ตอนที่ 1946 : ลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1946 : ลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์

หญิงกลางคนทั้งสองคนมองไปที่ซ่างกวนมู่เอ๋อด้วยความลังเลใจ หนึ่งในนั้นได้พูดขึ้น“พิณปิศาจร่ำไห้คือสมบัติผูกชีวิตกับบรรพชนสามในอดีต มันเป็นตัวแทนของนาง ตอนนี้พิณได้ปรากฏขึ้นกับผู้หญิงคนนี้และนางก็มีความสำเร็จในเส้นทางแห่งดนตรีที่น่าประทับใจ นางคือบรรพชนสามกลับมาเกิดใหม่หรือ ? ” ทันทีที่พูดถึงการกลับมาเกิดใหม่ ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ผู้หญิงอีกคนมองไปที่ซ่างกวนมู่เอ๋อและลองตรวจสอบดู นางได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ไม่ นางไม่ใช่บรรพชนสามที่กลับมาเกิดใหม่ นางแค่คนที่ได้รับสมบัตินี้มาโดยบังเอิญ ถ้านางเป็นบรรพชนสามจริง พิณคงตื่นขึ้นมานานแล้ว ในเวลาเดียวกันนางคงกลับนิกายไปแล้วด้วย”

“เฮ้อ ไม่ใช่บรรพชนสามจริง ๆ ด้วย แม้ว่านางจะใช้พิณปิศาจร่ำไห้ได้แต่นางก็ไม่อาจจะใช้พลังแม้แต่เสี้ยวเดียวของมันได้เลย ในเวลาเดียวกันนางก็แค่เชื่อมต่อกับพิณ มันยังไม่รับนางเป็นเจ้าของมัน แต่เมื่อนางได้พิณนี้มา มันก็ถือว่าเป็นวาสนาของนาง ในเวลาเดียวกันนางก็ได้รับคำยินยอมจากพิณปิศาจร่ำไห้ ดังนั้นเราน่าจะรับนางเข้านิกายของเรา”

ตอนที่พูดนั้นทั้งสองคนก็ได้บินไปยังป้อมปราการของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน พวกนางเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วตัดผ่านมิติได้ในพริบตา พวกนางปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าซ่างกวนมู่เอ๋ออย่างเงียบ ๆ

ทั้งสองคนปกปิดพลังของตัวเอง ดังนั้นจึงดูเหมือนกับคนธรรมดา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพบตัวตนของทั้งคู่ผ่านการรับรู้วิญญาณ

ทั้งสองมองไปที่ซ่างกวนมู่เอ๋อโดยไม่สนใจสนามรบที่วุ่นวายโดยรอบ

ซ่างกวนมู่เอ๋อและคนอื่น ๆ มองไปที่ทั้งสองคนที่โผล่มา สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์, รุยจิน และคนอื่น ๆ ไปอยู่ข้าง ๆ ซ่างกวนมู่เอ๋อ พร้อมท่าทีที่ระวังขึ้นมา

พวกนั้นไม่ได้โจมตี พวกเขารับรู้ได้ว่าสองคนนี้แข็งแกร่ง

“ผู้อาวุโส ข้าขอถามเหตุผลที่ท่านมาที่นี่ได้หรือไม่ ? ” ซ่างกวนมู่เอ๋อถามขึ้นมา แม้ว่านางจะพูดแต่นางก็ไม่ได้หยุดเล่นพิณ

“เด็กน้อย เจ้ารู้รึไม่ว่าพิณนี้มาจากไหนกัน ? ” หญิงคนหนึ่งถามขึ้นมา สายตาที่นางมองไปยังซ่างกวนมู่เอ๋อเต็มไปด้วยความเอ็นดู

แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นซ่างกวนมู่เอ๋อ แต่นางก็รู้สึกได้ถึงความสนิทสนมที่มีต่อซ่างกวนมู่เอ๋อ เพราะพิณในมือของซ่างกวนมู่เอ๋อ

ซ่างกวนมู่เอ๋อหรี่ตาลง นางรู้แล้วว่าพิณปิศาจร่ำไห้นั้นไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็น นางเดาว่ามันคงมีจุดกำเนิดที่สำคัญ ผู้หญิงสองคนนี้เหมือนจะรู้เกี่ยวกับพิณนี้

“ข้าไม่รู้ ถ้าท่านเมตตาก็จงบอกให้ผู้น้อยรู้ด้วย” ซ่างกวนมู่เอ๋อพูดขึ้น นางทำหลายอย่างพร้อมกัน นางทั้งเล่นพิณเพื่อรับมือกับกองทัพลัทธิปิศาจชั้นฟ้าพร้อมกับพูดคุยกับผู้หญิงทั้งสองคน

หญิงวัยกลางคนมองไปที่พิณก่อนจะแสดงแววตาเสียใจออกมา “เจ้าของพิณนี้คือนักสู้ผู้โด่งดังของโลกเซียนในอดีต นางคือหนึ่งในสามบรรพชนของลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ เราเรียกนางว่าบรรพชนสาม”

หลังจากที่เงียบไปได้สักพัก ซ่างกวนมู่เอ๋อก็พูดขึ้น “เอาจริง ๆ ผู้อาวุโส ข้าได้รับพิณปิศาจร่ำไห้นี้มาโดยบังเอิญในโลกด้านล่าง เนื่องจากมันเป็นของนิกายท่าน ข้าจะคืนมันให้หลังจากที่จบการต่อสู้ “

ซ่างกวนมู่เอ๋อหมดหนทางตอนที่พูดออกมาแบบนั้น ความแข็งแกร่งของสองคนนี้ร้ายกาจ ถ้าพวกนั้นต้องการจะแย่งพิณนี้ไป นางคงไม่อาจจะรักษามันไว้ได้

หญิงวัยกลางคนที่พูดคนแรกนั้นส่ายหน้าและยิ้มออกมา “เราแค่ผ่านที่ราบนี้มาโดยบังเอิญและพบกับสมบัติที่ผูกกับชีวิตบรรพชนสามซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงได้มาดู เราไม่ได้ต้องการแย่งมันไปจากเจ้า พิณปิศาจร่ำไห้นั้นค่อนข้างพิเศษ มันพัฒนาขึ้นจากการได้พลังชีวิตจากบรรพชนสามมาหลายปี มันจึงปรับตัวจากของธรรมดา มันมีพลังงานชีวิตส่วนหนึ่งของบรรพชนสาม ดังนั้นพิณนี่จึงคล้ายคลึงกับวัตถุเซียนหรือวัตถุเทพแต่ก็ไม่ใช่ ด้วยการตายของบรรพชนสามจึงทำให้พิณนี้หายไป ตอนแรกเราเชื่อว่ามันถูกทำลายในการต่อสู้ เราคิดไม่ถึงว่าเราจะได้พบมันอีกครั้งในวันนี้ “

นางเงียบไปและมองไปที่ซ่างกวนมู่เอ๋อด้วยความสนใจ จากนั้นนางก็พูดต่อ “เมื่อเจ้าได้รับพิณนี้มาในโลกด้านล่าง มันก็หมายถึงวาสนาที่นำพาเจ้าไปหาพิณนี้และลัทธิเต๋าเสียงศักดิ์สิทธิ์ของเรา แม้ว่าลัทธิเราจะมีข้อกำหนดในการรับศิษย์ที่เคร่งคัดและต้องผ่านการคัดเลือกมากมาย แต่เจ้าก็เข้าร่วมนิกายเราได้โดยตรงเนื่องจากเจ้าได้รับพิณปิศาจร่ำไห้มา”

ตอนนั้นผู้หญิงอีกคนก็ได้พูดขึ้น “เด็กน้อย เตรียมตัวให้พร้อม เจ้าไปกับเราได้เพื่อที่เราจะได้กลับไปยังลัทธิ ลัทธิตั้งอยู่ที่เขตกลางของที่ราบอัคคีฟ้า มันไกลจากที่ราบเมฆา เจ้าคงเดินทางไกลแบบนั้นด้วยตัวเองไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงจะเอาเจ้าไปด้วย”

“ไม่ ท่านเอาตัวพี่มู่เอ๋อไปไม่ได้” จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์พูดขึ้นมา

“ผู้อาวุโส ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องสำคัญ ข้าจึงไม่อาจจะไปกับท่านได้ ยิ่งกว่านั้นข้าเองก็ไม่ได้ตกลงว่าจะเข้าร่วมนิกายท่านด้วย” ซ่างกวนมู่เอ๋อพูดขึ้น

ผู้หญิงทั้งสองไม่ได้สนใจพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ พวกนางได้บอกกับซ่างกวนมู่เอ๋อว่า “เจ้าได้รับสมบัติของบรรพชนสามมา ดังนั้นเจ้าต้องเข้าร่วมนิกายกับเรา ยิ่งกว่านั้นมันก็เป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเจ้า และข้าเดาว่านี่คือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าสนามรบสินะ ? มันจัดการได้ง่ายดาย” เมื่อพูดจบนางก็มองไปที่ราชาเทพและรองหัวหน้าของลัทธิปิศาจชั้นฟ้าอย่างห้วยอัน

ตอนนั้นการต่อสู้ระหว่างห้วยอันกับราชาศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงจุดสำคัญ พวกเขาพบการมาของผู้หญิงทั้งสองคนแต่ไม่ได้สนใจ

การต่อสู้เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีแต่มันอันตรายอย่างมาก

“เจ้าคงเป็นคนอยู่เบื้องหลัการต่ออสู้ ได้เวลาที่เจ้าจะจบเกมได้แล้ว” หญิงวัยกลางคนพูดขึ้น เสียงของนางเหมือนกับมีพลังลึกลับเปลี่ยนเป็นคลื่นกลืนกินทั้งสองคนเอาไว้

ตูม !

ทันใดนั้นหมากกระดานตรงหน้าพวกเขาก็ระเบิดออกพร้อมกับคลื่นที่ทำให้มิติฉีกขาดออกมาขยายไปทั่วทุกทิศทาง

พลังงานนี้แข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้ขั้นเหนือเทพรู้สึกสิ้นหวังได้ แม้แต่ราชาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องเปลี่ยนสีหน้าไป

พลังงานอันน่ากลัวนี้ระเบิดขึ้นมาหลังจากที่ผู้อยู่ขอบเขตตั้งตั้นทั้งสองกักเก็บมันมานาน

“ สลาย ! “

ทันใดนั้นหญิงวัยกลางคนก็ตะโกนออกมา เสียงของนางเหมือนจะเปลี่ยนเป็นกฎของโลก สลายพลังงานทั้งหมดในทันที

ราชาศักดิ์สิทธิ์และห้วยอันต่างก็ต้องถอยกลับมา หญิงวัยกลางคนนี้กลับหยุดการต่อสู้ของพวกเขาเอาไว้

ราชาศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่บนกำแพงป้อมปราการและมองไปยังผู้หญิงทั้งสองคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาตะลึงกับพลังของทั้งสองคนนี้

“ห้วยอันขอคำนับ ข้า รองหัวหน้าสาขาที่ราบเมฆาของลัทธิปิศาจชั้นฟ้า ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านทั้งสองเป็นใคร ? ” ห้วยอันป้องมือและถามผู้หญิงทั้งสองอย่างใจเย็น

“ลัทธิปิศาจชั้นฟ้ารึ ? ” ทั้งสองคนพึมพำกับตัวเองก่อนจะขมวดคิ้วทันที