปเป็นความสำเร็จขั้นกลางของจิตกระบี่นั้นเป็นเรื่องยาก”

ย้อนกลับไปในสนามรบที่ชายแดนอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนในทางใต้ที่มีกลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งไปในอากาศ มันไม่ได้จางหายไปเลยแม้แต่น้อย แค่ดมเล็กน้อยก็แทบทำให้คนอ้วกได้

ศพนับไม่ถ้วนกองกันในสนามรบพร้อมกับเลือดที่ไหลรวมกันจนกลายเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ การต่อสู้นี้คงอยู่มาหลายวันและได้คร่าชีวิตไปนับไม่ถ้วน

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ราชาเทพหลายสิบคนจากสองฝั่งได้เข้าปะทะกับในอวกาศ คลื่นกระแทกอันรุนแรงในอวกาศรับรู้ได้ถึงพื้นดินด้านใน

พวกต่ำกว่าราชาเทพอย่างขั้นเหนือเทพได้สู้กันในระดับความสูงที่สูงจากพื้นไปหลายหมื่นเมตร พวกเขาสู้กันอย่างตึงเครียด มีหลายคนที่ตัวอาบไปด้วยเลือด พวกเขาไม่ได้พักกันเลยแม้แต่น้อยตั้งแต่ที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น

ทหารนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ที่ป้อมปราการด้านล่าง พวกเขายืนประจำขบวนเพื่อรับมือกับกองทัพของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า

กองทัพหมื่นคนหลายกองลดเหลือแค่ไม่กี่สิบกองจากตอนแรกที่มีกว่า 30 กอง

ทั้งสองฝั่งต่างก็ได้รับความเสียหาย นี่ไม่ต้องนับขั้นเหนือเทพเลย แม้แต่ราชาเทพ 2-3 คนก็ยังตายไปแล้ว

เสียงพิณดังขึ้นพร้อมกับคลื่นเสียงที่มองเห็นได้ขยายตัวออกไปครอบคลุมทั้งสนามรบ

เสียงนี้มีเสน่ห์ที่ยากจะทัดทานได้ ตอนที่มันดังขึ้นมา ทุกคนในสนามรบก็ได้รับผลกระทบ กองทัพของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนต่างก็คึกคักขึ้นมาและมีความกล้าหาญมากขึ้น พวกนั้นพุ่งเข้าใส่ศัตรูด้วยความเด็ดเดี่ยวพร้อมกับพลังในตัวที่ถูกใช้ออกมาอย่างเต็มที่

ด้วยผลของเสียงนี้หลายคนจากฝั่งลัทธิปีศาจชั้นฟ้ารู้สึกปวดหัวขึ้นมาพร้อมกับมึน สุดท้ายพวกนั้นก็ใช้พลังได้เจ็ดถึงแปดส่วนจากเต็มสิบส่วน

ตอนแรกการโจมตีของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าได้บังคับให้กองทัพของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนต้องถอยแต่เมื่อมีเสียงพิณนี้ดังขึ้น พวกเขาก็เริ่มรวมตัวกันได้และมีความแข็งแกร่งทัดเทียบกับกองทัพลัทธิปีศาจชั้นฟ้า

บนกำแพงของป้อมปราการมีสาวงามในชุดม่วง ความสวยของนางนั้นยากจะอธิบายได้ มันมากซะจนมีให้เห็นแต่ในสวรรค์

พิณนั้นวางไว้ที่ขาของนาง ตอนที่นิ้วนางดีดไปที่สายนั้น นางก็สร้างเสียงดนตรีที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ออกมา แต่ละท่อนนั้นทำให้เกิดคลื่นเสียงขึ้น

แต่ละท่อนนั้นมีพลังของกฎ

ผู้หญิงคนนี้คือซ่างกวนมู่เอ๋อ

ข่าวที่ว่าหัวหน้าตระกูลเทียนหยวนอย่างเจี้ยนเฉินโดนลักพาตัวไปโดยแม่ทัพกองทัพที่เจ็ดอย่างหย่าซีเหลียนนั้นแผ่กระจายออกมาแล้ว เป็นธรรมดาที่ซ่างกวนมู่เอ๋อจะได้ยินข่าวนี้ด้วย ดังนั้นนางจึงไม่ได้สนใจคำสั่งของเจี้ยนเฉินที่บอกให้นางอยู่ในตระกูลต่อไป เพราะความเป็นห่วง นางรีบออกมาที่แนวหน้าให้เร็วที่สุด

การมาถึงของนางได้พลิกสถานการณ์ไป !

นอกจากซ่างกวนมู่เอ๋อแล้วก็ยังมี จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์, ฮุสตัน, รุยจิน และคนอื่น ๆ พวกเขาต่างก็ยืนคอยปกป้องนางเอาไว้และหยุดไม่ให้มีใครมารบกวนนาง

ทุกคนต่างก็ตัวอาบไปด้วยเลือดและบาดเจ็บในระดับแตกต่างกันไป

นอกจากพวกนั้นแล้วก็ยังมีบรรพชนขั้นเทพจากแคว้นตงอันยืนอยู่รอบนางด้วย พวกนั้นเองก็มีส่วนในการปกป้องนางด้วย

จากลัทธิปีศาจชั้นฟ้า มันมีขั้นเหนือเทพนับไม่ถ้วนต้องการฝ่าเข้ามาเพื่อหยุดนางไม่ให้เล่นพิณต่อไป แต่พวกนั้นต่างก็ต้องถูกหยุดเอาไว้ ซึ่งทำให้เรื่องที่พวกนั้นคิดไม่อาจจะเป็นไปได้

ขั้นเหนือเทพของฝั่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เข้าใจว่าซ่างกวนมู่เอ๋อนั้นสำคัญต่อสนามรบยังไง พวกเขาจึงยื้อศัตรูเอาไว้ด้วยความสามารถที่ตนเองมี

ลำแสงสองเส้นพุ่งออกมาจากจุดที่ราชาเทพหลายสิบคนสู้กันในอวกาศ มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อจนแม้แต่ขั้นเหนือเทพคนอื่นเห็นแต่ภาพพร่ามัว

ลำแสงทั้งสองพุ่งตัดผ่านท้องฟ้าของที่ราบเมฆพุ่งเข้าไปยังส่วนลึกของอวกาศ

แต่ตอนที่สิ่งนั้นพุ่งผ่านภาคใต้ของที่ราบเมฆา มันก็ได้พลิกตัวก่อนจะหยุดที่ภาคใต้

มันอยู่ห่างจากที่ราบเมฆาแล้ว ห่างจากจุดที่ราชาเทพสู้กันหลายสิบล้านกิโลเมตร

จากนั้นลำแสงก็พอมองเห็นได้ มันคือพาหนะบินได้เล็ก ๆ ที่แผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมา ในหมู่พวกนั้นมีพลังของกฎโลกอยู่ด้วย

พาหนะบินได้นี้คือวัตถุเทพ !

“นั่นคือพิณปิศาจร่ำไห้ของบรรพชนสาม ! ”

หญิงวัยกลางคนโผล่มาจากพาหนะ สายตาของพวกนางมีกฎของโลกอยู่และมองทะลุมิติมาที่ซ่างกวนมู่เอ๋อซึ่งอยู่ ในป้อมปราการชายแดนอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน สีหน้าพวกนางเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง